ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 756

บทที่ 756 ยุติเหตุต้นผลกรรม ชำระล้างบาปกรรม (2)

สำนักตุลาการความมั่นคง

สังเกตเห็นว่าศัตรูมารุกราน พวกนักพรตเหลียนฮวาแห่งนิกายปฐพีกรูกันออกมาจากห้อง แต่ถูกพลังยิ่งใหญ่เทียมฟ้าของอาซูหลัวผลักกลับไปทันที

“สำนักพุทธจะเป็นศัตรูกับนิกายปฐพีของข้า?”

เฮยเหลียนยืนบนฐานดอกบัว ถามอย่างเดือดดาล

อาซูหลัวไม่เสียเวลาตอบแม้แต่น้อย กำปั้นขวาเกิดแสงสว่างพร่างพราย กุมพลัง ‘ระดับเต๋าแยกขันธ์’ ปล่อยหมัดคำรามผ่านอากาศ

ยามนี้ ในลานบ้านทุกแห่งของสำนักตุลาการความมั่นคง ค่ายกลที่จัดวางไว้ล่วงหน้าสว่างวาบพร้อมกัน

ที่นี่เป็นฐานที่มั่นใหม่ของนิกายปฐพี เป็นไปไม่ได้ที่สวี่ผิงเฟิงจะไม่จัดวาง สร้างค่ายกลใหญ่ไว้ในที่ทำการปกครองก่อนแล้ว

ทางตะวันตกพวยพุ่งด้วยวิญญาณทองคมกริบ ทางใต้แสงไฟทะลุฟ้า ทางเหนือเป็นวิญญาณน้ำหมุนวนเชี่ยวกราก ทางตะวันออกพืชพันธุ์เติบโต เถาวัลย์เลื้อยคดเคี้ยวราวกับถูกแตะต้อง ตำแหน่งกลางค่ายกล พลังวิญญาณดินพรั่งพรู

เฮยเหลียนใช้สี่ร่างธรรมยิ่งใหญ่ ‘ดินน้ำลมไฟ’ ทันที ซึมซับพลังที่มารวมตัวกันในค่ายกลใหญ่เข้าสู่ร่างธรรม

ชั่วพริบตาเดียวร่างธรรมทั้งสี่กลับเข้าร่างเฮยเหลียน กำปั้นของเขาเกิดกลุ่มแสงห้าสีเวียนวน

‘ตูม!’

พลังทั้งสองชนกันเกิดเสียงระเบิดดังลั่นหูอื้อ รื้อถอนสิ่งก่อสร้างรอบข้างราวกับซากไม้ใบหญ้า

ดุจดั่งฤดูใบไม้ร่วง

“เฮอะ!”

เฮยเหลียนกวาดตาแดงก่ำมองอาซูหลัวกับจินเหลียน ยิ้มเยาะพูดว่า

“ค่ายกลนี้ใช้โชคชะตาชิงโจวเป็นรากฐาน รวบรวมห้าเส้นทาง เมื่ออยู่ในค่ายกล ข้าก็เหมือนพยัคฆ์ติดปีก เดาสิว่าตาวงแหวนอยู่ที่ใด”

ตาวงแหวนก็คือเขา

ขอเพียงเขาไม่ออกจากค่ายกล ค่ายกลนี้ก็จะไม่แตกสลาย

และขอเพียงยืนหยัดได้นานพอ ช้าเร็วสวี่ผิงเฟิงกับเจียหลัวซู่จะสังเกตเห็นว่าสถานการณ์เปลี่ยนไป รีบกลับมาสนับสนุน

“จินเหลียน เจ้านึกว่าข้าย้ายแท่นบูชาหลักนิกายปฐพีมาชิงโจว เพียงเพราะกลัวเจ้าแก้แค้น? ไม่ ข้าต้องการครอบครองข้อได้เปรียบของเจ้าบ้าน แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดพระอรหันต์สำนักพุทธรูปนี้ช่วยเจ้า แต่เจ้าก็อย่าได้ดูถูกพวกเราเกินไป”

การสร้างค่ายกลใหญ่โตมโหฬารเป็นหนึ่งในข้อแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับสวี่ผิงเฟิง และเป็นความมั่นใจให้เขารักษาการณ์ชิงโจวได้อย่างสบายใจ

นักบวชเต๋าจินเหลียนร้อง “โอ้” สีหน้าปกติ ยิ้มพูดว่า

“ข้าไม่อาจทำลายค่ายกลของโหร แต่ค่ายกลนี้หยั่งรากในพื้นดิน อาศัยภูมิลักษณ์…อืม เจ้าลืมหนังสือปฐพีใช่หรือไม่”

ค่ายกลแบ่งเป็นสองแบบ แบบแรกคือใช้ตัวโหรเองเป็นรากฐาน เมื่อใช้ความคิด ก็เกิดเป็นค่ายกล

อีกแบบหนึ่งคือค่ายกลแข็งตัว ใช้ภูมิลักษณ์เป็นรากฐาน สร้างค่ายกลใหญ่

แบบแรกไม่อาจทำลาย นอกจากฆ่าโหรท่านนั้น แต่แบบหลัง ถูกหนังสือปฐพีควบคุมพอดี

นักบวชเต๋าจินเหลียนล้วงเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีหมายเลขเก้าออกมา แผ่พลังบุญกุศลสู่หน้ากระจก จากนั้นโยนสู่ท้องฟ้า

หนังสือปฐพีพลิกเปิดอย่างรวดเร็ว กระเพื่อมแสงสว่างพร่างพราย

ในสำนักตุลาการความมั่นคง หลายลำแสงลอยมา รวมตัวกับเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีนี้

กระจกหยกเจ็ดบานเล็กรวมตัวกัน รูปร่าง ‘หลอมเหลว’ อย่างรวดเร็ว กลายเป็นกลุ่มเศษหยกที่ไม่สม่ำเสมอ คล้ายเครื่องลายครามที่แตกหัก

เศษชิ้นส่วนพวกนี้รวมตัวกัน กลายเป็นจานหยกสี่เหลี่ยมที่ขาดไปมุมหนึ่ง

ภายใต้การควบคุมของนักบวชเต๋าจินเหลียน จานหยกสี่เหลี่ยมค่อยๆ จมลงไปในดิน

ครู่ต่อมา ค่ายกลในสำนักตุลาการความมั่นคงแตกสลาย พลังสี่ทิศห้าทางกระเจิดกระเจิง

อาซูหลัวเงี่ยหู หันหน้ามองที่ซึ่งเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีหายไป ขมวดคิ้วเล็กน้อย

ในฐานะเจ้านายของเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพี ชั่วพริบตาก่อนนั้น เขาได้ยินเสียงพึมพำทุ้มต่ำ

นักบวชเต๋าเฮยเหลียนทั้งตกใจและโมโห คำรามว่า

“เจ้ากล้าให้หนังสือปฐพีรวมตัวกัน? เจ้ากล้าได้อย่างไร!”

น้ำเสียงเขาเดือดดาลและหวาดกลัวยิ่งนัก คล้ายว่าหนังสือปฐพีรวมตัวกันจะเกิดเรื่องน่ากลัวอะไร

‘หนังสือปฐพีรวมตัวกันจะเกิดอะไรขึ้น’…ความคิดนี้แวบผ่านในหัวอาซูหลัว เขาไม่ได้คิดมาก วงรัศมีพร่างพรายหลังศีรษะเลือนหาย วงแหวนเพลิงระเบิดออก กลายเป็นลำแสงสีทองยิงใส่เฮยเหลียน

เฮยเหลียนปลดปล่อยร่างกายซึ่งเป็นของเหลวหนืดสีดำสนิท กลายร่างทันที คลื่นกระแสอากาศเข้ามาแทนที่

เขากลายเป็นสายลม หลบหลีกการโจมตีของอาซูหลัว

ขณะเดียวกัน ของเหลวหนืดที่ทิ้งไว้ไกลๆ นั้นราวกับน้ำพุ กลืนกินเงาร่างของอาซูหลัว

“กลับใจคือฟากฝั่ง!”

ในน้ำพุ แว่วเสียงเยือกเย็นของอาซูหลัว

ท่าทางการเหินของเฮยเหลียนหยุดชะงัก หันกลับมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

เห็นว่าไม่อาจหลบหนี เฮยเหลียนตัดสินใจทันที เก็บร่างธรรมลม ให้ร่างกายหลอมเหลวกลายเป็นมหาสมุทรสีดำที่หนืดข้นและเชี่ยวกราก ปกคลุมทุกอย่างรอบข้าง กัดกร่อนทุกอย่างรอบข้าง

ในสำนักตุลาการความมั่นคง เจ้าพนักงานและทหารอารักขาทั่วไปทยอยเปลี่ยนไป แววตาสูญเสียสติสัมปชัญญะ

พวกเขาบางคนยากที่จะควบคุมความปรารถนาแห่งการฆ่าในใจ เห็นคนก็ฟัน บางคนในหัวเพียงอยากระบายความปรารถนาทางเพศ เห็นคนก็พุ่งเข้าใส่ ไม่แบ่งแยกชายหญิง บางคนละโมบปล้นทรัพย์สินในที่ทำการปกครอง จะเก็บไว้เป็นของตนเอง

สมาชิกพรรคฟ้าดินสี่คนที่กำลังสังหารเต๋ามารนิกายปฐพี ตกใจขี่ลมลอยขึ้น หลบหลีกพลังเสื่อมโทรมที่เชี่ยวกรากราวกับน้ำท่วม

พลังเสื่อมโทรมที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้เกินขีดจำกัดที่แก่นปราณแห่งลัทธิเต๋าจะชำระล้างได้ อย่างน้อยที่สุดพวกเขาที่เป็นขั้นสี่ก็ไม่อาจหลบเลี่ยง

เมื่อหันมาดูพวกเต๋ามารนิกายปฐพี เสมือนปลาได้น้ำ พลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก

อาซูหลัวนั่งขัดสมาธิ ของเหลวหนืดถูกแสงสีทองอ่อนขวางไว้

เข้าฌาน!

นักบวชเต๋าจินเหลียนลอยขึ้น กลายเป็นแสงแดดจ้า เปล่งประกายพลังบุญกุศลสีสันพร่างพราย

‘ฟู่ๆ’…

ของเหลวที่หนืดข้นขุ่นคลั่กปล่อยควันดำเป็นระลอก ปกคลุมของเหลวหนืดของอาซูหลัว สูญสลายอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ ถดถอยไป

อาซูหลัวก้มตัว ฝ่ามือสองข้างจุ่มลงในของเหลวหนืดเชี่ยวกราก วงรัศมีพร่างพรายหลังศีรษะระเบิดออกทันที

แยกขันธ์!

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นทั่วทุกแห่งในสำนักตุลาการความมั่นคง ของเหลวหนืดถอยไปราวกับน้ำลง กลับสู่รูปร่างมนุษย์อีกครั้ง ร่างนั้นไม่หยุดหลอมเหลวและแตกสลาย แทบจะรักษารูปร่างให้คงอยู่ไม่ได้

เอกลักษณ์หนึ่งเดียวของระดับเต๋าแยกขันธ์คือ ‘ไม่ตายไม่เลิกรา’ นี่แทบไม่ต่างจากพลังของกระบี่สยบดินแดน

อาซูหลัวหายไปในพริบตา เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่ตรงหน้าเฮยเหลียน

ย่อตัว ตั้งท่า ออกกำปั้นดุจสายฟ้า

‘ตูม!’

ร่างกายเฮยเหลียนระเบิดออก ของเหลวหนืดราวกับโคลนไหลไปทั่วทุกสารทิศ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง