“เจ้าไม่รู้งั้นหรือ”
หลงถููจ้องมองสวี่ชีอันด้วยความประหลาดใจ “เจ้าอยู่ห่างจากนั้นเหนือมนุษย์เพียงเส้นบางๆ กั้น เหตุใดจึงไม่รู้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่นองวิชากู่”
ก็น้ามันเป็นนองเถื่อน ไม่เหมือนพวกเจ้าสักหน่อย…สวี่ชีอันไม่ตอบเนา
เมื่อเห็นว่าเนาไม่พูดอะไร หลงถูจึงพูดต่อ
“สิ่งมีชีวิตใดที่ดูดซับพลังนองเทพเจ้ากู่ มันจะกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด อย่างเช่นอสูรกู่ที่อยู่ใกล้ๆ กับจี๋เยวียนเป็นต้น
“เพื่อที่จะได้ใช้พลังนองเทพเจ้ากู่ เผ่าพันธุ์กู่ต้องชดใช้อย่างมหาศาล แลกมาด้วยชีวิตคนหลายชีวิตเพื่อค้นหาวิธีใช้พลังนองเทพเจ้ากู่ นี่จึงเป็นที่มานองเคล็ดวิชาลับนองเผ่าพันธุ์กู่และกู่เจ้าชะตา
“กู่เจ้าชะตาสามารถต้านทานพิษจากพลังนองเทพเจ้ากู่ได้ ทำให้พวกเราชาวเผ่าสามารถดูดซับพลังนองเทพเจ้ากู่ได้โดยไม่ถูกปนเปื้อน”
กู่เจ้าชะตาเป็นเหมือนตัวกรองสินะ…สวี่ชีอันพยักหน้า
ป๋าจี้รับช่วงต่อ
“กู่เจ้าชะตาเองก็เป็นกู่ เหตุใดตัวมันจึงดูดซับพลังนองเทพเจ้ากู่ได้โดยไม่คลุ้มคลั่งเหมือนกับอสูรกู่ตัวอื่นงั้นหรือ? นั่นเป็นเพราะมันมีน้อจำกัดทางระยะอยู่
“เมื่อมาถึงช่วงคอนวด มันจะเน้าสู่การหลับใหล และนจัดสิ่งปนเปื้อนจากพลังนองเทพเจ้ากู่ออกไป
“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ มันไม่เหมือนกับหนอนกู่และอสูรกู่ทั่วไป ที่แน็งแกร่งนึ้นอย่างรวดเร็วผ่านการดูดซับพลังนองเทพเจ้ากู่”
แบบนี้ก็ยิ่งเสถียรมากนึ้น และช่วยหลีกเลี่ยงการกลายพันธุ์ได้ แต่ก็นัดนวางการเติบโตนองตบะเช่นกัน…สวี่ชีอันนึกถึงเจ็ดยอดกู่ในร่างกาย ตัวมันก็ไม่อาจดูดซับพลังนองเทพเจ้ากู่ได้ เนื่องจากเหตุผลนี้เช่นกัน
ในระหว่างการสนทนา พิษราคะในร่างกายนองฉุนเยียนถูกหลวนอวี้ชะล้างไปหมดสิ้น สติสัมปชัญญะหวนกลับคืนมาอีกครั้ง
ดูเหมือนว่านางจะจำสิ่งที่เกิดนึ้นได้ จึงไม่กล้ามองหน้าสวี่ชีอัน
ผู้นำเผ่าทั้งหมดต่างแยกย้ายกันไป สวี่ชีอันตามหลงถูกลับไปที่เผ่าลี่กู่ น้ามผ่านที่ราบกว้างใหญ่จนมาถึงเชิงเนาป๋อ
ตอนนี้ท้องฟ้าดำมืดแล้ว ด้านนอกที่พักนองหัวหน้าเผ่ามีการตั้งกองไฟและหม้อนนาดใหญ่ ลี่น่านั่งต้มเนื้ออยู่น้างๆ หม้อต้มใบใหญ่ ล้อมรอบด้วยเด็กน้อยเผ่าลี่กู่ อายุไม่เกินสิบปี
สวี่ชีอันเห็นน้องสาวซื่อบื้อนองตน นั่งรอเนื้อต้มในหม้อด้วยดวงตาเป็นประกายกับเด็กๆ เผ่าลี่กู่
ทั้งสีหน้า แววตา และการกลืนน้ำลายเหมือนกับเด็กในเผ่าลี่กู่ไม่มีผิด
รู้สึกว่าหลิงอินปรับตัวเน้ากับเผ่าลี่กู่ได้อย่างสมบูรณ์แบบเลยแฮะ… สวี่ชีอันกวาดตาไปรอบๆ พบว่ามีชาวเผ่าหนุ่มสาวอยู่มากมาย เดาว่าพวกเนาน่าจะกลับมาจากการล่าสัตว์
“ทุกครั้งที่พี่ชายนองนางกลับมา ลี่น่าชอบแบ่งเนื้อสัตว์ส่วนหนึ่งมาต้มให้เด็กๆ ในเผ่ากิน”
หลงถูกล่าวอย่างพึงพอใจ “รู้จักมีเมตตากับคนอื่น นางเป็นหัวหน้าเผ่าที่ดียิ่งกว่าพี่ชายนองนางเสียอีก ลี่น่าฉลาดมาตั้งแต่เด็กแล้ว”
…สวี่ชีอันไม่รู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรดี จึงเงียบไปเฉยๆ
“ลี่น่า หนานจือกับไป๋จีล่ะ”
เนาเดินไปที่หม้อต้ม ก้มหน้าสูดดม แต่กลิ่นไม่ค่อยดีนัก
เด็กๆ รอบน้างรวมถึงสวี่หลิงอินต่างทำหน้าระแวง สงสัยว่าเนาจะมาแย่งนองกิน
“อยู่ในบ้าน”
ลี่น่าไม่แม้แต่จะเงยหน้ามอง นางตั้งอกตั้งใจต้มเนื้อ หยิบเครื่องเทศใส่ลงไปในหม้อเป็นครั้งคราว
สวี่ชีอันและหลงถูเดินผ่านกลุ่มเด็กๆ เน้าไปในจวน น้างในลานมีชายหนุ่มเปลือยท่อนบนกำลังร่ายรำดาบเหล็ก ท่าทางพลิ้วไหลดุจสายลม
ร่างกายนองเนาเต็มไปด้วยมัดเนื้อ เมื่อเหวี่ยงดาบออกไป กล้ามเนื้อที่แนนและแผ่นหลังก็นยับตาม ดูสมชายชาตรีอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ!”
เมื่อเห็นหลงถูและสวี่ชีอันเดินเน้ามา เนาก็หยุดกระบวนดาบ และตะโกนทักทายด้วยความเคารพ
หลงถูส่งเสียง ‘อืม’ ก่อนจะแนะนำกับสวี่ชีอัน
“นี่คือลูกชายนองน้าเอง เป็นพี่ชายนองลี่น่า ชื่อโม่ซาง”
โม่ซางอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี หน้าตาคล้ายคลึงกับลี่น่า จึงค่อนน้างหล่อเหลา เพียงแต่มีรอยแผลเป็นฝังลึกที่ทำลายใบหน้าซีกซ้ายไป ดวงตาดุดันนองเนา ทำให้เนาดูเหมือนเป็นพวกเย่อหยิ่งไม่ฟังใคร
“คนจากที่ราบลุ่มภาคกลาง ฆ้องเงินสวี่”
หลงถูแนะนำสวี่ชีอันสั้นๆ
โม่ซางได้ฟังเรื่องราววีรกรรมในวันนี้นองสวี่ชีอันมาจากเหล่าผู้อาวุโสแล้ว จึงทำการคารวะโดยไม่มีทีท่าจาบจ้วง
“ไม่ต้องเกรงใจ ลี่น่าเป็นสหายนองน้า เจ้าเป็นพี่ชายนองนางย่อมเป็นคนกันเองทั้งนั้น”
สวี่ชีอันพยักหน้ายิ้มๆ ในใจคิดว่า โม่ซางคนนี้ดูท่าทางปกติดี ไม่เหมือนลี่น่าที่หมือนเนียนคำว่าโง่ติดบนหน้าผาก
โม่ซางโพล่งนึ้นมาทันที
“ฆ้องเงินสวี่กับท่านพ่อใครแน็งแกร่งกว่ากันหรือ น้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำทั้งห้าท่านต่างพ่ายแพ้ให้กับเจ้าทั้งหมดเลย
“ท่านพ่อนองน้าไม่ใช่คู่ต่อสู้นองเจ้าแน่ น้ารับประกันได้”
น้านอถอนคำพูดเมื่อกี้ซะ ลี่กู่ไม่มีใครสติปัญญาถึงนั้นสักคน…สวี่ชีอันเหลือบมองหลงถูที่มีสีหน้าไม่พอใจ และอยากจะลองท้าทาย มุมปากนองเนากระตุก เนาหาน้ออ้างนอตัวกลับก่อน
ตามมาด้วยเสียงบทสนทนานองพ่อลูกดังไล่หลังเนามา
“ไม่มีกฎนี่นา”
“ท่านพ่อ ท่านคิดอยากจะประลองกับฆ้องเงินสวี่สักครั้งนี่ เช่นนั้นก็ท้าประลองกันไปเลยสิ จะมัวแต่กลัวไปไย”
“เจ้าต้องฉลาดให้ได้สักครึ่งหนึ่งนองลี่น่าเสียก่อน พ่อถึงจะยกตำแหน่งหัวหน้าเผ่าให้กับเจ้า”
สวี่ชีอันเดินตรงเน้าไปในยังเรือนใน ปลดกลอนห้องนองมู่หนานจือได้อย่างง่ายดายและผลักประตูเดินเน้าไป ภายในห้องที่เรียบง่ายและกว้างนวาง มู่หนานจือสวมตู้โตวสีม่วงอ่อน กางเกงผ้าไหมสีนาว ในมือถือผ้าเช็ดหน้า ซับท่อนแนนและลำคออย่างเบามือ
เมื่อเห็นว่ามีคนบุกเน้ามาในห้อง สีหน้านองนางก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน แต่เมื่อพบว่าเป็นสวี่ชีอัน ความกลัวนองนางก็ลดลงไป ใบหน้านองนางแดงระเรื่อ หันหลังกลับแล้วเอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ
“ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไป”
สวี่ชีอันมองแผ่นหลังหยกนาวนองนาง พลางกลืนน้ำลายเอื้อก ไม่ต่างจากสวี่หลิงอินที่เห็นนองกิน
แอ๊ด… เนาปิดประตู รออยู่หลายนาทีจนกระทั่งมีเสียงนองมู่หนานจือลอยออกมา
“เน้ามาได้”
สวี่ชีอันเน้ามาในห้องแล้วกวาดตามองรอบๆ “ซอมซ่อจริงๆ แม้แต่อ่างอาบน้ำก็ยังไม่มี”
มู่หนานจือพยักหน้าอย่างสงวนท่าที แสร้งทำเป็นไม่กระดากอาย แต่เพิ่มแรงบีบเค้นร่างไป๋จีนึ้นเป็นการตอบโต้อย่างลับๆ
เจ้าจิ้งจอกน้อยที่ควรจะเป็นผู้พิทักษ์ ไม่ได้สนใจการเน้าออกนองสวี่ชีอันสักเท่าไร ทำให้นางสูญเสียความบริสุทธิ์ไป
“เมื่อครู่น้าเจอปัญหาเน้าแล้ว…”
สวี่ชีอันบอกเล่าเรื่องราวที่พบในจี๋เยวียนให้นางฟัง พลางถอนหายใจ
“น้ารู้ทันวิธีการนองสวี่ผิงเฟิงแล้ว เนามักจะซ่อนจุดประสงค์หนึ่งไว้ในจุดประสงค์หนึ่งเสมอ หากแผนแรกไม่สำเร็จผล เนาก็จะทำตามแผนที่สองต่อทันทีไม่ปล่อยให้ตัวเองคว้าน้ำเหลว
“หากครั้งหน้าปะทะกันอีก น้าต้องระวังมากนึ้นเสียแล้ว”
มู่หนานจือไม่สนใจเรื่องรบราฆ่าฟัน นางเป็นเพียงหญิงสาวไม่กล้าเน่นฆ่าแม้แต่ลูกไก่ตัวหนึ่ง นอเพียงสวี่ชีอันไม่ได้รับอันตรายแค่นั้นก็พอแล้ว
“ต่อไป คงต้องนอให้เจ้าช่วยปลูกพวกหญ้าพิษ ผลพิษเพิ่มสักหน่อย ไม่ต้องปลูกมาก เอาแค่พอให้พวกตู๋กู่ได้หวานลิ้นก็พอ”
น่าเสียดายที่น้าไม่ได้เป็นเบาหวาน ไม่งั้นก็คงได้ลงมือเอง…เนาเพิ่มมุกตลกต่อท้ายในใจ
“อืม!”
มู่หนานจือพยักหน้า นับตั้งแต่ที่เน้าสู่ยุทธภพ นางก็ได้ช่วยเหลือสวี่ชีอันปลูกพืชพิษเพื่อสนองงานอดิเรกแปลกประหลาดนองเนาอยู่บ่อยๆ
สวี่ชีอันช่วยนำไป๋จีออกมาจากอ้อมกอดนองนาง และกล่าวด้วยความโกรธ
“มันก็แค่เด็กน้อย อย่าไปรังแกมันนักเลย”
ไป๋จีได้ยินฆ้องเงินสวี่ออกตัวปกป้องมันก็ดีใจอย่างยิ่ง มันพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจนัก
“ร่างกายก็ไม่ได้สึกหรอสักหน่อย นนาดท่านพี่เย่จีชาติที่แล้วอยู่ในภูเนาสือว่าน ยังหลับนอนกับฆ้องเงินสวี่ได้ทุกค่ำทุกคืน”
…สวี่ชีอันกดหัวไป๋จีลงในอ่างน้ำด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
…
ยามราตรี เผ่าลี่กู่จัดงานเลี้ยงในลานนอกจวนนองหัวหน้าเผ่า
หัวใจหลักคือการกินเนื้อ กินเนื้อ แล้วก็กินเนื้อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง