ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 690

หยาง​กง​ยก​ถ้วย​ชามาจิบ​น้ำชา​ที่​ร้อน​จัด​อึก​หนึ่ง​ ก่อน​เอ่ย​ช้าๆ ว่า​

“หาก​คิด​จะจัดการ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ก็​มิใช่เรื่อง​ยาก​ ให้​จางเซิ่น​ร่วมมือ​กับ​ยอด​ฝีมือ​ใน​กองทัพ​และ​ไล่​ตี​แตก​ไป​ทีละ​จุด​ก็​สิ้นเรื่อง​”

ทหาร​สามัญและ​จอม​ยุทธ์​ระดับ​ล่าง​ไม่มีทาง​รับมือ​กับ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ได้​ แต่​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​เลย​ที่​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ซึ่งเหาะ​เหิน​เดินอากาศ​ได้​จะจัดการ​กับ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​

ห​ลี่​มู่ไป๋​หันไป​เหลือบมอง​สหาย​รัก​แล้ว​เอ่ย​เตือน​ว่า​

“กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ก็​มียอด​ฝีมือ​ ยิ่งไปกว่านั้น​ มาตร​การตอบโต้​ง่ายๆ​ เช่นนี้​ พวกเรา​คิดได้​แล้ว​ทัพ​กบฏ​จะคิดไม่ถึง​หรือ​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​เป็น​อุบาย​เชิญท่าน​ลง​อ่าง​อย่างหนึ่ง​ก็ได้​”

การ​ให้​ยอด​ฝีมือ​ขั้น​สี่ออกจาก​กองบัญชาการ​สูงสุด​และ​ต่อสู้​กับ​ศัตรู​ตามลำพัง​นั้น​อันตราย​ร้ายแรง​เกินไป​ ไม่แน่​ว่า​อาจ​จากไป​ไม่หวนกลับ​

“หาก​พวกเรา​มีกองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ก็ดี​สิ”

นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​เอ่ย​ด้วย​ความ​ปลดปลง​

“บางที​ พวกเรา​อาจ​ขอ​กำลัง​เสริม​จาก​คน​เถื่อน​ และ​ขอให้​แมงมุมปีกนก​ของ​ฝ่าย​พฤกษา​สุวรรณ​ลง​ใต้​ไป​ช่วย​สนับสนุน​ได้​”

ผู้พูด​ไม่มีเจตนา​หาก​แต่​สะกิดใจ​ผู้ฟัง​ นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ทาง​ด้าน​ซ้าย​ผู้​หนึ่ง​หัวใจ​กระตุก​วูบ​ ทว่า​ความคิด​นี้​ก็​ถูก​หักล้าง​อย่าง​รวดเร็ว​

“ข้อคิดเห็น​ของ​ท่าน​แตกต่าง​จาก​การร้อง​ขอให้​ราชสำนัก​ระดมพล​อินทรี​หาง​แดง​อย่างไรเล่า​ อีก​ทั้ง​ชายแดน​ทางเหนือ​ก็​ห่าง​จาก​ชิงโจว​เป็น​แสน​ลี้​ จะมาทัน​ได้​อย่างไร​”

“ให้​ซุน​เสวียน​จีช่วย​ดี​หรือไม่​ เขา​เป็น​โหร​ระดับ​สาม หาก​เขา​รับผิดชอบ​เรื่อง​ ‘การขนส่ง​’ ได้​ ก็​น่าจะ​เป็นไปได้​นะ​”

“หาก​ซุน​เสวียน​จีไป​แล้ว​ ผู้ใด​จะยับยั้ง​จีเสวียน​ล่ะ​ เฮ้อ​ คิดไม่ถึง​ว่า​จะมีจอม​ยุทธ์​ขั้น​สามรุ่นเยาว์​ผู้​หนึ่ง​อยู่​ใน​ทัพ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ด้วย​”

“ทว่า​แผนการ​ขอ​กำลัง​เสริม​จาก​คน​เถื่อน​นั้น​ อันที่จริง​ก็​มีความเป็นไปได้​ แต่​ตาม​ขั้นตอน​แล้ว​ต้อง​ส่งจดหมาย​ถึงราชสำนัก​ก่อน​ จากนั้น​ราชสำนัก​จึงจะส่งทูต​ขึ้น​เหนือ​ แม้คน​เถื่อน​จะตอบรับ​ด้วย​ความยินยอมพร้อมใจ​ แต่​กว่า​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ของ​ฝ่าย​พฤกษา​สุวรรณ​จะลง​ใต้​เพื่อ​เข้าร่วม​สงคราม​ก็​เป็นเรื่อง​ภายหลัง​ต้น​วสันตฤดู​แล้ว​”

“น้ำ​ที่อยู่​ห่างไกล​มิอาจ​ดับ​ความกระหาย​ได้​นะ​”

“ท่าน​ทั้งหลาย​วิสัยทัศน์​สั้น​เกินไป​แล้ว​ ตอนนั้น​ที่​ปลด​ประจำการ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​เนื่องจาก​แผ่นดิน​สงบสุข​จึงไม่ต้อง​ใช้กองกำลัง​ ทว่า​หลัง​การ​สู้รบ​ที่​เมือง​จิ้งซาน​ ทุกท่าน​ก็​ควรจะ​ระแวดระวัง​ได้​แล้ว​”

“หาก​เว่ยกง​ยังอยู่​ เขา​คง​รีบ​ฝึก​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​นาน​แล้ว​เป็นแน่​”

“หาก​พวกเรา​มีกองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ก็ดี​สิ”

ห​ลี่​มู่ไป๋​เคาะ​โต๊ะ​ขัดจังหวะ​หัวข้อ​สนทนา​เปล่าประโยชน์​นี้​แล้ว​เอ่ย​เสียง​เข้ม​ว่า​

“ตงห​ลิง​ถูก​ทำลาย​แล้ว​ ทหาร​อารักขา​ภายใต้​การนำ​ของ​ซุน​เสวียน​จีได้​เปลี่ยน​ทัพ​กบฏ​เป็น​จุดยุทธศาสตร์​ และ​คุมเชิง​กัน​อยู่​ทาง​ทิศเหนือ​และ​ใต้​ หว่าน​จวิ้น​ถูก​ปิดล้อม​ ทัพ​กบฏ​ตัดสินใจ​จะใช้ความสามารถ​ใน​การตรวจจับ​ของ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ดึง​กองกำลัง​ส่วนหนึ่ง​ออกมา​ปิดล้อม​ฐาน​ที่มั่น​ แล้ว​ใช้กองกำลัง​หลัก​โจมตี​ฐาน​ที่มั่น​ของ​กองกำลัง​เสริม​ นี่​นับ​เป็น​สงคราม​ที่​ค่อยๆ​ ผลาญ​กำลัง​ของ​ศัตรู​ และ​จะไม่เกิดเรื่อง​ไม่คาดฝัน​ใน​ระยะเวลา​อัน​สั้น​

“แต่​หาก​ไม่สนใจ​เป็นเวลา​นาน​ ช้าเร็ว​หว่าน​จวิ้น​จะสิ้น​เสบียง​และ​อาวุธ​”

เขา​ชะงัก​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​มอง​เหล่า​ทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​ด้วย​หน้านิ่วคิ้วขมวด​แล้ว​เอ่ย​ว่า​

“หาก​มิอาจ​หา​ทางแก้ไข​สถานการณ์​ยากลำบาก​ของ​หว่าน​จวิ้น​ได้​ เช่นนั้น​ก็​ต้อง​คิด​หาทาง​รักษา​อำเภอ​ซงซาน​ไว้​”

นายทหาร​ฝ่าย​เสนาธิการ​รอบข้าง​ตะลึงงัน​ ก่อน​ตอบสนอง​โดย​การ​หันมา​ทาง​หยาง​กง​

“หัวหน้า​ หาก​ข้า​จำไม่ผิด​ จนถึง​ตอนนี้​อำเภอ​ซงซาน​ยัง​ไม่มีข่าวดี​ส่งมาเลย​นะ​ ยิ่ง​ไม่มีจดหมาย​ขอ​กำลัง​เสริม​มาด้วย​”

หยาง​กง​พยักหน้า​

“เทียบ​กับ​ตง​ห​ลิง​และ​หว่าน​จวิ้น​แล้ว​ อำเภอ​ซงซาน​มีความสำคัญ​เป็นรอง​ ทัพ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ต้อง​โจมตีสอง​ที่​แรก​ก่อน​เป็นแน่​”

ห​ลี่​มู่ไป๋​ส่งเสียง​ ‘อืม​’

“อำเภอ​ซงซาน​ครอบครอง​ชัยภูมิ​และ​เสบียงอาหาร​บริบูรณ์​ ทั้ง​ยังมี​จู๋จวิน​และ​เอ้อร์​หลา​งนั่ง​รักษาการณ์​ คิด​ว่า​คง​ป้องกัน​ไว้​ได้​ ทว่า​ดู​จาก​สถานการณ์​ปัจจุบัน​ที่​ตง​ห​ลิง​แตก​และ​หว่าน​จวิ้น​ถูก​ปิดล้อม​แล้ว​

“ก้าว​ต่อไป​ของ​ทัพ​กบฏ​อวิ๋น​โจว​ก็​คือ​อำเภอ​ซงซาน​นี่​ละ​”

ขณะที่​เอ่ย​อยู่​นั้น​ เจ้าพนักงาน​คน​หนึ่ง​ก็​รีบร้อน​เข้ามา​พร้อมกับ​สาส์น​ลับ​ใน​มือ​ แล้ว​เอ่ย​เสียง​สูงว่า​

“ใต้เท้า​สมุหเทศาภิบาล​ มีรายงาน​ด่วน​จาก​อำเภอ​ซงซาน​ขอรับ​”

หยาง​กง​รีบ​เอ่ย​ว่า​ “ส่งมา”

เจ้าพนักงาน​จึงส่งสาส์น​ลับ​ขึ้นไป​

ทันทีที่​หยาง​กง​เปิด​ออก​อ่าน​ สีหน้า​ก็​พลัน​ดำ​ดิ่ง​

ห​ลี่​มู่ไป๋​และ​คนอื่นๆ​ เห็น​ดังนั้น​ก็​เย็นเยือก​หัวใจ​ “ใน​สาส์น​ว่า​อย่างไร​”

หยาง​กง​เอ่ย​อย่าง​ชัดถ้อยชัดคำ​ว่า​

“กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​บุก​โจมตี​อำเภอ​ซงซาน​ เอ้อร์​หลา​งขอ​กำลัง​เสริม​”

หลังจาก​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ จู่ๆ สีหน้า​ของ​เขา​ก็​ย่ำแย่​ขึ้น​มา

“นี่​เป็น​สาส์น​เมื่อ​สามวันก่อน​”

จาก​อำเภอ​ซงซาน​ใช้ม้าเร็ว​ห้อ​ตะบึง​มาถึงเมือง​ชิงโจว​ต้อง​ใช้เวลา​สามวัน​

อำเภอ​ซงซาน​

ดวงตะวัน​เจิดจ้า​ แต่กลับ​ไม่นำพา​ความร้อน​มาแม้แต่น้อย​ สวี่เอ้อร์​หลา​งยืน​อยู่​ยอด​กำแพงเมือง​พลาง​คว้า​เศษหิน​ที่​ปะปน​โลหิต​ของ​ทหาร​อารักขา​และ​ควัน​ดินปืน​ขึ้น​มา

เขา​มอง​ไป​รอบ​ๆ โดย​ไม่แสดง​สีหน้า​ ยอด​กำแพงเมือง​เต็มไปด้วย​หลุม​ระเบิด​เป็น​รอยแตก​กระดำกระด่าง​จน​แทบ​ไม่เหลือ​สภาพเดิม​

ทหาร​ถูก​ห่อ​ด้วย​ผ้า​กระสอบ​และ​ผ้าฝ้าย​เนื้อ​ละเอียด​กระจัดกระจาย​อยู่​ประปราย​ ไม่เห็น​ร่าง​ที่​สมบูรณ์​แม้แต่​คนเดียว​

และ​ผู้​ที่​รั้ง​อยู่​ด้าน​บนสุด​ของ​กำแพง​ คือ​ผู้​ที่​ได้รับบาดเจ็บ​น้อยที่สุด​ใน​บรรดา​ทหาร​อารักขา​ของ​อำเภอ​ซงซาน​

เดิม​อำเภอ​ซงซาน​มีทหาร​อารักขา​สอง​พัน​นาย​ บัดนี้​เหลือ​เพียง​ห้า​ร้อย​นาย​ คนอื่นๆ​ ได้​เสียชีวิต​ใน​สงคราม​ด้วย​การบุก​และ​ตั้ง​รับ​อัน​โหดร้าย​

สามวัน​ผ่าน​ไป​นับตั้งแต่​การบุก​โจมตี​ของ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​

วิธีการ​โจมตี​ของ​กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​นั้น​แสน​ง่ายดาย​ คือ​การขว้าง​กระสุน​ปืนใหญ่​และ​กระปุก​น้ำมันเชื้อเพลิง​มายัง​ยอด​กำแพงเมือง​ เหล่า​ทหาร​อารักขา​กระทำ​กับ​ทัพ​ศัตรู​ที่​ล้อม​เมือง​อย่างไร​ กองทัพ​อสูร​เหิน​เวหา​ก็​รับมือ​กับ​ทหาร​อารักขา​เช่นนั้น​

แนวทาง​อัน​แสน​ง่ายดาย​แต่กลับ​อันตราย​ถึงชีวิต​

ทหาร​อารักขา​สละ​ชีวิต​ทางตรง​ไป​เกือบ​พัน​คนใน​วัน​แรก​ ด้านบน​ของ​กำแพงเมือง​ถูก​กระสุน​ปืนใหญ่​ระเบิด​เป็น​หลุม​นับ​พัน​ ก้อนอิฐ​ก้อนหิน​ถูก​เผา​เกรียม​ถ้วน​ทั่ว​

เมื่อ​เวลา​พลบค่ำ​ ข้าศึก​จึงถอยกลับ​

หลัง​ผ่าน​หนึ่ง​วัน​อัน​สิ้นหวัง​เช่นนี้​ ขวัญ​กำลังใจ​ของ​ทหาร​อารักขา​ก็​ทรุด​ฮวบ​ และ​คิด​ว่า​เมือง​จะต้อง​ถูก​ทำลาย​ใน​วันพรุ่งนี้​แน่​แล้ว​ จิตใจ​จึงล่องลอย​ไม่เป็น​ส่ำ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง