ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 807

บทที่ 807 ทางของเทพธิดา

ฆ่าเมี่ยวเจินงั้นหรือ คงไม่ใช่แบบนั้นหรอกมั้ง…สวี่ชีอันเลิกคิ้ว เปลี่ยนทิศทาง บินไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หากจำไม่ผิด นิกายสวรรค์อยู่ไกลจากเจี้ยนโจว

นี่เป็นเรื่องที่หลี่หลิงซู่คายออกมา

ในบรรดาลัทธิเต๋าทั้งสามนิกาย นิกายสวรรค์ปกปิดตัวตนและแทบไม่ข้องเกี่ยวกับโลกมนุษย์ ทุกสองสามทศวรรษหรือสิบกว่าปี จะส่งเทพบุตรกับเทพธิดาเดินทางลงเขามาฝึกฝนจิตใจที่โลกมนุษย์

ด้วยเหตุนี้ สวี่ชีอันจึงไม่ได้ตั้งใจสืบหาที่ตั้งของนิกายสวรรค์มาก่อน และปล่อยมันเป็นเรื่องของ ‘อนาคต’ ไป เดิมทีเขาวางแผนจะไปเพื่อถามหาความจริงเกี่ยวกับการหายตัวไปอย่างลึกลับขององค์เทพในอดีตที่นิกายสวรรค์เป็นการส่วนตัวในอนาคตเมื่อแข็งแกร่งมากพอ

ทว่าต่อมาเขาก็ไขความลับเรื่องที่องค์เทพรวมเป็นหนึ่งกับวิถีแห่งฟ้าได้ด้วยตัวเอง

เมื่อเห็นหลี่หลิงซู่ส่งข้อความมาขอความช่วยเหลือ สมาชิกในพรรคฟ้าดินจึงประหลาดใจ จากนั้นฉู่หยวนเจิ่นก็ส่งข้อความไปถาม

หมายเลขสี่ ‘ฆ่าเจ้าหรือฆ่าหลี่เมี่ยวเจินนะ พวกเจ้าสองคนก็พอฟัดพอเหวี่ยงกัน หรือว่านิกายสวรรค์ให้ค่ากับผู้ชายมากกว่า จึงฆ่าเพียงเมี่ยวเจิน ไม่ฆ่าเจ้า’

หลี่หลิงซู่คิดในใจ ‘เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่ จุดสำคัญของปัญหาไม่ใช่พวกโจรเฒ่าต้องการฆ่าเมี่ยวเจินหรอกหรือ ข้าไม่ถูกฆ่า แล้วมันขวางหูขวางตาเจ้าอย่างไร’

แม้จะบ่นอยู่ในใจ ความเร็วในการส่งข้อความก็ไม่ได้ลดลง เขาอธิบายอย่างรวดเร็วว่า

หมายเลขเจ็ด ‘องค์เทพคิดว่าข้ากับเมี่ยวเจินมีกรรมมากเกินไปและถูกกำหนดให้พินาศ คงไม่อาจตัดอารมณ์ความรู้สึกได้ ด้วยเหตุนี้จึงตั้งใจจะลบความทรงจำของพวกเรา ข้ายอมถอยเพื่อเอาตัวรอด จึงตอบตกลง แต่พวกเจ้าก็รู้นิสัยของเมี่ยวเจิน เป็นตายอย่างไรนางก็ไม่ยอม’

‘แถมยังกล้าต่อปากต่อคำกับองค์เทพอีก พูดว่าฆ่าข้าได้ ทำลายข้าได้ แต่หยามข้าไม่ได้’

‘หลี่เมี่ยวเจินทำเรื่องโง่เขลาลงไปจริงๆ’ สมาชิกพรรคฟ้าดินถอนหายใจในใจ

หญิงสาวคนนั้นดูไม่เหมือนเทพธิดาเลย อุปนิสัยแข็งแกร่ง ยอมตายดีกว่ายอมประนีประนอม

นักบวชเต๋าจินเหลียนส่งข้อความไป

หมายเลขเก้า ‘องค์เทพมองได้แม่นยำมาก สถานการณ์ของเจ้ากับเมี่ยวเจิน ถึงในชีวิตนี้จะอยากตัดอารมณ์ความรู้สึกก็คงยากแล้วล่ะ’

อาซูหลัวไม่เข้าใจจึงถาม

แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มาหลายร้อยปีแล้ว แต่สำนักพุทธอยู่ห่างไกลจากนิกายสวรรค์ นับพันปีไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ต่อให้เป็นเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ของนิกายสวรรค์อยู่ดี

หมายเลขเก้า ‘สืบทอดควันธูป สืบสานสำนัก ในสายตาขององค์เทพมันเป็นกฎ ไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึก เหมือนตะวันกับจันทราสับเปลี่ยนแทนที่กัน ฤดูกาลเปลี่ยนผัน มีกฎเกณฑ์ที่ทำงาน เกี่ยวอะไรกับอารมณ์ความรู้สึก หลี่เมี่ยวเจินเป็นเทพธิดา เป็นหนึ่งในผู้สืบทอดตำแหน่งองค์เทพในอนาคต เมื่อเทพธิดาเบี่ยงเบนไปจากจุดประสงค์ของหลักคำสอน องค์เทพจึงเข้าไปแทรกแซง เช่นเดียวกับการต่อสู้ระหว่างเหนือมนุษย์จะทำให้ธาตุแห่งฟ้าดินวุ่นวาย เวลานี้ กฎฟ้าดินก็จะเข้าไปแทรกแซง ทำให้ธาตุฟื้นกลับเป็นปกติ’

อาซูหลัวเข้าใจ

‘ไม่แปลกใจเลยที่องค์เทพในอดีตจะรวมเป็นหนึ่งกับวิถีแห่งฟ้า’

เขาเข้าใจเรื่องนิกายสวรรค์ในระดับลึกซึ้ง

ข่าวเรื่ององค์เทพในอดีตรวมเป็นหนึ่งกับวิถีแห่งฟ้าเป็นข่าวที่สวี่ชีอันล้วงมาจากไป๋ตี้ตอนยุทธการหนีเคราะห์กรรม ตอนนั้นเจ้าตัวก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน

ต่อมาก็แชร์ให้เหล่าสมาชิกพรรคฟ้าดินฟัง

หมายเลขเก้า ‘นิกายให้เวลาเมี่ยวเจินหนึ่งวันในการไตร่ตรอง ทว่านางยังไม่ยอมสวามิภักดิ์ องค์เทพจึงตัดสินใจโบยนางตอนเที่ยงตรง ต้องการทำให้นางสิ้นหวัง’

หลี่หลิงซู่คิดในใจ พวกเจ้าอย่ามัวแต่คุยเล่น รีบไปช่วยนางเถอะ!

หมายเลขสาม ‘ข้ากำลังรีบไปที่เจี้ยนโจว คงถึงก่อนเที่ยงตรง’

พอดี ฉวยโอกาสนี้คุยกับองค์เทพ ความลับของปรมาจารย์เต๋า ความลับของศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์และความลับขององค์เทพในอดีต

สวี่ชีอันเชื่อว่า องค์เทพรู้เบื้องลึกเบื้องหลังอื่นๆ อย่างแน่นอน

หมายเลขเก้า ‘อาตมาก็จะไปเช่นกัน เมี่ยวเจินเป็นสมาชิกพรรคฟ้าดินของข้า ไม่ใช่แค่เทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์ของเขา’

หมายเลขแปด ‘ข้าไม่มีอะไรทำพอดี’

แต่ก็กังวลเพราะคิดว่าพวกเหนือมนุษย์มากันเยอะเกินไป เขาแค่อยากช่วยตัวเองกับหลี่เมี่ยวเจิน ไม่ได้อยากให้คนจากพรรคฟ้าดินกลุ่มนี้ทำลายนิกายสวรรค์

หมายเลขหนึ่ง ‘ข้าจะแจ้งให้ลั่วอวี้เหิงทราบ!’

ฮว๋ายชิ่งเอ่ยแทรก

แม้ว่านางจะไม่ค่อยชอบจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินที่แทงจักรพรรดิต้าฟ่งตายคนนั้น แต่เห็นแก่ที่เป็นสมาชิกองค์กรเดียวกันและยินดีจะยื่นมือช่วยเหลือ

ยิ่งไปกว่านั้น คนสกุลสวี่กำลังแต่งงาน เขาต้องเชิญหลี่เมี่ยวเจินไปดื่มเหล้ามงคลอย่างแน่นอน

“…” หลี่หลิงซู่มีเพียงความคิดเดียวในหัว

นิกายสวรรค์คงรอไม่ไหวแล้ว!

นิกายสวรรค์

หลี่หลิงซู่ถอนหายใจ เก็บเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีในอกเสื้อ แล้วออกจากห้องสงบจิตของท่านอาจารย์ไปอย่างเงียบเชียบ

หลังกลับมายังนิกายสวรรค์ หนังสือปฐพีของพวกเขาก็ถูกท่านอาจารย์ของแต่ละคนยึดไป แต่เทพบุตรเห็นกับตาว่านักบวชเต๋าเสวียนเฉิงเก็บเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีไว้ในกล่องไม้

เขาจึงฉวยโอกาสตอนที่นักบวชเต๋าเสวียนเฉิงออกไปจากห้อง แอบเข้ามาส่งข้อความขอความช่วยเหลือถึงสมาชิกพรรคฟ้าดิน

ส่วนตอนนี้ สวี่ชีอันมาเร็วมาก เขาจะทิ้งนิกายสวรรค์และตามศิษย์น้องไปด้วยกันอย่างแน่นอน จึงไม่จำเป็นต้องเก็บเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีกลับคืน

หลี่หลิงซู่ออกจากลานบ้านไปเงียบๆ เดินไปทางที่พักของตัวเอง เมื่อเดินมาได้ครึ่งทาง เขาก็เห็นนักบวชเต๋าเสวียนเฉิงกลับมาพอดี

“ท่านอาจารย์!”

หลี่หลิงซู่โค้งตัวทำความเคารพ และแสดงความเศร้าหมองออกมาเล็กน้อยกำลังดี

ไม่ว่าหลี่เมี่ยวเจินกำลังจะเผชิญกับอะไรก็ตาม หรือเขาจะถูกลงโทษลบความทรงจำ ล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี

“ผู้อาวุโสทุกท่านเรียกศิษย์ภายในนิกายไปรวมตัวกันที่นอกวังเทพสวรรค์แล้ว เพื่อดูการลงโทษด้วยแส้สายฟ้า

“ส่วนเจ้าไปกับข้า หลังจากจัดการกับเทพธิดาแล้ว องค์เทพจะลบความทรงจำให้เจ้า”

หลี่หลิงซู่คงสีหน้าเศร้าหมองไว้และเอ่ยเสียงเบา

“ขอรับ!”

ณ จัตุรัส นอกวังเทพสวรรค์

หลี่เมี่ยวเจินนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นสูง หลับตานั่งสมาธิ

ข้างใต้แท่นสูง เป็นศิษย์นิกายสวรรค์ฝ่ายในสามร้อยกว่าคน มีทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พวกเขาต่างมองไปยังหลี่เมี่ยวเจินที่อยู่บนแท่นสูง ส่วนใหญ่ยังคงเงียบ แต่ส่วนน้อยเริ่มกระซิบกระซาบ

มีเพียงไม่กี่คนในนิกายสวรรค์ที่สามารถตัดอารมณ์ความรู้สึกได้ หากเทพบุตรกับเทพธิดายังไม่เคยตัดความรู้สึก ศิษย์ฝ่ายในเหล่านี้ก็ไม่ต้องพูดถึง

“ท่านอาจารย์ เทพธิดาเป็นอะไรไปหรือขอรับ นางทำผิดอันใด”

เด็กสาวที่มีแก้มอวบอ้วนคนหนึ่งดึงแขนเสื้ออาจารย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เทพธิดาเดินทางลงเขาไปแล้วสูญเสียจิตเต๋า จึงกำลังจะถูกนิกายประหารชีวิต”

ท่านอาจารย์ถอนหายใจ

เด็กสาวที่มีแก้มอวบอ้วนอายุประมาณสิบเอ็ดถึงสิบสองปี เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หน้าถอดสี ใบหน้าเป็นกังวล

“เทพธิดาจะถูกประหารได้อย่างไรกัน”

ในมุมมองของนาง เทพธิดาเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดตำแหน่งองค์เทพในอนาคต เป็นบุคคลผู้สูงส่ง สถานะในนิกายสวรรค์ก็ต่ำกว่าแค่องค์เทพกับเหล่าผู้อาวุโส

“เมื่อนางตาย เจ้าก็จะมีความหวังไม่ใช่หรือ” นักบวชวัยกลางคนที่อยู่ข้างๆ ยิ้มเยาะ

“ไม่ใช่แค่เจ้าหรอก ศิษย์หญิงทุกคนล้วนมีความหวังที่จะได้เป็นเทพธิดา เทพธิดาของพวกเราคนนี้ไม่ใช่เทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์ที่ดี แต่เป็นจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหิน”

ขณะที่รอ ยามอู่ก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เวลานี้ นักบวชเฒ่าผมสีดอกเลายืนอยู่ใต้ชายคาวังเทพสวรรค์แล้วตะโกนเสียงดังและเย็นชา

“เทพธิดา ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกหนึ่งครั้ง หากยอมลบความทรงจำ ข้าจะไม่ถือสาหาความเรื่องในอดีต”

บนแท่นสูง หลี่เมี่ยวเจินลืมตาขึ้นมองท้องฟ้า ก่อนถอนสายตากลับด้วยความผิดหวังเล็กน้อยและกล่าวว่า

“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ เมี่ยวเจินได้ตัดสินใจไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก”

ผู้อาวุโสใหญ่เลิกพูดจาไร้สาระ เบนสายตามองไปทางฝูงชนหนาแน่นแล้วเอ่ยเสียงดัง

“เทพธิดาหลี่เมี่ยวเจิน ช่วงเดินทางลงจากเขา ได้เมินเฉยต่อกฎนิกาย ไม่สนใจคำแนะนำของนิกาย มีกรรมมากเกินไป ไม่มีหวังจะตัดอารมณ์ความรู้สึกได้แล้ว

“องค์เทพยอมให้โอกาสนาง แต่นางกลับโง่เขลา ยอกย้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“วันนี้ข้าจะใช้แส้สายฟ้าสลายดวงวิญญาณของนาง เพื่อเป็นการตักเตือน พวกเจ้าก็ดูไว้เป็นบทเรียน จะได้ไม่เดินซ้ำรอยเดิมกับนาง”

ในฝูงชน ศิษย์จำนวนมากพากันเห็นด้วยและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง

“เหมือนว่าเทพธิดาจะตกสู่ทางมารแล้วจริงๆ ถึงได้ดื้อรั้นเช่นนี้”

“ดูสิ่งต่างๆ ที่นางทำในโลกสิ ปราบโจรที่อวิ๋นโจว ปราบกบฏที่ยงโจว เพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกผู้คนเคารพนับถือ จนเกือบลืมว่าตัวเองสกุลอะไร นิกายเลี้ยงดูนางมาจนโต ฝึกฝนนางจนประสบความสำเร็จ แต่นางกลับตอบแทนนิกายแบบนี้หรือ”

“องค์เทพให้โอกาสนาง แต่นางก็ไม่รักษาไว้ คิดว่ากฎของนิกายมีไว้แค่ประดับหรือ ความตายยังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ!”

“ไม่มีใครมาช่วยนางหรอก”

“น่าเสียดายที่ข้าขอท่านอาจารย์ไปอ้อนวอนองค์เทพเมื่อสองสามปีก่อน ให้ข้ากับเทพธิดาเป็นคู่บำเพ็ญกัน ตอนนี้ดูเหมือนจะโชคดีที่เรื่องนั้นไม่ประสบความสำเร็จ”

เทพบุตรกับเทพธิดาในอดีตต่างได้รับการคัดเลือกด้วยใจอันบริสุทธิ์โดยนิกายสวรรค์ ได้รับการฝึกฝนด้วยทรัพยากรทั้งหมด ได้รับการสั่งสอนโดยยอดฝีมือระดับเหนือมนุษย์ และได้รับความเคารพยกยอจากศิษย์ในนิกาย

ในสายตาของศิษย์นิกายสวรรค์ พฤติกรรม ‘ยอมตายดีกว่ายอมจำนน’ ของหลี่เมี่ยวเจินถือเป็นการทรยศต่อนิกายสวรรค์และเป็นความเห็นแก่ตัวอันน่ารังเกียจ

“ประหาร!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง