ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 755

บทที่ 755 ตัดทำลายด้วยดาบเดียว

ในห้องขังที่ชื้นและหนาวเย็นห้องหนึ่ง ชื่อเหลียนลุกขึ้นอย่างช้าๆ ดึงกางเกงขึ้น พร้อมกับสังเกตสาวรุ่นที่เพิ่งถูกย่ำยี แล้วก็พูดด้วยความพึงพอใจว่า

“สมกับเป็นบุตรสาวเศรษฐี เนื้อช่างนุ่มจริงๆ”

ผู้หญิงคนนั้นขดตัวอยู่บนพื้น แววตาเหม่อลอย ผิวขาวนุ่มเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ

หลังจากที่ชื่อเหลียนพูดจบ ก็หันไปมองสาวกของนิกายปฐพีที่เข้าแถวยาวอยู่ด้านหลังแล้วทำเสียงเฮ้อ

“ดูพวกเจ้ารีบเสีย เอาล่ะ เชิญพวกเจ้าจัดการกันตามสบายเลย แต่อย่าลืมไว้ชีวิตด้วยล่ะ วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล”

บรรดาศิษย์ที่สวมชุดลัทธิเต๋าต่างพากันหัวเราะ ‘ฮิๆ’ ตาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความชั่วร้าย

“ขอบคุณอาจารย์อาชื่อเหลียน ขอบคุณอาจารย์อาชื่อเหลียน พวกเราจะรักทะนุถนอมคนงามอย่างดี”

นักบวชเต๋าชื่อเหลียนจัดระเบียบเสื้อผ้า ไม่ได้มองไปที่ผู้หญิงที่ถูกบรรดาศิษย์ล้อมรอบ เดินออกจากประตูคุกไป

ความคิดชั่วร้ายในนิสัยชอบเผยแพร่ของนิกายปฐพี แต่ละคนก็ให้ความสำคัญต่างกัน

นักบวชเต๋าชื่อเหลียนให้ความสำคัญกับกามตัณหาเป็นหลัก ชื่นชอบการข่มขืนชำเราหญิงสาวบริสุทธิ์ และมีความสุขกับความสิ้นหวังและการวิงวอนของพวกนาง แต่กลับไม่ชื่นชอบการเข่นฆ่าและการลงโทษอย่างทารุณ

นักบวชเต๋าชื่อเหลียนเดินผ่านทางเดิน มาถึงห้องพักของบรรดาทหารประจำคุก ได้เรียกศิษย์มาคนหนึ่ง สอบถามว่า

“ไม่กี่วันมานี้พวกเจ้าได้ตามหาผู้หญิงที่รูปโฉมงดงามหรือไม่”

ศิษย์ยิ้มเยาะ

“มีไม่กี่คน…”

ทันใดนั้นก็รายงานถึงสาวงามที่ศิษย์ใต้บังคับบัญชาคัดเลือกมาให้นักบวชเต๋าชื่อเหลียนทราบทีละคน อาทิ ภรรยาของใคร บุตรสาวของใคร…

“เพียงแต่พวกเขาต่างยอมสวามิภักดิ์แล้ว ขอพึ่งพากองทัพอวิ๋นโจว ไม่สะดวกที่จะแย่งชิงผู้หญิงของพวกเขาอย่างโจ่งแจ้ง”

นักบวชเต๋าชื่อเหลียนยกถ้วยชาขึ้นดื่มอึกหนึ่ง

“ผู้หญิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้น พวกเขารู้ว่าจะต้องคัดเลือกอย่างไร หากไม่เข้าใจความหวังดีของคนอื่น ก็จับพวกเขาไปขังคุกใต้ดินทั้งครอบครัว คุกใต้ดินมีคนตายทุกวัน ถึงอย่างไรก็ต้องเพิ่มคนใหม่บ้าง

“ถ้าไม่ส่งภรรยาเข้ามา ก็เข้ามาพร้อมกันเลย มาดูว่าอาตมาจะทำอะไรกับผู้หญิงในครอบครัวพวกเขาบ้าง”

พูดไปพูดมา กามตัณหาในดวงตาเขาก็ร้อนแรงขึ้นทุกขณะ ดูเหมือนจะรู้สึกว่านี่เป็นความคิดที่ไม่เลว

ส่วนทางด้านกองทัพอวิ๋นโจว ชื่อเหลียนไม่กังวลแม้แต่น้อย ใครจะกล้าท้าทายนิกายปฐพีเพื่อคนธรรมดาๆ ที่ไม่มีค่าพอ?

ผู้นำเต๋าที่แท้จริงผู้แข็งแกร่งขั้นสองเช่นนี้กินมังสวิรัติ?

แม้แต่สวี่ผิงเฟิงนั่น ก็คงจะหลับตาข้างหนึ่ง เพราะนี่เป็นราคาที่ต้องจ่ายในการดึงนิกายปฐพีมาเป็นเพื่อน

ศิษย์คนนั้นฟังจบ ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที ยิ้มอย่างน่ากลัวแล้วพูดว่า

“ศิษย์ถูกใจหญิงงามคนหนึ่งอยู่นานแล้ว วันนี้จะพากลับมา ให้อาจารย์อาชื่อเหลียนได้ชื่นใจ”

แน่นอนว่า หลังจากที่อาจารย์อาชื่อเหลียนได้ชื่นใจแล้ว ก็จะถึงคราวที่พวกเขาจะได้ชื่นใจบ้าง

นักบวชเต๋าชื่อเหลียนทำเสียง “อืม” แล้วยกถ้วยชาขึ้นกำลังจะดื่มอีกอึกหนึ่ง ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นศิษย์ที่อยู่ข้างหน้า ดวงตาว่างเปล่า จากนั้นก็ชักกระบี่ที่สะพายไว้ที่หลังออกมาโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย แทงมาที่หน้าอกของตัวเอง

ในเวลาเดียวกัน น้ำชาร้อนผ่าวในมือก็สาดออกมาเอง รดลงบนใบหน้าของเขา

คอเสื้อ เข็มขัด พากันทรยศฝ่ายแรกรัดแน่นข้นมาทันที หมายจะรัดคอเขาให้ตาย ฝ่ายหลังคลายตัวออก มัดเขาไว้กับเก้าอี้ ทำการผูกมัด

ถ้วยชาบนโต๊ะลอยขึ้น ติดอยู่ที่หน้าอกของนักบวชเต๋าชื่อเหลียน รับกระบี่ที่ศิษย์แทงมาอย่างแม่นยำ

ขั้นเจ็ดลัทธิเต๋า ค่อยๆ สังเวยปราณ!

สามารถควบคุมวัตถุทุกอย่างรอบๆตัว ให้กลายเป็นของไว้ใช้เอง ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการใช้ปราณป้องกันวัตถุของทหาร

หลังจากสกัดการโจมตีของศิษย์แล้ว บนศีรษะของนักบวชเต๋าชื่อเหลียนก็ปรากฏ ‘แก่นปราณ’ ที่มีลำแสงทมิฬเปล่งประกาย ภายใต้ลำแสงทมิฬที่ส่องแสง เสื้อผ้าที่ทรยศก็ค่อยๆ สิ้นฤทธิ์

ถึงแม้เต๋ามารนิกายปฐพีจะเสื่อมทราม แต่ความสามารถของแก่นปราณนั้นไม่เปลี่ยนแปลง และยังแข็งแกร่งกว่าแก่นปราณที่สืบทอดกันมาของลัทธิเต๋า เพราะมันยังประกอบไปด้วยพลังอันเสื่อมทรามจำนวนหนึ่ง

นักบวชเต๋าชื่อเหลียนกดฝ่ามือลงบนหน้าอกของศิษย์ ออกแรงเบาๆ เสียงดัง ‘ปัง’ ศิษย์คนนั้นชนกำแพง หมดสติไป

ในเวลานี้ เงาลวงตาสองร่างก็ทะลุกำแพงเข้ามา คนหนึ่งคือชายหนุ่มรูปงามสวมชุดเต๋า อีกคนหนึ่งเป็นหญิงสาวสวมเสื้อเกราะเบาพร้อมเสื้อคลุมสีเลือดหมู

มังกรหมอบหงส์เพลิงแห่งนิกายสวรรค์!

นี่คือการรวมปราณของพวกเขา

หลังจากเข้ามาในห้อง หลี่เมี่ยวเจินกับหลี่หลิงซู่ก็อ้าปากพร้อมกัน คายแก่นปราณสองดวงที่ส่องประกายสีทองแวววาว ใช้พลังของหยกและหินที่เผาไหม้กระแทกเข้ากับ ‘แก่นปราณ’ ของชื่อเหลียน

‘ตูม!’

พลังจิตที่ว้าวุ่นม้วนเอาคุกใต้ดินไปทั้งหมด นักโทษและศิษย์ของนิกายปฐพีที่อยู่นอกวงสั่นสะเทือนจิตใจสับสน

จิตเดิมของนักบวชเต๋าชื่อเหลียนได้รับการกระทบกระเทือน จึงวิงเวียนศีรษะเป็นระยะเวลาสั้นๆ

ในเวลานี้เอง ผนังมีเสียงดัง ‘ตูม’ ขึ้นอีกครั้ง ร่างที่ปกคลุมไปด้วยลำแสงสีทองกระแทกผนังจนทลายและบุกเข้าไปในห้อง

ฉวยโอกาสตอนที่จิตเดิมของชื่อเหลียนกำลังสั่นสะเทือน ไต้ซือเหิงหย่วนรีบเข้าประชิด หมัดหนึ่งชกเข้าไปที่จุดตันเถียน อีกหมัดหนึ่งชกไปที่หน้าอก หมัดหนึ่งชกไปที่ใบหน้า ร่างกายของนักบวชเต๋าชื่อเหลียนระเบิดทันที เลือดและชิ้นเนื้อกระเซ็นเต็มผนัง

สำหรับจอมยุทธ์ภิกษุและทหารแล้ว แค่เพียงสามารถเข้าประชิด ยอดฝีมือระดับเดียวกันของระบบอื่นๆ ก็เป็นแค่เสือกระดาษ แค่หมัดเดียวก็พังทลาย

รวมปราณของนักบวชเต๋าชื่อเหลียนหลบหลีก ไม่มีเวลาสนใจความโกรธเคือง อ้าปากกรีดร้องโดยไม่มีเสียง

พลังของรวมปราณที่เหนียวข้นและดำขลับเติมจนเต็มห้อง กำลังกัดกร่อนยอดฝีมือขั้นสี่สามคนที่อยู่ในเหตุการณ์

ฉวยโอกาสที่หลี่หลิงซู่ หลี่เมี่ยวเจิน และเหิงหย่วนกำลังต้านทานการกัดกร่อนของพลังอันเสื่อมทราม นักบวชเต๋าชื่อเหลียนกระโดดลอยตัวขึ้น หวังจะพุ่งตัวออกจากคุกใต้ดิน

หนีออกไปจากที่นี่ได้ เขาก็ปลอดภัยแล้ว

ข้างนอกมีนักบวชเต๋าเฮยเหลียน มีศิษย์ร่วมสำนักอยู่กลุ่มหนึ่ง

‘ฉับ!’

ทันใดนั้น แสงดาบสว่างจ้าส่องออกมาจากรูผนังที่เหิงหย่วนกระแทกจนพัง เป็นกระบี่ที่สัมผัสได้แท้ๆ แต่กลับตอกรวมปราณที่ลวงตาติดกับผนังได้

กระบี่ใจของนิกายมนุษย์ ใจตัดวิญญาณ!

ท่ามกลางเสียงคำรามด้วยสีหน้าที่ดุร้ายของนักบวชเต๋าชื่อเหลียน รวมปราณค่อยๆ ละลาย สลายไปจนหมดสิ้น

ความไม่เต็มใจและโกรธเคือง สิ้นสุดลงอย่างฉับพลัน

ผู้แข็งแกร่งขั้นสี่คนหนึ่ง ก็ถูกสังหารในที่เกิดเหตุภายในเวลาไม่ถึงสิบลมหายใจ

จัดการชื่อเหลียนเสร็จแล้ว หลี่เมี่ยวเจินก็พูดอย่างรวดเร็วว่า

“ไต้ซือเหิงหย่วน ท่านรับผิดทำความสะอาดพื้นที่ เต๋ามารนิกายปฐพีในคุกทั้งหมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”

เหิงหย่วนที่เหมือนร่างทองพนมมือ เอ่ยนามพระพุทธเจ้า

“ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”

เขาหันไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ออกไปออกจากห้อง และเดินไปยังทางเดินที่เปียกชื้น

พระโพธิสัตว์วัชรปาณี!

สำนักตุลาการความมั่นคง ด้านนอกคุกใต้ดิน

พลังของบุญกุศลที่มีสีสันสวยตระการตาบังเกิดขึ้น รวมตัวกันเป็นร่างของนักบวชเต๋าจินเหลียน

“เฮยเหลียน สะสางหนึ้แค้นของพวกเราแล้ว” นักบวชเต๋าจินเหลียนพูดเสียงดัง

ด้านในส่วนลึกของที่ทำการปกครอง กลิ่นอายที่สกปรกดำมืดลอยขึ้นมา กลายเป็นดอกบัวสีดำบานกลางอากาศ ตรงกลางดอกบัว มีร่างคนที่มีของเหลวเหนียวข้นสีดำขลับไหลเป็นทางยืนอยู่

ทั่วทั้งสำนักตุลาการความมั่นคง เต็มไปด้วยพลังของบุญกุศลที่มีสีสันสวยตระการตาและพลังที่สกปรกดำมืด เขตปราณทั้งสองต้านทานซึ่งกันและกัน แบ่งเขตกันอย่างชัดเจน

เขามีดวงตาสีแดงเหมือนเลือด มองลงมาที่จินเหลียนที่อยู่ไม่ไกลด้วยความครั่นคร้าม

“จินเหลียน เจ้าเพียงลำพัง กับพวกกระจอกไม่กี่คนของพรรคฟ้าดินเท่านั้นเองหรือ”

พูดจบ บนเขตปราณที่ต่อต้านทั้งสองเขต ก็ปรากฏร่างที่สูงใหญ่แข็งแรงร่างหนึ่ง

เขางอนิ้วแตะที่หว่างคิ้ว น้ำเสียงทุ้มต่ำ

ชิ…วงแหวนเพลิงด้านหลังศีรษะที่ร้อนผ่าวลุกโชนขึ้น แสงสีทองปกคลุมทั่วร่างในทันที กลิ่นอายที่น่ากลัวปกคลุมไปทั่วทุกแห่งหน

“เทพอารักษ์แห่งสำนักพุทธ?”

ความสนใจของเฮยเหลียนถูกเขาดึงดูดทันที

“ไม่!” อาซูหลัวเคาะหว่างคิ้วอีกครั้ง วงแหวนเพลิงด้านหลังศีรษะอ่อนลง วงแสงที่สวยพร่างพรายวงหนึ่งสว่างขึ้น มุมปากของเขากระตุกขึ้น

“พระอรหันต์!”

“เป็นไปไม่ได้!”

ลมหายใจของเฮยเหลียนกระเพื่อมอย่างรุนแรง และคำรามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นอกเมืองสวินโจว!

โค่วหยางโจวระบายปราณดาบออกครั้งหนึ่ง ผสมผสานเข้ากับกลุ่มดาบกลุ่มใหญ่ ชั่วพริบตาเดียว ดาบทุกด้ามก็ได้รับพลังที่น่ากลัว พวกมันตอบรับซึ่งกันและกัน ผสมผสานซึ่งกันและกัน เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง