นั่นคือฝูงสัตว์ปีกที่แน่นขนัดจนท้องฟ้ามืดมัว มีทั้งเผ่าวิหคแดงที่นำโดยหงอิง รวมถึงเผ่าอินทรีและเผ่ากระเรียนที่นำโดยจินเตียว…
พวกมันรวมกันเป็นกองทัพสัตว์ปีกจากอาณาจักรหมื่นปีศาจที่กำลังบินมาจากปลายขอบฟ้าราวกับฝูงตั๊กแตนอย่างท่วมท้น
และในขณะเดียวกันนั้นเอง ป้อมสังเกตการณ์ที่อยู่ห่างจากเมืองทางใต้สิบลี้ ห้าลี้ และสามลี้ ต่างก็เริ่มเป่าแตรเสียงไปตามๆ กันแล้วก็พลันหยุดลง
“เผ่าพันธุ์ปีศาจ เผ่าพันธุ์ปีศาจมาแล้ว…”
เสียงของกองทัพป้องกันเมืองดังอยู่ในค่ำคืนอันว่างเปล่าและสะท้อนไปถึงยังกำแพงเมืองสูงตระหง่าน
จากนั้นเสียงตีกลองดัง ‘ตึง ตึง ตึง’ ก็เริ่มกึกก้อง มันทั้งทุ้มต่ำ หนักแน่น และดังสนั่นไปทั่วค่ำคืน
กองทัพป้องกันเมืองกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพากันสาวเท้าขึ้นบันไดไปบนกำแพงเมือง
ส่วนหนึ่งไปตระเตรียมน้ำมันเพลิง ท่อนซุง และหินกลิ้งที่มีไว้สำหรับป้องกันเมืองอย่างเป็นระเบียบ
กองทหารป้องกันเมืองอีกส่วนก็ใส่ลูกศรบนหน้าไม้แล้วเล็งไปยังป่าที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งร้อยเมตร
เมืองทางใต้ตั้งอยู่บนภูเขาหมื่นปีศาจ ในปีที่สร้างกำแพงเมืองนั้น คนจากดินแดนประจิมทิศได้ตัดโค่นต้นไม้ที่อยู่รอบนอกในระยะหนึ่งร้อยเมตรจนเกลี้ยงและสร้างเป็นพื้นที่ว่างๆ ผืนหนึ่ง
ที่ออกแบบเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เผ่าพันธุ์ปีศาจอาศัยชัยภูมิเหล่านั้นแอบเข้ามาประชิดกำแพงเมืองนั่นเอง
ยามค่ำคืนไร้ลม แต่ในป่าทึบใต้แสงจันทร์ที่อยู่ไกลๆ กลับสั่นไหวไม่หยุด
ท่ามกลางความมืดมิด ไม่รู้ว่ามีศัตรูอีกมากมายเท่าไหร่ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้
หัวหน้าหมู่คนหนึ่งดึงลูกธนูออกมาแล้วนำหัวธนูไปเกลือกกลิ้งบนคบเพลิง ทำให้มันติดน้ำมันแล้วมีไฟลุกโชติช่วง
เขายิงธนูดอกนั้นไปยังความว่างเปล่า พลังปราณที่ติดอยู่บนลูกศรพลันระเบิดออก แสงไฟสว่างวาบขึ้นมาและส่องไปรอบๆ
ด้านล่างนั่น ตรงจุดที่แสงไฟส่องไปถึง หมาป่าสีเทาสิบกว่าตัวที่แอบเข้ามาใกล้กำแพงเมืองเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว
‘ฉึก ฉึก ฉึก’…
พวกมันถูกฝนธนูหนาทึบเข้าครอบคลุมทันทีและสิ้นชีพคาที่
สิ่งนี้เหมือนกับเป็นชนวนเปิดสงครามใหญ่ เงาดำมืดฟ้ามัวดินพุ่งออกจากป่าทึบไปยังประตูเมือง
ในหมู่พวกมัน ส่วนใหญ่มีแขนขาทั้งสี่อยู่ติดพื้น ส่วนน้อยนั้นมีร่างมนุษย์
“ยิง!”
มือธนูบนกำแพงเมืองปล่อยสายธนูทันที เสียงธนูหลุดจากแล่งดังสะท้อนทั่วกำแพงเมือง
ด้วยการโจมตีของลูกธนูและหน้าไม้ ทำให้เงาดำมืดมัวเหล่านั้นหยุดอยู่กับที่และสิ้นชีพภายในการโจมตีรอบแรก
การตายของเพื่อนร่วมรบไม่อาจหยุดยั้งเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ ไฟแห่งการล้างแค้นและความโหยหาในบ้านเกิดทำให้พวกมันไม่กลัวแม้แต่ความตาย
“ยิง!”
ฝนธนูระลอกที่สองถูกยิงออกมา ครั้งนี้ ‘เมฆดำ’ ที่พัดเข้ามาจากบนฟ้าก็เข้ามาอยู่ในระยะยิงธนูด้วย
กองทัพป้องกันเมืองยิงฝนธนูไปทั้งบนพื้นและกลางอากาศ
ปีศาจนกแต่ละตัวร่วงลงมาตามธนูพร้อมแผดเสียงร้องบาดหู
“ยิง!”
ฝนธนูระลอกที่สองพุ่งออกมาแล้วพรากชีวิตของเผ่าพันธุ์ปีศาจหลายร้อยตัวไปอีกครั้ง
ตอนนี้เอง ‘กองทัพอากาศ’ ที่เกิดจากปีศาจนกก็พุ่งมาถึงกำแพงเมือง และกำลังจะทำลายแนวป้องกันของกองทัพป้องกันเมืองได้
‘หวึ่ง!’
วัดหนานฝ่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาหมื่นปีศาจมีเสาแสงสีทองพุ่งขึ้นไปทะลวงชั้นเมฆหนึ่งต้น
มันสลายตัวอยู่กลางฟ้าสูงแล้วกลายเป็นม่านแสงสีทองปกคลุมทั่วทั้งเมืองทางใต้เอาไว้ภายใน
‘พลั่ก พลั่ก พลั่ก!’…ปีศาจนกหลายร้อยตัวกระแทกเข้ากับม่านแสงสีทองจนเลือดเนื้อผสมปนเปแทบมองไม่ออก ขนนกต่างก็ปลิวว่อน
ผู้นำปีศาจนกอย่างพวกหงอิงนำปีศาจที่เหลือพุ่งขึ้นไปแล้วบินวนอยู่บนท้องฟ้าอย่างไม่ยินยอม
พวกทหารป้องกันเมืองบนกำแพงพากันโล่งอก แต่ทันใดนั้นก็ตัวแข็งทื่อ พร้อมกับมองไปยังเบื้องหน้าด้วยความสะพรึง
สัตว์กินเหล็กตัวใหญ่ยักษ์เกาะอยู่บนกำแพงเมือง เหมือนกับเด็กน้อยเกาะบนตู้ข้างหน้าต่าง
หัวของมันกลมดิก หูก็กลมดิก มีสีขนเป็นสีขาว ส่วนรอบตา จมูก และหูกลมๆ นั่นเป็นสีดำ
ดวงตาของมันเรียบนิ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายอันใหญ่โตมหึมานั่น มันก็ดูเป็นสัตว์ที่เรียบง่ายใสซื่อไปแล้ว
‘โฮก’…
สัตว์กินเหล็กร้องออกมาคำหนึ่งอย่างสงบนิ่ง ร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ทำให้กำแพงเมืองเตี้ยลงเรื่อยๆ จากที่สูงเท่ากับตัวมัน ก็สูงแค่หน้าอก จนกระทั่งสูงถึงแค่เอว…
สัตว์กินเหล็กยกอุ้งเท้าสองข้างขึ้นมาแล้วตบลงไปบนม่านแสงสีทอง
ไม่มีการสะเทือน
มันเหมือนจะโกรธแล้ว จึงตีลงไปอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการสะเทือน
‘พลั่ก พลั่ก พลั่ก!’…ยิ่งตีมันก็ยิ่งใช้แรงมากขึ้น ทั้งยังเร็วขึ้นอีกด้วย ใบหน้ากลมๆ ที่ดูซื่อๆ ของมันก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย และมีสองเขี้ยวงอกออกมาจากปาก
ม่านแสงสีทองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงแล้วปลดปล่อยพลังมหาศาลอันน่าสะพรึงออกมา
‘ตูม!’
ม่านแสงถูกทำลายและระเบิดเป็นเศษสีทอง
พลังโจมตีจากแรงระเบิดกลายเป็นระลอกคลื่นกวาดไปทั่ว สัตว์กินเหล็กถูกพลังนั้นผลักจนซวนเซและสะดุดล้มลง
“บุก!”
เมื่อม่านแสงถูกทำลาย กองทัพนกปีศาจก็แผดเสียงร้องพุ่งเข้าไป พวกมันเผชิญหน้ากับฝนธนูแล้วพุ่งเข้าโจมตีกองทัพป้องกันเมืองบนกำแพง
เหล่าทหารป้องกันเมืองขว้างคันธนูและลูกธนูออกไป จากนั้นชักดาบทหารออกมาฟาดฟันกับปีศาจนก แต่ไม่นานก็ถูกนกปีศาจพุ่งเข้ามาถึงตัวและโดนจิกศีรษะกับลำคอไปตามๆ กัน
เผ่าพันธุ์ปีศาจที่บุกโจมตีเมืองอยู่ด้านล่างไม่สนใจการโจมตีจากลูกศร พวกมันปีนขึ้นบนกำแพงเมืองแล้วสังหารทหารป้องกันเมืองไปด้วยกัน
งูหลามยักษ์ตัวยาวร้อยจั้งเลื้อยขึ้นมาบนกำแพง หางงูกระแทกใส่อย่างแรงจนกำแพงเมืองแตกร้าวไม่หยุด
สุนัขยักษ์ตัวขาวราวหิมะนำเหล่าหมาป่ากระโจนขึ้นไปบนกำแพงเมืองแล้วออกอาละวาด
เถาวัลย์สีเขียวงอกออกมาจากรอยแยกบนกำแพงแล้วพุ่งเข้าจู่โจมทหารป้องกันของดินแดนประจิมทิศ
บนกำแพงเมืองมีเพียงความโกลาหลอลหม่าน ยอดฝีมือจอมยุทธ์ภิกษุจากสำนักพุทธและทหารป้องกันเมืองพากันต้านทานอย่างสุดกำลัง เปลวไฟลุกโชติช่วงขึ้นบนกำแพงเมืองและส่องสว่างอยู่ในค่ำคืนที่มืดมิด
ตอนนี้เอง แสงทองหนึ่งร้อยแปดสายก็พุ่งลงมาจากยอดเขา ก่อนจะหยุดอยู่เหนือทั้งสองฝ่าย
นั่นคือฉานซือที่มีแสงทองคุ้มกายาจำนวนหนึ่งร้อยแปดรูป พวกเขานั่งขัดสมาธิท่ามกลางความว่างเปล่า โดยมีภิกษุเฒ่าคิ้วขาวร่างกายผ่ายผอมคนหนึ่งอยู่ตรงกลาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง