ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 729

บทที่ 729 สี่จุดสำคัญ

เก่อเหวินเซวียนใจกระตุกวูบ พูดว่า

“แม่ทัพใหญ่ ท่านหมายความว่า…”

ชีก่วงป๋อยิ้มพูดว่า

“พิชิตใจคนเป็นหลัก!”

คำพูดเรียบง่ายประโยคเดียว คนฉลาดจำนวนไม่น้อยที่นี่เข้าใจความคิดของชีก่วงป๋อทันที

เป็นฝ่ายเริ่มเจรจาสันติ เพื่อฉกฉวยประโยชน์มากขึ้น ซ้ำยังชนะได้โดยไม่เสียเลือดเนื้อ

รอให้กองทัพพักผ่อนเสร็จ สยบเขตชิงโจว เสบียงอาหารและยุทธปัจจัยเข้าที่ ราชครูกลั่นหลอมโชคชะตาชิงโจว ค่อยฉีกสัญญาพันธมิตรขึ้นเหนือโจมตี

เป้าหมายใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลง ซ้ำยังเสริมพละกำลัง เพิ่มข้อได้เปรียบของฝ่ายตนได้อีก

จีเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย

“บีบให้ต้าฟ่งอับจนหนทาง ย่อมต้องนำมาซึ่งการโจมตีตอบโต้อย่างบ้าระห่ำ ถึงเวลานั้นทัพเราก็จะบาดเจ็บสาหัสสากรรจ์ นักล่าที่ชาญฉลาดย่อมรู้จักเมตตากรุณา

“ไม่มีโหราจารย์ ราชสำนักต้าฟ่งระส่ำระสาย พวกเราเสนอเจรจาสันติยามนี้ เท่ากับเมตตากรุณาเล็กน้อย ให้พวกเขาเห็นความหวัง สูญเสียความกล้าหาญในการต่อสู้

“ส่วนพวกเราใช้โอกาสนี้ฉกฉวยผลประโยชน์ ได้เงินได้เสบียง”

ฟังเขาอธิบาย นายทหารที่ตามไม่ทันพวกนั้นมองชีก่วงป๋อด้วยสายตาเคารพเลื่อมใสทันที

ในแผนการทางทหาร ยกทัพจับศึกกับสู้ตัวต่อตัวเป็นคนละเรื่องกัน ข้อหลังเพียงต้องระบายอารมณ์รุนแรง ข้อแรกถึงเป็นงานฝีมือ

ขณะที่ทุกคนยังตกอยู่ในภวังค์ความสุขที่ได้ขุดรากถอนโคนโหราจารย์และยึดครองชิงโจว แม่ทัพใหญ่คิดแผนยอดเยี่ยมตามสถานการณ์และใจคนแล้ว

เก่อเหวินเซวียนเริ่มจากแนวคิดของชีก่วงป๋อ คิดอะไรได้หลายอย่าง หัวเราะเยาะ

“นายน้อยจีเสวียน ต้องเอาเงินเอาเสบียงอยู่แล้ว แต่ไม่สู้เรียกร้องมากขึ้นสักหน่อย ยามนี้ต้าฟ่งไม่ต่างจากปลาบนเขียงเท่าใด คิดเจรจากับพวกเรา จะไม่ลำบากได้อย่างไร

“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องแบ่งแยกดินแดนมาสักหน่อย”

นายทหารทุกคนตาสว่างวาบ บางคนขมวดคิ้วพูดทันที

“นี่คือบีบให้ต้าฟ่งเดินไปสู่ทางตันไม่ใช่หรือ ตามข้าพูด พอเหมาะพอควร เอาเงินเอาเสบียงก็พอแล้ว พวกเราใช้เงินและเสบียงของต้าฟ่งเกณฑ์ทหารซื้อม้า ค่อยย้อนกลับมาโจมตีพวกเขา

“โลภมากเกินไป กลับจะไม่ได้อะไรเลย”

นี่คือวิธีที่ค่อนข้างอนุรักษนิยม

มีคนโต้แย้งทันที “ไม่มีโหราจารย์แล้ว พวกเราพูดอย่างไรก็อย่างนั้น ราชสำนักต้าฟ่งยังกล้าพูดคำว่า ‘ไม่’ อีก? แม้พวกเราให้ฮ่องเต้น้อยองค์นั้นออกกฤษฎีกาต้องโทษ คิดว่าเขาคงไม่กล้าปฏิเสธ”

นี่คือความคิดของฝ่ายต่อต้าน

จีเสวียนใคร่ครวญพูดว่า

“ต้องควบคุมความเหมาะสมให้ดี โลภมากเกินไป รังแต่จะได้ผลตรงกันข้าม แม้ต้าฟ่งไม่มีโหราจารย์ แต่ทุกท่านอย่าลืม สวี่ชีอันล่ะ?”

เขาเหลียวมองทุกคน พูดวิเคราะห์ด้วยน้ำเสียงดังกังวาน

“จ้าวโส่วอยู่นอกวงราชการหลายปี ไม่มีสถานะอย่างเป็นทางการ เขาคงไม่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์และยอมตายเพื่อความยุติธรรมเพื่อราชสำนักต้าฟ่ง ลั่วอวี้เหิงก็เช่นกัน แต่สวี่ชีอันแบกรับชะตาบ้านเมือง ถ้าต้าฟ่งล่มสลาย เขาย่อมต้องพลีชีพเพื่อชาติ

“ดังนั้น ต่อไปเขาจะต้องบงการสถานการณ์โดยรวมในราชสำนัก คนผู้นี้มีนิสัยยอมหักไม่ยอมงอ บีบบังคับมากเกินไป มีแต่จะทำให้เขาเข้าตาจนเสี่ยงอันตราย ยอมพังพินาศไปพร้อมกับพวกเรา

“แน่นอน ทัพอวิ๋นโจวเข้ายึดครองที่ราบลุ่มภาคกลางได้อยู่แล้ว เขาอยู่เพียงขั้นสาม ก่อคลื่นลมอะไรไม่ได้ แต่แผนเจรจาสงบศึกนี้ของแม่ทัพใหญ่ จะคว้าน้ำเหลวอย่างแน่นอน”

เก่อเหวินเซวียนลังเลไม่พูด นึกถึงฐานะของจีเสวียน ไม่ได้โต้แย้ง

‘ก๊อกๆ!’

ชีก่วงป๋อเคาะโต๊ะ หยุดการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคน ยิ้มพูดว่า

“จื่อซู่ เจ้ามองตื้นไปหน่อย เห็นเพียงการเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของสองฝ่าย เห็นเพียงนิสัยของสวี่ชีอัน”

จีเสวียนก้มหน้าเล็กน้อย

“แม่ทัพใหญ่โปรดชี้แนะ”

ชีก่วงป๋อคืออาจารย์ระดับก่อปัญญาของเขา

ชีก่วงป๋อพูดช้าๆ

“ฮ่องเต้น้อยหย่งซิ่งองค์นี้ ปกป้องเมืองพอได้ แต่พละกำลังไม่พอ ผู้ปกครองเช่นนี้ โหราจารย์ก็คือกระดูกสันหลังสุดท้ายของเขา ภายใต้สถานการณ์ที่โหราจารย์ตายแล้ว พวกเจ้าคิดว่าเขาจะทุ่มสุดตัวสู้ตาย หรือยอมรับการเจรจาสงบศึกของพวกเรา?”

“แน่นอนว่าต้องเลือกยอมรับ” เก่อเหวินเซวียนยิ้มพูด

ชีก่วงป๋อพยักหน้า พูดต่อ

“รองลงมาคือขุนนางในราชสำนัก หวางเจินเหวินล้มหมอนนอนเสื่อ เว่ยเยวียนตายที่เมืองจิ้งซาน คนที่เหลือไม่ว่าสุจริตหรือทุจริต ล้วนด้อยไปหน่อย การเจรจาสงบศึกครั้งนี้ อุปสรรคเพียงหนึ่งเดียวก็คือสวี่ชีอัน

“แต่ผลประโยชน์ของฮ่องเต้น้อยกับสวี่ชีอันนั้นแตกต่างกัน สำหรับฮ่องเต้น้อย ขอเจรจาสงบศึกก็สยบสถานการณ์ได้ ไม่มีสงครามเขาก็มั่นคงแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็แลกความสงบสุขมาได้สักพัก ให้ต้าฟ่งได้พักหายใจ

“แต่สำหรับสวี่ชีอัน เช่นนี้เท่ากับไม่มีโอกาสพลิกกระดานอีก ดังนั้น พวกเขาสองคน ย่อมต้องแตกความสามัคคี”

จัวเฮ่าหรานลูบคาง พูดว่า

“ดังนั้น แผนนี้ของแม่ทัพใหญ่ คือยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว ถ้าทำสำเร็จ เอาเสบียงได้เสบียง เอาเงินได้เงิน ซ้ำยังบีบให้ราชสำนักแบ่งแยกดินแดนให้ โดยไม่เสียเลือดเนื้อ ถ้าทำไม่สำเร็จ ก็ทำให้สวี่ชีอันกับฮ่องเต้น้อยแตกความสามัคคี ถ้าเกิดความวุ่นวายอะไรขึ้น ก็ยิ่งดีไปอีก”

นักรบเช่นจัวเฮ่าหรานยังฟังเข้าใจ ผู้อื่นย่อมต้องฟังออก

จีเสวียนคล้อยตามแล้ว

ชีก่วงป๋อพูดต่อ

“สวี่ชีอันผู้นั้นคือความหนักใจของเมืองเฉียนหลง คือความหนักใจของราชครู เมื่อก่อนเขามีเว่ยเยวียน มีโหราจารย์คุ้มครอง ทำตามอำเภอใจโดยไร้ความเกรงกลัว

จัวเฮ่าหรานและแม่ทัพนายอื่นๆ หัวเราะลั่นพูดคล้อยตาม

“แม่ทัพใหญ่พูดได้ถูกต้อง ไม่มีโหราจารย์กับเว่ยเยวียน สวี่ชีอันนับเป็นอะไรได้ ยังกล้าท้าทายราชครูและเมืองเฉียนหลง ไม่แน่ว่ายามนี้คงตกใจจนตัวสั่นเหมือนนกกระทา”

“สวี่ชีอันเพียงมีชื่อเสียงมากหน่อยเท่านั้น พูดถึงตบะ นายน้อยจีเสวียนของพวกเราก็เป็นขั้นสาม”

“ไม่เพียงแต่เท่านั้น อาจไม่ต้องให้ราชครูลงมือด้วยซ้ำ นายน้อยจีเสวียนก็ฆ่าเจ้าผู้นี้ได้”

“กลั่นหลอมเขากลายเป็นยาโลหิต เพื่อเพิ่มตบะของนายน้อยจีเสวียน”

เหล่าแม่ทัพบ้างก็โหวกเหวกโวยวาย บ้างก็หัวเราะเสียงดังลั่น

จีเสวียนนิ่งเงียบชั่วครู่ พูดชัดถ้อยชัดคำ

“ข้าจะดูสิว่า สวี่ชีอันจะวางตัวอย่างไร เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสาม อาศัยอะไรมาพลิกกระดาน”

เขาแทบอยากจะเหาะไปเมืองหลวงทันที ดูท่าทางไม่เต็มใจแต่ทำอะไรไม่ได้ของสวี่ชีอัน

เก่อเหวินเซวียนยิ้มพูด

“เขาพลิกกระดานไม่ได้ แม้เลื่อนขึ้นเป็นขั้นสองทันที ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอาจารย์กับพระโพธิสัตว์เจียหลัวซู่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงร่างกายที่ถูกผนึก”

จีเสวียนหัวเราะเยาะทันที

ชีก่วงป๋อพูดอีกครั้ง

“หลังจากจบงานเลี้ยงฉลองชัย เริ่มแผนนี้ทันที ต้องกระจายข่าวออกไป ยิ่งใหญ่โตยิ่งดี ราชครูจะได้โชคชะตาอีกหลายแห่งหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับแผนนี้ รายละเอียดการเจรจาสงบศึก เหวินเซวียน เดี๋ยวเจ้าไปเยี่ยมเยียนราชครู ถามความเห็นเขาหน่อย”

ด้วยกำลังทหารในยามนี้ของอวิ๋นโจว ยึดดินแดนมากเกินไป กลับจะเป็นภาระ ขณะเดียวกันก็ต้องดูสภาวะในยามนี้ของราชครู จะกลืนกินดินแดนมากขนาดนั้นได้หรือไม่

เก่อเหวินเซวียนยิ้มพูด “ขอรับ!”

จ้าวโส่วที่นั่งสมาธิในเรือนป่าไผ่ ลืมตากะทันหัน มองเงาดำใต้โต๊ะ

เงาหนึ่งมุดออกมา ขยายใหญ่ กลายร่างเป็นคน นั่นคือสวี่ชีอัน

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

จ้าวโส่วพยักหน้า

“เพิ่งไปสำนักโหราจารย์ ไม่เจอโหราจารย์ ข้าจึงมาที่นี่”

สวี่ชีอันพยักหน้ารับรู้ พูดว่า

“สรุปแล้วโหราจารย์ตายหรือไม่”

จ้าวโส่วพูด “ต้าฟ่งไม่ล่มสลาย โหราจารย์ไม่ตาย เขาน่าจะถูกผนึก”

สำหรับแนวทางบำเพ็ญโหร ลัทธิขงจื๊อเข้าใจค่อนข้างละเอียด รู้ความลับบางอย่างที่คนนอกไม่รู้

แม้ไม่เคยเชื่อว่าโหราจารย์จะตาย แต่จนกระทั่งได้ยินคำตอบนี้ สวี่ชีอันถึงโล่งใจขึ้นมาจริงๆ ถามว่า

“โหราจารย์จงใจทำเช่นนี้? เขาเหลือทางหนีทีไล่ไว้หรือไม่”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง