บทที่ 808 ออกจากนิกายสวรรค์
สวี่ชีอันไม่ได้สนใจคำถามขององค์เทพ ลงมาจากฟากฟ้าและลอยล่องมายืนอยู่ข้างกายหลี่เมี่ยวเจิน
เขาตรวจสอบสภาพของจอมยุทธหญิงนกนางแอ่นเหินก่อน บาดแผลบนร่างกายไม่ถือว่าสาหัส แม้แต่ลัทธิเต๋าที่ร่างกายอ่อนแอก็เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อยที่ฟื้นฟูได้หลังจากรักษาตัวสิบวันไม่เกินครึ่งเดือน
สิ่งที่แย่จริงๆ ก็คือสภาพจิตเดิมของหลี่เมี่ยวเจิน หากจะให้เปรียบเทียบ คนธรรมดาไม่ได้ห้ามเลือดหลังจากถูกแทง ชีวิตก็จะสูญเสียไปพร้อมกับเลือดมหาศาล
จิตเดิมของหลี่เมี่ยวเจินก็เช่นกัน อ่อนแอเหมือนเทียนกลางสายลมราวกับจะดับได้ทุกเมื่อ
นี่เพียงสองแส้ หากเจ้าถูกฟาดห้าแส้ติดต่อกัน ต่อให้เทพเซียนมาก็ช่วยเจ้าไม่ได้…สวี่ชีอันพึมพำ ที่เขายังพูดแขวะได้ก็เพราะหลี่เมี่ยวเจินทำอันตรายไม่ได้
ฤทธิ์ยารุนแรงที่แฝงอยู่ภายในร่างของนางหล่อเลี้ยงจิตเดิมอันอ่อนแออยู่ คล้ายกับน้ำพุทะลักออกจากพื้นดินที่แห้งแล้งและแตกร้าว
“มองหาอะไร!”
หลี่เมี่ยวเจินไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นยืน ทว่าน้ำเสียงยังคงดุร้าย แล้วปรายตามองเขาด้วยสายตาเลื่อนลอย เบือนหน้าหนีพร้อมพึมพำ
“ช่างขายหน้าเหลือเกิน”
ชอบเอาชนะเกินไปแล้ว…สวี่ชีอันยิ้มก่อนจะหยอกล้อ
“ไม่ใช่ครั้งสองครั้งที่เจ้าขายหน้าต่อหน้าข้า เจ้าดูสิ อาซูหลัวยังหัวเราะเลย”
เขาหมายถึงเรื่องที่หมายเลขสอง หมายเลขสี่ และหมายเลขเจ็ดรวมตัวกันทำเรื่องน่าขายหน้า
อาซูหลัวไม่ได้หัวเราะ ทว่าหลี่เมี่ยวเจินยิ้มแสยะ อยากจะทุบคนสกุลสวี่ด้วยกำปั้นสักที ทว่านางอ่อนแอเกินไป รู้สึกอ่อนแอเหมือนจะตายได้ทุกเมื่อ
“เจ้าคิดจะจัดการอย่างไร”
ดวงตาสวยของหลี่เมี่ยวเจินจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
นางกลัวว่าสวี่ชีอันจะหัวร้อนเปิดฉากสังหารที่นิกายสวรรค์หรือสร้างหายนะครั้งใหญ่ นางไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้
สวี่ชีอันถอดเสื้อนอกและคลุมบนร่างนาง แล้วยืนขึ้นมุ่งไปยังวังเทพสวรรค์
“ยังจำสิ่งที่ข้าเคยพูดกับเจ้าที่เจี้ยนโจวได้หรือไม่”
เสียงของเขาดังมาจากไกลๆ
พูดอะไร หลี่เมี่ยวเจินเอนตัวลงบนแท่นสูง ฟ้าสีครามอยู่ด้านบน แสงบนฟ้าแยงตาเล็กน้อย นางคล้ายกับนึกบางอย่างออก แพขนตายาวสั่นไหวเบาๆ
หลี่เมี่ยวเจินพยายามลืมตาและหันคอมองร่างที่เข้าไปในวังเทพสวรรค์
คำพูดที่เขาเคยพูดที่เจี้ยนโจวในวันนั้นดังก้องอยู่ข้างหู
‘หากเจ้าหวาดกลัวคำติฉินนินทา หวาดกลัวความเห็นของลูกศิษย์และศิษย์ร่วมสำนัก เช่นนั้นข้าจะพาเจ้าไป’
คำหยอกล้อ!
กลายเป็นจริง!
…
ทุกคนในนิกายสวรรค์ ยังมีสามผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ ลั่วอวี้เหิง จินเหลียน และอาซูหลัว มองแผ่นหลังสวี่ชีอันเดินเข้าไปในวังเทพสวรรค์ รอบข้างเงียบสงัด ไม่มีผู้ใดเอื้อนเอ่ยวาจา
เหล่าผู้อาวุโสรวมถึงเทพธิดาปิงอี๋และนักบวชเต๋าเสวียนเฉิงรักษาท่าทางเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง ทว่าหัวใจของคนในสำนักทั่วไปกลับตื่นตัว
พวกเขาไม่ได้กำลังคิดว่า ‘ให้องค์เทพสั่งสอนคนไร้มารยาทพวกนี้จะดีที่สุด’ หรือ ‘กล้าแข็งข้อกับองค์เทพของข้าจะต้องชดใช้’ แต่เป็น ‘หากสู้กันขึ้นมาจะทำอย่างไร ’ ‘รีบหนีเร็ว นั่นเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่งเชียวนะ’
คนในนิกายสวรรค์รวมไปถึงผู้อาวุโสคาดไม่ถึงว่าสวี่ชีอันจะเปิดฉากทำสงครามเพื่อหลี่เมี่ยวเจินเช่นนี้ ผู้นำเต๋านิกายปฐพีจินเหลียนกล้าคุกคามถึงบ้านคนอื่น
เทพธิดาลงเขาทัศนาจรนานสามปี ขั้นสี่คนหนึ่งสร้างความสัมพันธ์ลึกซึ้งได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
แม้นิกายสวรรค์จะรู้ว่าเทพบุตรและเทพธิดาจะเกี่ยวข้องกับจินเหลียนจากนิกายปฐพีและเกี่ยวข้องกับฆ้องเงินสวี่ชีอัน แต่พวกเขายอมแทรกแซงเรื่องภายในของนิกายสวรรค์เพื่อหลี่เมี่ยวเจิน ผิดใจกับนิกายสวรรค์ก็เป็นอีกความคิดหนึ่ง
เมื่อก้าวเข้าสู่พระราชวังใหญ่อันโออ่า สวี่ชีอันกวาดสายตามองรอบด้านก็ปะทะสายตากับร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่แท่นบัวบนบัลลังก์สูง
องค์เทพบนแท่นบัวในสายของสวี่ชีอันคล้ายกับเป็นภาพสะท้อน ภาพสะท้อนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง
กระโดดออกนอกสังสารวัฏ ไม่อยู่ในธาตุทั้งห้า…ความคิดนี้เข้ามาในหัวของสวี่ชีอัน “ราวกับเจ้าหลอมรวมเข้ากับวิถีแห่งฟ้าแล้ว”
“ศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ช่วยให้ข้าคงความเป็นมนุษย์ได้”
เสียงอันยิ่งใหญ่ขององค์เทพกังวานอยู่ภายในพระราชวัง ราวกับมาจากทั่วสารทิศ ไม่พบที่มาของเสียง
เขาไม่ได้ถามเหตุผลที่สวี่ชีอันรู้ความลับของนิกายสวรรค์ ไม่รู้ว่าคาดการณ์ได้อยู่แล้ว หรือควบคุมความรู้สึกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โชคดีที่ความอยากรู้อยากเห็นก็เป็นหนึ่งในความรู้สึกของสิ่งมีชีวิต
“เหตุใดศึกระหว่างนิกายสวรรค์และมนุษย์ถึงช่วยให้เจ้าฟื้นคืนความเป็นมนุษย์ ยังช่วยให้ผู้นำเต๋าของนิกายมนุษย์ข้ามผ่านเคราะห์สวรรค์ได้อีก” สวี่ชีอันถามข้อสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจมานาน
“เหตุใดข้าต้องบอกเจ้า!”
องค์เทพถาม
เขาถามกลับโดยไม่ปะปนกับอารมณ์ส่วนตัว ไม่ใช่การโต้ตอบ แต่กำลังถามอยู่ฝ่ายเดียว
“มาเจรจากัน เจ้าก็จะถามคำถามหนึ่งจากข้าได้” สวี่ชีอันตอบ
“ยุติธรรมดี!”
องค์เทพก้มหน้าลงพร้อมเสียงดังกังวาน “พลังภายในระหว่างนิกายมนุษย์กับนิกายสวรรค์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เอื้อประโยชน์แก่กัน ศึกระหว่างนิกายสวรรค์กับมนุษย์ช่วยเหลือและชดเชยกันและกัน”
องค์เทพตอบคล้ายกับคำตอบที่เป็นขั้นตอน ไม่ได้อธิบายรายละเอียด พูดตอบตามตรง
พลังภายในของนิกายมนุษย์ไฟแห่งกรรมรุมเร้า เจ็ดอารมณ์หกปรารถนามลายรากฐานแห่งเต๋า พลังภายในของนิกายสวรรค์เป็นการตัดอารมณ์ความรู้สึกที่เหมาะสม สวรรค์และมนุษย์รวมเป็นหนึ่ง ที่แท้ก็เป็นเฉกเช่นนี้…สวี่ชีอันพลันนึกขึ้นได้
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ดีมากแล้ว อาจจะเป็นยาดีสำหรับไฟแห่งกรรมของนิกายมนุษย์ ทำให้องค์เทพฟื้นคืนความเป็นมนุษย์ส่วนหนึ่งได้ หนามยอกเอาหนามบ่ง ด้วยเหตุผลเดียวกัน การตัดอารมณ์ความรู้สึกของนิกายสวรรค์ก็ระงับไฟแห่งกรรมของนิกายมนุษย์ได้
“เสริมกันและกันด้วยวิธีสู้รบจนตัวตายงั้นหรือ” สวี่ชีอันถาม
“ช่วงชิงพลังวิญญาณต้นกำเนิดกันและกัน!” องค์เทพตอบ
สวี่ชีอันอยากจะถามว่าเหตุใดผู้นำเต๋าของนิกายมนุษย์และนิกายสวรรค์ในหลายรุ่นถึงไม่ใช้วิธีบำเพ็ญคู่เสริมกันและกัน เมื่อนึกย้อนดู ผู้นำเต๋าของนิกายมนุษย์รุ่นก่อนเป็นผู้ชาย
นิกายสวรรค์ในหลายรุ่นอาจไม่จำเป็นต้องเป็นเพศตรงข้ามกัน อาจจะเป็นชายกับชาย หรือหญิงกับหญิงก็ได้
นอกจากนี้ วิชาบำเพ็ญคู่ของลัทธิเต๋าสมัยโบราณไม่ได้สืบทอดมานานแล้ว ที่ลั่วอวี้เหิงตกลงบำเพ็ญคู่กับเขาในตอนแรก นอกจากเขาจะแบกรับโชคชะตา ยังเป็นเพราะควบคุมเคล็ดวิชานี้ด้วย
ท้ายที่สุดระหว่างที่เขาบำเพ็ญคู่กับลั่วอวี้เหิง แม้วรยุทธ์และพลังปราณของทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มขึ้น ทว่าสิ่งที่ดับไฟแห่งกรรมคือโชคชะตา เป็นกระบวนการที่จ่ายออกไปและไม่ได้ค่าตอบแทน การเอื้อประโยชน์กันและกันระหว่างมนุษย์กับสวรรค์อาจจะไม่เหมาะกับบำเพ็ญคู่
“ทั้งคู่จึงบาดเจ็บบ่อยครั้ง ไม่ก็ตายหนึ่งเจ็บหนึ่ง”
“ทั้งคู่บาดเจ็บมักจะเป็นเพราะฝีมือไล่เลี่ยกัน ต่างได้รับผลสำเร็จ นับว่าเป็นผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดี” องค์เทพตอบ
สวี่ชีอันพยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม
“เหตุใดนิกายปฐพีถึงไม่ต้องเข้าร่วม บุญกุศลของนิกายปฐพีไม่เป็นประโยชน์ต่อสองนิกายสวรรค์และมนุษย์หรือ”
“บุญกุศลจะทำให้ข้าสำเร็จเป็นเซียนได้โดยตรงและผสานเข้ากับวิถีแห่งฟ้า บุญกุศลจะทำให้นิกายมนุษย์พัวพันในเหตุต้นผลกรรม เสี่ยงที่จะตกสู่ทางมารและไร้ทางออก” องค์เทพตอบกลับอย่างไร้อารมณ์
นิกายปฐพีเป็นลูกชังแท้ๆ…สวี่ชีอันพูดแขวะในใจ แล้วหันไปพูด
“ตาเจ้าถามแล้ว”
“ข้าไม่มีคำถาม!” เสียงขององค์เทพยิ่งใหญ่และเยือกเย็น
เมื่อครู่เจ้าพูดว่า ‘ยุติธรรม’ แค่คิดว่ายุติธรรมจริงๆ ไม่ใช่ว่ามีอะไรอยากจะถามข้าหรือ สวี่ชีอันพ่นลมหายใจช้าๆ กำลังจะพูดบางอย่างก็ได้ยินองค์เทพพูดเสริม
“ติดไว้ก่อนก็ได้!”
ต้องทำสัญญาด้วยหรือไม่…สวี่ชีอันพยักหน้า
“ตกลง! ข้ายังมีอีกคำถามหนึ่ง เจ้าคิดเห็นอย่างไรกับปรมาจารย์เต๋า”
องค์เทพเงียบสักพัก ก่อนเสียงอันยิ่งใหญ่จะนึกขึ้นได้
“เขากำลังทดลองอะไร” สวี่ชีอันถือโอกาสถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง