เรื่องที่พระอรหันต์ตู้เอ้อร์เสียใจที่สุดในชีวิตก็คือไม่ได้พาสวี่ชีอันกลับดินแดนประจิมทิศในวันนั้น
แม้ทฤษฎีของสวี่ชีอันเกี่ยวกับนิกายมหายานจะทำให้ตู้เอ้อร์พลันกระจ่างแจ้งและพบทางสว่าง ตั้งแต่ตู้จี่บรรลุธรรมกระทั่งตู้ชางเซิงบรรลุธรรม ก็มีโอกาสยกระดับขึ้นได้
แม้พระอรหันต์ตู้เอ้อร์จะเรียกสวี่ชีอันว่าพุทธบุตร ทว่าท้ายที่สุดยังให้ความสำคัญกับเขาไม่พออยู่ดี
ดังนั้นภายใต้การขัดขวางของท่านโหราจารย์และราชสำนักต้าฟ่ง หลังจากสวี่ชีอันยืนกรานไม่ยอมก้มหัวให้สำนักพุทธ ตู้เอ้อร์ก็ล้มเลิกความคิดที่จะรับเป็นศิษย์ แล้วกลับไปที่ดินแดนประจิมทิศอย่างร้อนรน แล้วเป็นคนสร้างรากฐานของนิกายมหายาน
แม้หลังจากเรื่องนั้นจะได้รับความเห็นชอบจากพระโพธิสัตว์กว่างเสียนกับพระโพธิสัตว์หลิวหลี ทำให้พระโพธิสัตว์หลิวหลีมุ่งหน้ามาต้าฟ่งเพื่อนำพาคนด้วยตนเอง
ถึงเวลานั้นสวี่ชีอันก็จะเปลี่ยนไปอย่างมาก
หลังจากเมืองหลวงเกิดโกลาหล สำนักพุทธฉวยโอกาสส่งผู้ปกปักรักษาศาสนาพุทธระดับเพชรกับพระอรหันต์ตู้ฉิงมุ่งหน้าพาคนไปจากที่ราบกลางยามที่เขาท่องยุทธภพรวบรวมปราณมังกร สุดท้ายขโมยไก่ไม่สำเร็จยังเสียข้าวสารอีกกำด้วย
กระทั่งตอนนี้ทั้งสำนักพุทธก็หยุดไปแล้ว แม้กว่างเสียนและตู้เอ้อร์ที่ยกย่องนิกายมหายานก็ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้อีก
พระอรหันต์ตู้เอ้อร์มักจะคิดบ่อยครั้งว่า หากวันนั้นพาเขากลับไปที่สำนักพุทธ นิกายมหายานในวันนี้คงจะกระจายไปทั่วดินแดนประจิมทิศแล้ว
ความคิดและคำสอนของสำนักพุทธจะต้องเผยแพร่ไปทั่วจิ่วโจว
นอกจากนี้…พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ทอดมองเผ่าพันธุ์ปีศาจที่พลังพุ่งสูงขึ้นในฉับพลัน แล้วทอดมองชายหนุ่มที่สะบัดเปลวไฟเป็นเสื้อคลุม
ที่ราบกลางจะไม่มีฆ้องเงินสวี่ แต่ดินแดนประจิมทิศจะมีพุทธบุตรพรสวรรค์เหนือผู้ใด
“ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดในการผนึกอาซูหลัว ทว่าจะผนึกผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอดต้องใช้เวลาพอสมควร ก่อนหน้านั้นข้าคงโดนผลกระทบของ ‘คำสาปนิทรา’ กลายเป็นปลาเค็มเหี่ยวแห้งไปเสียก่อน...”
สวี่ชีอันทอดมองศีรษะมนุษย์และศีรษะแพนด้าข้างกันที่อยู่ไกลออกไป แล้วทอดถอนใจอย่างเสียดาย
ถูกตัดหัวไปก็ดี ร่างกายแตกเป็นเสี่ยงก็ช่าง สำหรับเผ่าพันธุ์ปีศาจและจอมยุทธ์ระดับเหนือมนุษย์ก็แค่บาดแผลเล็กน้อย
อาซูหลัวกับตู้เอ้อร์คิดจะเด็ดลูกพลับอ่อน[1] ริเริ่มผนึกราชาปีศาจก่อน แต่หลงกลอุบายของเผ่าพันธุ์ปีศาจเข้าพอดี
หลังจากเขตแดนของราชาหมีถูกเปิดออก สิ่งมีชีวิตในเขตแดนจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
อาซูหลัวเป็นผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของสำนักพุทธ แม้หนังตาจะปิดลืมไม่ขึ้น ทว่ายังคงมีสติเล็กน้อย แน่นอนว่าแม้จะไร้เรี่ยวแรงเพียงใดแค่กดศีรษะกลับไปที่คอก็พอ
สำหรับทางด้านสวี่ชีอัน การใช้ราชาปีศาจขั้นสามถ่วงขั้นสองพร้อมกับขั้นสาม ได้เปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางกับสวี่ชีอันก็เปิดฉากจู่โจมพร้อมกันโดยไม่จำเป็นต้องสบตา คนหนึ่งดิ่งตัวลงประหนึ่งดาวหางและพุ่งชนค่ายกลฉานที่ฉานซือหนึ่งร้อยแปดรูปสร้างขึ้น
คนหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า ดาบสยบดินแดนระเบิดแสงพร่าตา ราวกับแสงอาทิตย์ร้อนแรงทะยานสู่ฟ้าอย่างรวดเร็ว
‘ฟิ้ว!’
ทั้งสองถูกม่านสีทองอ่อนขวางไว้พร้อมกัน
ฉานซือทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปนั่งขัดสมาธิบนความว่างเปล่า คล้ายกับภาพสีน้ำมันที่หยุดนิ่งไม่ไหวติง ปลายเสื้อคลุมภิกษุไม่แม้แต่จะพลิ้วไหว
‘ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!’
ปีศาจหูจิ้งจอกผมสีเงินดุจน้ำค้างแข็งต่อยม่านแสงด้วยสองกำปั้นไม่หยุด หางทั้งเก้าด้านหลังยืดขยายคล้ายกับหนวดเก้าเส้น ทุ่มกำลังโจมตี
‘ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!’
มัดกล้ามเนื้อของสวี่ชีอันขยายตัวทั่วทั้งร่างกลายเป็น ‘ยักษ์’ สูงเก้าฉื่อ แกว่งดาบฟันม่านแสงภายใต้การผลักดันจากแรงปะทุของลี่กู่
การโจมตีของเผ่าพันธุ์ปีศาจกับจอมยุทธ์ก็เรียบง่ายเช่นนี้ ทว่าความรุนแรงที่ซุกซ่อนอยู่ในดาบและกำปั้นที่เรียบง่ายสามารถทำลายร่างกายเหนือมนุษย์ของระบบอื่นได้อย่างง่ายดาย
ในที่สุดม่านแสงที่ฉานซือสร้างขึ้นก็สั่นไหวอย่างชัดเจนด้วยการโจมตีที่รุนแรงจากผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ทั้งสอง
ฉานซือทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปพากันขมวดคิ้ว ราวกับได้รับความเสียหาย
พระอรหันต์ตู้เอ้อร์เห็นเช่นนี้ก็พนมมือท่องบทสวด
“วางอาวุธลงเสีย”
สวี่ชีอันคลายมือภายใต้แรงกดดันจากระดับ เกือบจะจับดาบสยบดินแดนไม่อยู่ ในใจเกิดชิงชังอาวุธสุดขีด
พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ทอดมองไปยังจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่ผสมผสานระหว่างกำลังกับความงามได้อย่างลงตัวทันที แล้วบีบสองมืออย่างรวดเร็วพร้อมตะโกน
“สงบ!”
วงแสงหลากสีด้านหลังพลันสว่างขึ้น
หางของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางถูกพลังสะบัดกลับกระจายไปทั่วสารทิศ ร่างกายของนางแตกร้าวไปทุกส่วนราวกับเครื่องกระเบื้อง ผิวขาวผ่องของนางถูกย้อมแดงไปด้วยเลือด
พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ยังคง ‘ลำเอียง’ เขาใช้คาถากับสวี่ชีอัน บ่อนทำลายจิตวิญญาณนักสู้ แต่ใช้พลังของระดับเต๋าแยกขันธ์กับจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางทำลายกายาจิตอมตะและแกร่งกล้าขององค์หญิงอาณาจักรหมื่นปีศาจผู้นี้โดยตรง
เพียงชั่วพริบตา อาการบาดเจ็บประหนึ่งรอยร้าวก็ฟื้นคืนสมบูรณ์
บัดนี้ผิวของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางแตกเป็นแผลคล้ายใยแมงมุมอีกครั้ง หลังจากวนซ้ำไปมาห้ารอบ พลังระดับเต๋าแยกขันธ์จึงหมดไป
ในบรรดาระดับเต๋าทั้งสามของสำนักพุทธ ระดับเต๋าแยกขันธ์เลื่องลือในการใช้พลังสังหาร ตรึงศัตรูกระทั่งพลังหมด ไม่หยุดจนกว่าจะตาย
ไม่เพียงทำลายกายาจิตของจอมยุทธ์ระดับเดียวกันเท่านั้น ยังทำลายเลือดลมและปราณชีวิตของจอมยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
สวี่ชีอันกับจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเปิดฉากโจมตีรอบที่สองทันที พยายามทำลายค่ายกลฉานด้วยความรุนแรง ทว่าก็ถูกพระอรหันต์ตู้เอ้อร์แก้ไขตรงนั้น
อาการบาดเจ็บบนร่างของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางประเดี๋ยวฟื้นตัวประเดี๋ยวแตกร้าว
“ค่ายกลฉานของสำนักพุทธเป็น ‘ร่างธรรมพระโพธิสัตว์มัญชุศรี’ ฉบับย่อ เน้นไม่เคลื่อนไหว หลังจากเข้าฌานจะเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดินไร้ตัวตน ไม่กินไม่ดื่มไม่หลับ ไม่กลัวสิ่งชั่วร้ายด้านนอกรุกรานและศัตรูต่างถิ่นโจมตี”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางส่งกระแสจิต
“ตู้เอ้อร์ใช้ร่างของพระอรหันต์ขั้นสองรวบรวมฉานซือทั้งหนึ่งร้อยแปดรูปมาสร้างเป็นค่ายกลฉาน แม้จะไม่ต่อต้าน แต่พวกเราอยากทำลายค่ายกลนี้ ก็ต้องใช้ความพยายามเช่นกัน”
ที่แท้วิชาฉานฉบับวิวัฒนาการคือ ‘ร่างธรรมพระโพธิสัตว์มัญชุศรี’ ร่างธรรมพระโพธิสัตว์มัญชุศรีก็เป็นเคล็ดวิชาป้องกันอย่างหนึ่งเช่นกัน ซึ่งเป็นการป้องกันคนละความหมายกับร่างธรรมเทพารักษ์…สวี่ชีอันขมวดคิ้ว นึกถึงพระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่ที่อวิ๋นโจวอย่างไม่มีเหตุผล
ลูกพี่คนนั้นยังบำเพ็ญ ‘ร่างธรรมพระโพธิสัตว์มัญชุศรี’ พร้อมกับ ‘ร่างธรรมเทพอารักษ์ไร้พ่าย’ ซ้อนกันจนชวนให้สิ้นหวัง ไม่รู้ว่าท่านโหราจารย์จะทำอะไรเขาได้หรือไม่
“ช่างน่าปวดหัวเสียจริง แม่นางคิดเห็นอย่างไร”
สวี่ชีอันส่งกระแสจิตกลับ
คนที่เรียกได้ว่ารู้จักเจ้าดีที่สุด จะต้องเป็นศัตรูของเจ้าอย่างแน่นอน หากใช้ประโยคนี้กับสำนักพุทธ ก็หมายถึงคนที่รู้จักเจ้าโล้นดีที่สุดจะต้องเป็นปีศาจตอนใต้แน่นอน
เขาเชื่อว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางจะมีวิธีรับมือแน่นอน
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“เมื่อครู่ข้าพูดไปแล้ว วิชาฉานเน้นการ ‘ไม่เคลื่อนไหว’ ยามที่พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ลงมือโจมตีพวกเราจะหลุดจากสถานะของวิชาฉานเอง ตอนนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ค่ายกลฉานอ่อนแอที่สุด ด้วยพลังของข้ามิอาจทำลายค่ายกลฉานที่พระอรหันต์ขั้นสองควบคุมได้ ทว่าทำลายค่ายกลฉานที่ฉานซือหนึ่งร้อยแปดรูปสร้างขึ้นได้ ไม่มีปัญหา”
ด้วยพลังของข้าก็ทำลายค่ายกลฉานได้เช่นกัน ทว่ายามที่พระอรหันต์ตู้เอ้อร์ลงมือ พวกเราคนหนึ่งได้รับผลกระทบจากคาถา อีกคนก็ถูกโจมตีจากพลังแยกขันธ์ มิอาจลงมือทำลายค่ายกลได้…นอกเสียจากข้าจะป้องกันผลกระทบจากคาถาได้
ทว่านี่เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแก่นปราณแห่งลัทธิเต๋าหรือร่างปราณอันยิ่งใหญ่ก็มิอาจต้านคาถาของพระอรหันต์ขั้นสองได้ นอกเสียจากจ้าวโส่วไม่ก็เทพเจ้าหยางของลัทธิเต๋าจะมาเยือนเอง…
คิดไปคิดมา สวี่ชีอันก็ประกายความคิด มีวิธีในใจแล้ว
เจดีย์เล็กจิ๋วสีทองเข้มปรากฏตัวออกมาจากอกเขา แล้วลอยอยู่หนือศีรษะของเขา
ยอดเจดีย์ปรากฏร่างธรรมตรัสรู้ มีวงแสงที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสติปัญญาอยู่ด้านหลัง
“เจดีย์พุทธะ! ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง