บทที่ 774 จอมยุทธ์หญิงนกนางแอ่นเหิน (1)
Ink Stone_Fantasy
ชายแดนตอนเหนือ!
เมฆหมอกเคราะห์กรรมค่อยๆ สลายตัว
ก้าวข้ามบ่วงกรรมโอสถสุวรรณแปดสิบเอ็ดวิถีไปได้อย่างราบรื่น แสงตะวันสาดส่องทะลุมวลหมู่เมฆาทันที ครอบครองฟากฟ้าจรดผืนดินอีกครั้ง
กลิ่นอายเคราะห์สวรรค์น่าหดหู่หายไปแล้ว ภายในระยะหนึ่งร้อยลี้นี้ สิ่งมีชีวิตที่ยังรอดชีวิตอยู่ทรุดตัวลงบนพื้นราวกับปลดเปลื้องภาระอันหนักอึ้งสู่ผืนดิน
เสื้อขนนกของลั่วอวี้เหิงพัดกระพือ หมวกดอกบัวถูกไหมสีฟ้าอ่อนรัดรึงไว้ ทั่วทั้งตัวนางมิมีสิ่งใดบุบสลาย โอสถสุวรรณที่อยู่เหนือหัวนางค่อยๆ ละลายลงมาหลังผ่านเคราะห์อัสนีเก้าสิบเก้าวิถีและแปดสิบเอ็ดวิถีไปแล้ว
โอสถสุวรรณละลายกลายเป็นน้ำสีทองราดรดตัวลั่วอวี้เหิง
ในชั่วพริบตา ทั้งตัวนางก็กลายเป็นร่างสีทองอร่าม ส่องแสงสีทองไร้ที่สิ้นสุด
ร่างกายที่จะคงอยู่ตลอดไป เสร็จสิ้น!
นับแต่นี้ไป หมื่นทิพยธรรมจักอยู่ยงคงกระพัน ไม่เสื่อมสลาย ไม่ถูกทำลาย ไร้เรื่องกังวลใดๆ ในโลกใบนี้
‘หึ่ม!’
กระบี่เทพในมือของลั่วอวี้เหิงระเบิดประกายแสงกระบี่น่าสะพรึงกลัวออกมา กระตือรือร้นอยากทดลองและต้องการกระโจนเข้าสู่สนามรบสังหารศัตรูทันที
นางมองไปทางสวี่ชีอันที่ทั้งตัวชุ่มโชกไปด้วยโลหิตและพยายามประคองตัวอยู่ในระยะไกล
“ยังอีกรึ?”
น้ำเสียงของไป๋ตี้ไม่แยแสเลยสักนิด “เจ้าไม่เห็นหรือว่า กำลังกายของเขาอ่อนแอเพียงใด ‘วิถี’ ที่มีศักยภาพในการระเบิดชนิดนี้จะคงอยู่ได้นานเพียงไหน? ขีดจำกัดสูงสุดต้องไม่เกินหนึ่งขั้น ถ้าเจ้าไม่ช่วย เขาย่อมตายแน่”
ไป๋ตี้กำลังยั่วยุลั่วอวี้เหิงให้โจมตี เมื่อใดที่ลั่วอวี้เหิงกล้าเข้าร่วมการต่อสู้ นางจะสูญเสียตบะที่นางฝึกฝนมาและได้รับผลกระทบจากเคราะห์สวรรค์ขั้นสอง
หากลั่วอวี้เหิงเลือกที่จะถอยและซ่อนตัวเพื่อรวบรวมตบะของนาง แน่นอนว่าอย่างดีที่สุดถึงแม้สวี่ชีอันกับอาซูหลัวจะเป็นพวกเหนือมนุษย์แต่พวกเขาก็ต้องตายอย่างแน่นอน
ไป๋ตี้กับเจียหลัวซู่จะไม่ปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน
“ไม่ต้องมาสนใจข้าแล้วหลุดพ้นจากบ่วงกรรมไปซะ!”
สวี่ชีอันเลียมุมปากที่แตกเป็นแผลและพูดเสียงหนักแน่น
“ทำตามแผนการหลุดพ้นจากบ่วงกรรมต่อไป!”
แผนการรึ? ไป๋ตี้เลิกคิ้ว มันไม่ใช่สัตว์ร้ายไร้สมอง เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็ตื่นตัวด้วยสัญชาตญาณ คิดวิเคราะห์ในใจและนึกถึงผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ที่ต้าฟ่งมีอยู่ในหัว
เมื่อถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง หากท่านต้องการกลับมา ท่านย่อมไม่อาจพึ่งพาเพียงกำลังของตัวเอง ส่วนใหญ่ย่อมต้องมีพันธมิตร แต่การต่อสู้เพื่อหลุดพ้นจากบ่วงกรรมครั้งนี้ พวกเหนือมนุษย์ในจิ่วโจวกำลังให้ความสนใจ ทุกคนล้วนอยู่บนกระดานหมากรุกและไม่น่ามีเรื่องประหลาดใจจากสวรรค์
‘อืม เป็นไปได้ว่าเจ้าหนูผู้นี้อาจกำลังจัดแสงสีเสียงเพื่อทำให้ตกใจ’ ลั่วอวี้เหิงหายใจเข้าลึกๆ หยิบยาออกมาสองสามเม็ดแล้วกลืนเข้าไป จากนั้นนางก็แยกร่างเป็นร่างธรรมเพศหญิงสี่ร่าง
พวกมันคือร่างดินที่ห่อหุ้มไปด้วยเกราะหิน ร่างอัคคีที่เร่าร้อนลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟแผดเผา ร่างวารีที่อบอวลไปด้วยไอน้ำสีดำและร่างวายุที่กอปรขึ้นจากกระแสลม
สภาพแวดล้อมรอบข้างมืดมิดโดยไม่รู้ตัวแล้วเมฆหมอกเคราะห์กรรมก็เข้าปกคลุมอีกครั้ง บดบังแสงตะวันเสียสิ้น
พลังคุกคามอันน่าสยดสยองกวาดไปทั่วอาณาบริเวณหลายร้อยลี้
ร่างวายุที่กอปรขึ้นมาจากกระแสลมหมุนเวียนทะยานขึ้นและพัดพาไปสู่ท้องฟ้า
ระหว่างนั้นมีลมกระโชกแรงจนเกือบพัดหายไปหลายครั้ง
‘เปรี้ยง!’
ฟ้าร้องฟ้าผ่าแลบแปลบปลาบออกจากเมฆหมอกเคราะห์กรรม
ชะตาสี่สภาพระดับแรก ชะตาวายุพิโรธ!
ละทิ้งโอกาสรวบรวมตบะของตัวเอง ริอ่านจะดึงดูดเมฆหมอกเคราะห์กรรมเข้ามาและแข็งขันจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมไปอย่างขมีขมันงั้นรึ?
เจียหลัวซู่มีสีหน้าจริงจังและมองไปยังเซียนครองพิภพครึ่งก้าวผู้โด่งดังไปทั่วประเทศ
ลั่วอวี้เหิงไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
…
สวี่เอ้อร์หลางค้นหาอย่างไร้จุดหมายผ่านกระจกเทพฮุ่นเทียนและจับตามองความเคลื่อนไหวของชีก่วงป๋อผู้นำทัพหลวงแห่งอวิ๋นโจวมาชุมนุมอยู่ในเมืองสวินโจว
เขาได้ส่งม้าเร็วไปรายงานยังเมืองสวินโจวเพื่อเตือนทหารอารักขาที่อยู่ในเมืองสวินโจว
จากนั้นจึงนำกองทหารม้าที่เตรียมพร้อมไว้ควบม้าไปยังสวินโจวทันที
เขาเดาจุดประสงค์ที่แท้จริงของชีก่วงป๋อได้รางๆ…เพื่อจู่โจมสวินโจวโดยไม่ให้ตั้งตัว
แม้ว่าแนวหน้าของสวินโจวที่เป็นหัวใจสำคัญจะถูกโจมตีจนพินาศย่อยยับระหว่างสู้รบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแนวป้องกันของกองทัพต้าฟ่งจะยอมแพ้ ยังคงมีทหารพรานจำนวนมากตั้งค่ายอยู่ใกล้แนวป้องกันและส่งหน่วยสอดแนมออกไปลาดตระเวนตลอดเวลา
ถ้าเสียกำแพงเมืองก็อย่ารบบนกำแพงเมือง ให้ต่อสู้ในสนามรบ
แนวป้องกันจะไม่ยอมล่าถอยเพราะเสียเมือง เนื่องจากข้างหลังคือเมืองยงโจวที่ตลอดทางมีผู้คนอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
พยุหเสนาบนแนวป้องกันถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มที่สลับซับซ้อน โดยมีหยางเยี่ยนและคนอื่นๆ เป็นผู้นำของเหล่ายอดฝีมือ ทหารจับฉ่ายที่นำโดยกลุ่มกบฏ เช่น ฉู่หยวนเจิ่นและเหล่าสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์
เนื่องจากคุณภาพของกองทัพไม่สม่ำเสมอจึงมีทั้งได้ชัยชนะและพบเจอการสูญเสีย อย่างเช่น สวี่ซินเหนียนเป็นผู้นำกองยอดฝีมือทหารม้าและด้วยความสามารถของกระจกเทพฮุ่นเทียน เขาจึงชนะการต่อสู้ติดต่อกันและปกป้องแนวป้องกันที่เขารับผิดชอบได้เป็นอย่างดี
ผิดกับหยางเชียนฮ่วน หลี่หลิงซู่และพยุหเสนาบางส่วนของกลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์ เมื่อทหารจับฉ่ายเหล่านี้เผชิญหน้ากับยอดฝีมือทหารม้าของอวิ๋นโจว ไม่ว่าจะมีกี่หัวก็ไม่พอให้กองทัพอวิ๋นโจวฟันหัวแบะ
อย่างน้อยก็เป็นที่กล่าวขวัญกันว่า เหตุผลที่หยางเยี่ยนอยู่ในยงโจว เพราะลั่วอวี้เหิงกำลังหลุดพ้นจากบ่วงกรรมอยู่ทางชายแดนตอนเหนือจึงสามารถช่วยสกัดกั้นสัตว์ประหลาดและคนเถื่อนได้
เช่นเดียวกับเจียงลวี่จงกับจางไคไท่ ฆ้องทองคำทั้งสองคนได้กลับไปที่ด่านอวี้หยางแล้วและประจำอยู่ที่เมืองชายแดนตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อป้องกันไม่ให้กองทัพสำนักพ่อมดส่งกองกำลังมาสนับสนุนระหว่างการสู้รบในที่ราบลุ่มภาคกลาง
ในฐานะผู้พิทักษ์ต้าฟ่ง ฆ้องทองคำออกจะเฉื่อยชาไปหน่อยและมักถูกกองทัพอวิ๋นโจวจูงจมูกอยู่เสมอ
หยางกงยังคงใช้กระจกเทพฮุ่นเทียนเพื่อจู่โจมกองทัพอวิ๋นโจวแบบสายฟ้าแลบ
แต่กองกำลังหลักของอวิ๋นโจวมีกองทหารแนวหน้าเพื่อสำรวจเส้นทางด้านหน้า รอบนอกมีหน่วยลาดตระเวนเฝ้าระวังและยังมีกองทัพอสูรเหินเวหาลาดตระเวนอยู่บนท้องฟ้าเบื้องบน
จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีกองกำลังขนาดใหญ่บุกเข้ามาจู่โจม ในทางตรงข้ามหลี่เมี่ยวเจินกับคนอื่นๆ กลับใช้ค่ายกลส่งตัวของโหรเพื่อจุดไฟเผายุ้งฉางและทำเรื่องราวมากมายโดยที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น
กองทัพอวิ๋นโจวไม่ได้ให้โอกาสเช่นนี้กับพวกเขาเลย
หลี่เมี่ยวเจินกับสวี่เอ้อร์หลางเดินไปที่แม่น้ำ ผู้อาวุโสกว่าคุกเข่าลงและพูดว่า
“ลงแส้ม้าเร็วขนาดนี้ก็ต้องพักสักหนึ่งเค่อ ไม่อย่างนั้นต่อให้เดินทางไปถึงสวินโจว เราก็จะเป็นแค่กองทหารที่เหนื่อยล้า สวินโจวถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนาและชีก่วงป๋อก็อยากจะรีบไป แม้เขาจะไม่ทันได้คิดก็ตาม”
“หยางกงเพียงแค่ต้องยึดที่มั่นไว้และเมื่อกำลังเสริมมาถึง กองทัพอวิ๋นโจวก็ย่อมถอนตัวไปเอง”
สวี่ซินเหนียนพยักหน้าเล็กน้อย
ในชิงโจวสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เขาเคยประสบด้วยตัวเองมาแล้ว ตอนที่ถูกกองทัพอวิ๋นโจวล้อมอยู่ในเทศมณฑลซงซาน เขาขาดแคลนทั้งอาหารและยุทโธปกรณ์
หากผ่านพ้นไปได้ ย่อมต้องมีกำลังเสริมตามมา
ตอนนี้บทบาทเขาคือการเสริมกำลัง
สวี่เอ้อร์หลางหยิบผ้ามาซับเหงื่อ เช็ดฝุ่นออกจากใบหน้า จากนั้นก็ทำความสะอาดผ้าซับเหงื่ออย่างระมัดระวัง
เขาพูดด้วยความกังวล
“อาศัยความสะดวกสบายจากกระจกเทพฮุ่นเทียน เราค้นพบร่องรอยของทัพหลวงที่นำโดยชีก่วงป๋อล่วงหน้า เกรงว่าหยางเยี่ยน กลุ่มพันธมิตรจอมยุทธ์และคนอื่นๆ อาจรับมือไม่ทันและพวกเขาอาจถูกกองทหารม้าอวิ๋นโจวขวางไว้”
ชีก่วงป๋อเพียงต้องการสร้างความได้เปรียบเรื่องเวลาและทำลายเมืองสวินโจวในคราวเดียว ตราบใดที่เขายึดเมืองสวินโจวได้ เขาย่อมแบ่งยงโจวกับกองทัพต้าฟ่งเท่าๆ กันและผลักดันสงครามไปสู่ขั้นต่อไป…ต่อสู้เพื่อเมืองยงโจว
จากนั้นตามแผนการของผู้นำทัพอวิ๋นโจวต้องมีการจัดวางอย่างละเอียดถี่ถ้วน และต้องวางกำลังพลในแนวป้องกันเพื่อสกัดกั้นกองทัพต้าฟ่งทุกพื้นที่
คู่หูที่สมบูรณ์แบบในความคิดของเขาคือนางฟ้าผู้ผดุงความยุติธรรมเช่นกัน
หลังจากได้พบหลี่เมี่ยวเจิน หลี่ซื่อหลินก็มั่นใจว่านางในดวงใจของเขาปรากฏตัวขึ้นแล้ว
แต่ท่านอาจารย์ผู้ฝึกวรยุทธ์และหลอมปราณให้เขาแต่ไม่ได้สอนความสามารถในการไล่ตามสตรีที่เขาชอบพอ นี่อาจเกี่ยวข้องกับข้อเท็จจริงที่ว่าตัวท่านอาจารย์เองก็มีความรู้แค่ขั้นพื้นฐานและไม่สามารถสอนความรู้ระดับสูงกว่านั้นได้
ประกอบกับหลี่ซื่อหลินมีนิสัยชอบเก็บตัว หัวใจของเขาจึงเต้นระส่ำและมักพูดติดอ่างหลังจากคุยกับจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินเพียงไม่กี่คำ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้แสดงความในใจออกมาสักที
ทุกวันนี้เขาเดินตามรอยเท้าของจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินและไปที่อวิ๋นโจวเพื่อพบเจอนาง ทุกวันเขาใช้ชีวิตด้วยการเลียเลือดบนคมมีดและติดตามนางในดวงใจไปเงียบๆ ขณะที่ทำตัวเป็นผู้ผดุงความยุติธรรมไปพร้อมกับนาง
หลี่ซื่อหลินเก็บงำความรู้สึกไม่เก่ง เมื่อเขาอยู่ในอวิ๋นโจวมักถูกพี่น้องในกองทัพล้อเลียนและพูดว่า
จอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินอาจไม่ทราบเจตนาของเขา เขาอาจเป็นบุรุษที่ดี แต่ให้นางชอบไปท่อนไม้ยังดีกว่า
แต่หลี่ซื่อหลินรู้สึกว่า แม้ตลอดชีวิตเขาจะไม่แสดงความในใจของเขาออกไป มันก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่เขาสามารถติดตามจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินท่องไปตามแม่น้ำและทะเลสาบเพื่อขจัดการข่มเหงสตรีและเรื่องราวชั่วร้ายด้วยกัน เรื่องนั้นย่อมไม่เป็นไร
อันที่จริงนั่นเป็นเรื่องดี
ดังนั้นเมื่อหลี่เมี่ยวเจินยุบไพร่พลพยุหเสนา เขาจึงเศร้าใจมาเนิ่นนาน
เมื่อไม่นานมานี้ หลี่เมี่ยวเจินได้ว่าจ้างกองกำลังเก่าและแต่งทัพขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่เขารู้ข่าว เขาก็อำลาอาจารย์ของเขาและเดินทางจากเจี้ยนโจวมายังยงโจว
ในตอนแรก พี่น้องหลายคนจากกองพันอวิ๋นโจวมาเพราะคำพูดของจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหิน
หลี่ซื่อหลินชื่นชอบความภักดีแบบนี้
ดังที่ฆ้องเงินสวี่กล่าวไว้ในบทกวี ตับและถุงน้ำดีเป็นโพรง ขนลุกตั้งชัน ระหว่างสนทนา ชีวิตและความตายย่อมเหมือนกัน และคำสัญญามีค่าหนึ่งพันตำลึงทอง
ยิ่งใกล้บ้านมากขึ้น ในที่สุดหลี่ซื่อหลินก็ดึงความกล้าออกมาสารภาพรักกับหลี่เมี่ยวเจิน ภายใต้การสนับสนุนของพี่น้องหลายคนที่ปราบโจรด้วยกันในอวิ๋นโจว
ไม่ใช่ว่าในที่สุดหลี่ซื่อหลินก็จะได้มันมา แต่เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม
ภัยคุกคามที่มาจากสวี่ซินเหนียน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลี่ซื่อหลินต้องระแวง เพราะใต้เท้าสวี่รูปงามเกินไป ตัดสินจากทัศนคติของจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหิน ดูเหมือนนางค่อนข้างคุ้นเคยกับเขา ทั้งพูดคุยและหัวเราะด้วยกัน
คุ้มค่าหรือไม่?
แม้ว่าเขาจะปลอบใจตัวเองเสมอว่าเป็นเรื่องดีที่ได้อยู่กับจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหิน แต่นั่นเป็นเพราะหลี่เมี่ยวเจินนั้นห้าวหาญ มีน้ำใสใจจริงไม่เสแสร้งและยังไม่มี ‘ศัตรู’ ที่น่าหวาดหวั่นรอบตัว
นับตั้งแต่สวี่ซินเหนียนปรากฏตัว หลี่ซื่อหลินก็รู้สึกว่าวิกฤตมาเยือน
ดังนั้นตามคำยุยงของจ้าวไป๋หลงกับกุ้ยถงฟู่ เขาจึงคิดที่จะบอกความในใจของเขากับจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหิน
หลังจากหลี่ซื่อหลินบีบสวี่ซินเหนียนออกไป เขาก็มองใบหน้าด้านข้างไร้ที่ติของหลี่เมี่ยวเจินและลังเลที่จะพูด ไม่สามารถพูดอะไรที่สะสมอยู่ในใจมาเป็นเวลานานได้ ทำได้เพียงเช็ดใบหน้าและมืออย่างห่อเหี่ยว
หลี่เมี่ยวเจินพูดว่า
“ข้าจะไปตรวจสอบอาหารสัตว์”
‘อ่า นี่มัน’…หลี่ซื่อหลินมองตามหลังนางและทำท่าเอื้อมมือไปคว้านางไว้ในดวงใจเขา
ในตอนนี้สวี่ซินเหนียนยังมองตามหลังหลี่เมี่ยวเจินและชำเลืองไปยังหลี่ซื่อหลินที่หยาบคายกับเขาและเพื่อนสองคนที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า
“พวกเจ้าทุกคนล้วนชอบนาง”
“แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก…”
ดูเหมือนชายสองคนที่อยู่ข้างหลังเขาจะสำลักน้ำลาย หน้าแดงและไออย่างรุนแรง
หลี่ซื่อหลินหันหลังกลับมาด้วยความประหลาดใจและจ้องตรงไปที่พวกเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและระแวดระวัง เขาสูญเสียความไว้วางใจระหว่างผู้คนไปแล้ว
สองคนนั้นคือจ้าวไป๋หลงกับกุ้ยถงฟู่
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...