ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 684

“เจ้ามีเหตุผล​อะไร​ถึงมีความมั่นใจ​เช่นนี้​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางไม่พอใจ​ เขา​เอา​ดาบ​ยัน​พื้น​และ​เคี้ยว​ขนม​วอ​วอ​โถว[​1]

“ข้า​ชอบ​จู่โจมผู้อื่น​ยามค่ำคืน​ เพราะ​ยามค่ำคืน​ต้อง​นอนหลับ​ ซึ่งเป็น​ช่วงเวลา​ที่​ผ่อนคลาย​ที่สุด​”

สวี่​ซินเหนียนตบ​ถังไม้ที่​เต็มไปด้วย​น้ำมันเชื้อเพลิง​ที่อยู่​ข้าง​เท้า​ของ​เขา​ และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

“น้ำมัน​ของ​ข้า​ไม่เพียงแต่​เผา​ข้าศึก​ให้​ตาย​เท่านั้น​ ยามค่ำคืน​ยัง​ใช้มัน​ส่องสว่าง​ได้​ด้วย​ ใช้เครื่อง​ยิง​หิน​ยิง​พวก​มัน​ออก​ไป​ พอ​แสงเพลิง​สว่าง​ บรรดา​พลทหาร​ที่​ยืน​อยู่​บน​กำแพงเมือง​ ก็​สามารถ​มองเห็น​สถานการณ์​ด้านล่าง​ได้​อย่าง​ชัดเจน​ และ​ข้าศึก​กลับ​มองเห็น​ลูกธนู​ที่​ยิง​มาจาก​กำแพงเมือง​ไม่ชัดเจน​ มาเท่าไร​ก็​ตาย​หมด​”

“แผน​ของ​เจ้าเหมาะสำหรับ​ก่อน​เปิดศึก​เท่านั้น​ ลงมือ​จู่โจมก่อน​ได้เปรียบ​”

แต่​ตอนนี้​ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​เตรียมพร้อม​ยุทธวิธี​รุ​กรับ​ไว้​แล้ว​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางรู้สึก​ว่า​บัณฑิต​ผู้​นี้​พูด​มีเหตุผล​ พอ​คิด​ๆ ดู​แล้ว​ตา​ของ​เขา​ก็​เป็นประกาย​

“เช่นนั้น​หาก​ฝ่ายตรงข้าม​ส่งยอด​ฝีมือ​มาล่ะ​”

สวี่เอ้อร์​หลา​งมอง​เขา​อย่าง​เงียบๆ​ “ข้า​ออกคำสั่ง​ให้​ยอด​ฝีมือ​ใน​ค่ายทหาร​ลาดตระเวน​ยามค่ำคืน​ สิ่งที่​เตรียม​ป้องกัน​คือ​อะไร​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางยอม​ด้วยใจจริง​แล้ว​ เขา​ชูนิ้วโป้ง​ขึ้น​มา

“สมกับ​เป็น​น้องชาย​ของ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ มีมาด​ของ​พี่ชาย​ท่าน​จริงๆ​”

สวี่เอ้อร์​หลา​งก​ระ​ตุ​ก​มุมปากเบา​ๆ ใน​ใจพูดว่า​ ‘เจ้าก็​เหมือนกับ​พี่ชาย​ของ​ข้า​ มีมาด​ของ​ความ​หยาบคาย​’

เขา​รู้​ว่า​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเป็น​ผู้ติดตาม​ของ​พี่ใหญ่​ ครั้ง​ก่อนที่​พี่ใหญ่​กลับ​เมืองหลวง​ ทั้งสอง​ได้​มีวาสนา​พบ​เจอกัน​สอง​สามครา​ ก่อนที่​เขา​จะรับ​คำสั่ง​ไป​ตั้งมั่น​รักษาการณ์​ที่​อำเภอ​ซงซาน​ จู่ๆ เหมียว​โห​ย่ว​ฟางก็​มาหา​ถึงที่​ และ​อยาก​จะตาม​เขา​ไป​ทำสงคราม​ด้วย​

สวี่เอ้อร์​หลา​งถามว่า​ ‘พี่ใหญ่​ส่งมาใช่หรือไม่​’

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางส่ายหน้า​กล่าว​ ‘พิทักษ์​ชาติ​บ้านเมือง​ เป็น​สิ่งที่​ชายชาตรี​พึงกระทำ​’

จอม​ยุทธ์​สลาย​แรง​ขั้น​ห้า​คน​หนึ่ง​เป็น​ฝ่าย​บากหน้า​มาพึ่งพาอาศัย​ อีก​ทั้ง​สถานะ​ยัง​ไม่มีปัญหา​อะไร​ กองทัพ​ย่อม​ยินดีต้อนรับ​เป็น​อย่างยิ่ง​ ดังนั้น​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางจึงตาม​เขา​มาที่​อำเภอ​ซงซาน​

“แต่ว่า​ยอด​ฝีมือ​ที่​รักษา​อยู่​ใน​ค่ายทหาร​มีน้อย​เกินไป​ ไม่คิด​เลย​ว่า​จะมีขั้น​สี่แค่​คนเดียว​” เหมียว​โห​ย่ว​ฟางส่ายหน้า​

“ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ล้วน​เป็น​คน​ระดับสูง​ ย่อม​มีจำนวน​น้อย​เป็นธรรมดา​” สวี่เอ้อร์​หลา​งตอบ​

“น้อย​มาก​หรือ​ ข้า​ติดตาม​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ไป​รบ​จาก​เหนือ​จรด​ใต้​ ขั้น​สี่มีมากมาย​ราวกับ​ฝูงปลา​ ไม่อยู่​ใน​สายตา​เสีย​ด้วยซ้ำ​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางกล่าว​วางมาด​ยโส​

‘เจ้าก็​รู้​นี่​นา​ว่า​นั่น​ติดตาม​พี่ใหญ่​ข้า​…’ มือ​ทั้งสอง​ของ​สวี่เอ้อร์​หลา​งยัน​กำแพง​ปีกกา​เอาไว้​และ​กล่าว​ช้าๆ

“สำหรับ​ข้า​แล้ว​ บรรดา​ขุนนาง​ในราชสำนัก​ไม่ใช่ของ​หา​ยาก​ มีเต็ม​ท้องพระโรง​ แต่​พี่​เหมียว​เคย​เจอ​ขุนนาง​ขั้นสูงสุด​กี่​คน​กัน​”

ระดับ​ขั้น​ที่​พี่ใหญ่​พัวพัน​ใน​ตอนนี้​ คู่ต่อสู้​ทั้งหมด​ที่​เผชิญ​จะต้อง​เป็น​ขั้นสูงสุด​ของ​กลุ่ม​อิทธิพล​บาง​กลุ่ม​อย่าง​แน่นอน​ และ​ขั้นสูง​ของ​กลุ่ม​อิทธิพล​ใหญ่​ย่อม​เป็น​กลุ่มคน​ที่​โดดเด่น​ที่สุด​ใน​จิ่ว​โจว​เหล่านั้น​

แน่นอน​ว่า​ขั้น​สี่ไม่ใช่ของ​หา​ยาก​อีกแล้ว​

แต่​ใน​ชิงโจว​ ใน​อำเภอ​ซงซาน​เล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​ ขั้น​สี่ถือเป็น​บุคคล​ระดับสูง​

ทหาร​รักษา​ค่าย​ใน​อำเภอ​ซงซาน​มีนายทหาร​ผู้บัญชาการ​ขั้น​สี่แค่​คนเดียว​เท่านั้น​ที่อยู่​ระดับ​เดียว​กับ​สวี่เอ้อร์​หลา​ง

นายทหาร​ผู้บังคับบัญชา​การคน​นั้น​รับผิดชอบ​ตั้งมั่น​รักษาการ​อยู่​ประตูเมือง​ทิศเหนือ​

สวี่เอ้อร์​หลา​งไม่คิด​จะพัวพัน​กับ​หัวข้อ​นี้​อีก​ หลังจาก​สูด​หายใจ​เอา​ลมหนาว​ยามค่ำคืน​เข้าไป​ที​หนึ่ง​แล้วก็​กล่าว​ออกมา​

“ข้า​จำได้​ พี่ใหญ่​เคย​บอ​กว่า​ เป้าหมาย​ของ​เจ้าคือ​กลายเป็น​จอม​ยุทธ์​ใหญ่​แห่ง​ยุค​ที่​มีชื่อเสียง​ไป​ทั่วหล้า​ แต่​ใน​พื้นที่​สงคราม​วุ่นวาย​ การรักษา​ความเป็นธรรม​ของ​เจ้ายาก​ที่จะ​เผยแพร่​ออก​ไป​ เพราะ​คน​ที่​เจ้าช่วย​ใน​วันนี้​ อาจจะ​ตาย​พรุ่งนี้​ก็ได้​ บรรดา​ประชาชน​ผู้ลี้ภัย​ หาก​ไม่ถูก​ทหาร​ต้าฟ่ง​ช่วยเหลือ​ ก็​ถูก​ทหาร​กบฏ​ช่วยเหลือ​ ก็​เหมือนกับ​สินค้า​ที่​พลิก​เปลี่ยนมือ​กัน​ไปมา​ พวกเขา​ไม่คิด​จะจดจำ​จอม​ยุทธ์​บางคน​ที่​เคย​ช่วย​พวกเขา​มาก่อน​ อยาก​เป็น​จอม​ยุทธ์​ใหญ่​ ต้อง​ไป​สถานที่​ที่​สงบสุข​ แค่​ปล้น​คนรวย​ช่วย​คนจน​ก็​มีชื่อ​ของ​เจ้าเลื่องลือ​ใน​ยุทธ​ภพ​แล้ว​”

สำหรับ​คำถาม​ของ​สวี่​ซินเหนียน​ เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเกา​หัว​ยิกๆ​ และ​คิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​

“จอม​ยุทธ์​ ข้า​ย่อม​อยาก​เป็น​ แต่​แสงรุ่งโรจน์​งดงาม​ที่​แท้จริง​ของ​จอม​ยุทธ์​ใหญ่​ ช้าเร็ว​ไม่กี่​ปี​ก็​ไม่เป็นไร​ แต่​ต้าฟ่ง​ตกต่ำ​ลง​ทุกวัน​ หาก​ไม่ต่อ​ชีวิต​ให้​มัน​ คง​ต้อง​เปลี่ยน​ยุค​เปลี่ยน​ราชวงศ์​แล้ว​จริงๆ​ ที่จริง​สำหรับ​ข้า​แล้ว​ใคร​เป็น​จักรพรรดิ​ก็​ไม่เกี่ยวกับ​ข้า​ แต่​สำหรับ​อาณาประชาราษฎร์​แล้ว​ นี่​คือ​ภัยพิบัติ​ครั้งหนึ่ง​ หาก​รักษา​ชิงโจว​ไว้​ไม่ได้​ ไฟสงคราม​จะลุกไหม้​ไป​ถึงภาคเหนือ​จน​ลาม​ไป​ถึงเมืองหลวง​ สายน้ำ​ขุนเขา​นับ​หมื่น​ใน​ระหว่างทาง​ล้วน​กลายเป็น​ดิน​แห้ง​เกรียม​ ดังนั้น​ข้า​เลย​คิด​ว่า​ สามารถ​ควบคุม​ทหาร​กบฏ​ไว้​ใน​ชิงโจว​ได้​หรือไม่​ ให้​สงคราม​วุ่นวาย​หยุด​อยู่​ที่​ชิงโจว​”

สวี่​ซินเหนียน​รู้สึก​แปลกใจ​เล็กน้อย​ และ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

“พี่​เหมียว​ทำให้​ข้า​มอง​ด้วย​สายตา​ที่​ทึ่ง​จริงๆ​ ใน​ยุทธ​ภพ​มีจอม​ยุทธ์​คุณธรรม​ที่รัก​บ้านเมือง​และ​ประชาชน​เช่น​ท่าน​น้อย​มาก​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางยักไหล่​

“ไม่ ที่จริง​ข้า​ไม่ได้​ประทับใจ​อะไร​ใน​ราชสำนัก​ต้าฟ่ง​เลย​ ก็​แค่​ตอนที่​ข้า​แยกทาง​กับ​ฆ้อง​เงิน​สวี่​นั้น​ เขา​เคย​พูด​บางอย่าง​กับ​ข้า​ ที่​เขา​บ่ม​เพาะ​ข้า​ ชี้แนะ​การ​บำเพ็ญ​ให้​ข้า​ เพราะว่า​ปี​นั้น​มีคน​ให้โอกาส​เขา​ ความปรารถนา​ทั้งหมด​ก็​แค่​หวัง​ว่า​เขา​จะมีประโยชน์​ต่อ​ราชสำนัก​และ​ประชาชน​ใน​ภายภาคหน้า​ ฆ้อง​เงิน​สวี่​ทำได้​ และ​ไม่ผิด​ต่อ​ความคาดหวัง​ของ​คน​ผู้​นั้น​ ดังนั้น​ข้า​เอง​ก็​ไม่อยาก​ให้​ฆ้อง​เงิน​สวี่​ผิดหวัง​”

‘พี่ใหญ่​ไม่ได้​ดู​คน​ผิด​นี่​…’ สวี่เอ้อร์​หลา​งพยักหน้า​เงียบๆ​ ขณะที่​กำลังจะ​พูด​อะไร​ออกมา​ ก็​ได้ยิน​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางที่อยู่​ด้าน​ข้าง​ตะโกน​ด้วย​สีหน้าที่​เปลี่ยนไป​

“ทหาร​ศัตรู​เข็น​ปืนใหญ่​มาแล้ว​!”

สวี่​ซินเหนียน​ใจเย็น​สะท้าน​ เพ่ง​สายตา​มองออก​ไป​ ราตรี​มืดมิด​มองไม่เห็น​อะไร​สัก​อย่าง​ แต่​เขา​รู้​ว่า​เหมียว​โห​ย่ว​ฟางเป็น​จอม​ยุทธ์​ขั้น​ห้า​ สายตา​ใน​การ​มองเห็น​เหนือกว่า​คน​ปกติ​มาก​ ดังนั้น​จึงตะโกน​อย่าง​ไม่ลังเล​

“ตี​กลอง​! ปืนใหญ่​เตรียมพร้อม​ เครื่อง​ยิง​ธนู​เตรียมพร้อม​”

พลทหาร​ที่​พิง​กำแพง​ปีกกา​พักผ่อน​อยู่​ และ​พลทหาร​สวม​ชุด​เกราะ​อ่อน​ที่​นอนหลับ​อยู่​บน​ทางเดิน​พา​กัน​ตื่น​ด้วย​ความตกใจ​ พวกเขา​ใส่กระสุน​ปืนใหญ่​กับ​ลูกธนู​อย่าง​เป็นลำดับ​ขั้นตอน​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางผลัก​มือ​ยิง​ปืนใหญ่​คน​หนึ่ง​ออก​ไป​ เขา​เล็ง​ปากกระบอกปืน​ด้วย​ตนเอง​ และ​จุด​สาย​นำ​ไฟ

‘ตูมตาม​!’

แสงไฟลูก​หนึ่ง​ขยาย​ใหญ่​ออกมา​ ส่องสว่าง​ไป​ใน​ระยะไกล​ ทำให้​ทหาร​รักษาการณ์​บน​กำแพงเมือง​มองเห็น​กองทัพ​ศัตรู​ที่​เข้าใกล้​ปืนใหญ่​อย่าง​ชัดเจน​

แสงไฟที่​ระเบิด​ยัง​ไม่ดับ​ลง​ เครื่อง​ยิง​ธนู​และ​ปืนใหญ่​บน​กำแพงเมือง​ก็​พุ่ง​ยิง​ออก​ไป​ติดต่อกัน​ พลัง​เพลิง​โหมกระหน่ำ​ใส่ศัตรู​

ความได้เปรียบ​ของ​ทหาร​รักษา​เมือง​แสดง​ออกมา​อย่าง​ชัดเจน​ ด้วยเหตุที่​ลูกไฟ​บน​กำแพง​ตกลง​จาก​ที่สูง​ ระยะ​การ​ยิง​จึงไกล​กว่า​ของ​กองทัพ​ศัตรู​มาก​

กองทัพ​ศัตรู​อยาก​จะระเบิด​กำแพงเมือง​ ต้อง​ผ่าน​พลัง​เพลิง​ล้างบาป​ของ​ทหาร​รักษาการณ์​นี้​ให้ได้​ก่อน​

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางคืน​ปืนใหญ่​ให้​กับ​มือ​ยิง​แล้ว​หันไป​กล่าว​กับ​สวี่​ซิน​เนียน​ด้วย​ความโมโห​

“เจ้าไม่ได้​บอ​กว่า​กองทัพ​ศัตรู​จะไม่โจมตี​ใน​เวลา​กลางคืน​หรอก​หรือ​”

“หา​ เจ้าพูด​อะไร​” สวี่เอ้อร์​หลา​งแคะ​ขี้หู​แล้ว​ตะโกน​ออกมา​

“เสียง​ระเบิด​ดัง​เกินไป​ ข้า​ไม่ได้ยิน​”

เหมียว​โห​ย่ว​ฟางระเบิด​คำพูด​หยาบคาย​ไป​ประโยค​หนึ่ง​ ใน​ใจกล่าวว่า​ ‘หนัง​หน้า​ของ​บัณฑิต​ไม่ด้อย​ไป​กว่า​กระดูกเหล็ก​ผิว​ทองแดง​ของ​จอม​ยุทธ์​เลย​จริงๆ​’

ขณะนี้​ หลังจาก​กองทัพ​ศัตรู​สูญเสีย​ปืนใหญ่​ไป​สามลำ​และ​เครื่อง​ยิง​ธนู​ไป​สอง​เครื่อง​ ในที่สุด​ก็​บุก​เข้ามา​ใน​ระยะ​รัศมี​ยิง​ เสียง​ลูกไฟ​ระเบิด​ถึงขึ้น​ถี่ยิบ​ เสียง​ตูมตาม​ดัง​ขึ้น​ไม่ขาดสาย​

แสงไฟแต่ละ​ลูกระเบิด​ตัวตรง​กำแพง​และ​บน​กำแพง​อย่าง​ต่อเนื่อง​

ในระหว่างนั้น​มีเสียง​ดีด​ลูกธนู​ดัง​แผ่ว​โผย​ปะปนกัน​

พลัง​ทำลายล้าง​ของ​เครื่อง​ยิง​ธนู​ห่าง​ชั้น​จาก​ปืนใหญ่​มาก​ ไม่ว่า​จะเป็นการ​ทำลาย​กำแพง​หรือ​สังหาร​พลทหาร​ล้วน​เทียบ​กับ​ปืนใหญ่​ไม่ติด​

แต่​ผลสะท้อน​ของ​รายการ​จำพวก​รถ​ยิง​ธนู​และ​เครื่อง​ยิง​ธนู​ ทำให้​มัน​เคียงคู่​กับ​ปืนใหญ่​ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ โดย​ไม่เคย​ถูก​โละ​ออก​ นั่น​ก็​คือ​พลัง​สังหาร​ของ​ลูกธนู​แบบ​ตัวต่อตัว​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง