บทที่ 810 ชายหนุ่มผู้โง่เขลา
“เงินมันเรื่องเล็ก!”
หลี่หลิงซู่เอานิ้วเคาะโต๊ะแล้วพูดว่า “เรื่องใหญ่คืองานแต่งของสวี่หนิงเยี่ยน ลองคิดดูสิว่าคู่บำเพ็ญเพียรของเขาคือใคร?”
“ท่านราชครู” หยางเชียนฮ่วนตอบโดยไม่ต้องคิด
ความจริงที่ว่า สวี่หนิงเยี่ยนกับลั่วอวี้เหิง กลายเป็นคู่บำเพ็ญเพียรกันนั้นไม่ใช่ความลับในหมู่ผู้นำระดับสูงของต้าฟ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะมีความสัมพันธ์ฉันคู่บำเพ็ญ เมื่อคราที่อวิ๋นโจวก่อกบฏ ท่านราชครูพร้อมกับศิษย์ลัทธิเต๋าคงออกจากเมืองหลวงไปแล้ว
อย่างไรเสีย ลัทธิเต๋ากับสำนักโหราจารย์ย่อมแตกต่างกัน สำนักโหราจารย์เป็นส่วนหนึ่งของราชสำนัก ในขณะที่ลัทธิเต๋ากับราชสำนักมีความสัมพันธ์แบบร่วมมือกัน
ใครจะยอมหลั่งเลือดเชือดคอให้เพื่อนร่วมงาน?
แน่นอนว่าท่านราชครูไม่เต็มใจ นางไม่ได้อยู่เพื่อต้าฟ่ง หากเพื่อสกุลสวี่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หยางเชียนฮ่วนไม่ชัดเจนเรื่องข่าวลือภายนอก แต่โหรที่รู้จักสำนักโหราจารย์ มักจะคร่ำครวญว่าสกุลสวี่นั้นโชคดีมาก นอกจากนั้นยังมีศิษย์น้องข้างๆ ที่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นทีไรหัวใจก็แทบสลายทุกที
หยางเชียนฮ่วนไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ว่าสตรีจะงดงามเพียงใด แต่นางก็เป็นโครงกระดูกสีแดงหุ้มเนื้อ มีอะไรให้น่าชื่นชม?
ในเรื่องนี้ ซ่งชิงกับหยางเชียนฮ่วนซึ่งหมกมุ่นอยู่กับเคล็ดวิชาเล่นแร่แปรธาตุเป็นชีวิตจิตใจ มีความคิดเห็นแบบเดียวกัน
“ลั่วอวี้เหิงเป็นผู้นำลัทธิเต๋า ทั้งยังเป็นเซียนครองพิภพขั้นหนึ่ง นางสามารถทนใช้สามีร่วมกับสตรีอื่นได้งั้นหรือ?” หลี่หลิงซู่พูดไปยิ้มไป
“นอกจากนี้ นอกจากลั่วอวี้เหิงแล้ว ยังมีอดีตเจ้าหญิงในอ๋องสยบแดนเหนือและโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งต้าฟ่งด้วย มู่หนานจือมีความสัมพันธ์กับสกุลสวี่ นอกจากนี้ แม้ข้าที่เป็นศิษย์พี่จะไม่เต็มใจ แต่ระหว่างเมี่ยวเจินกับสวี่หนิงเยี่ยน พวกเขาอาจมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน”
“พี่หยางคิดว่า งานแต่งของสวี่หนิงเยี่ยนจะเป็นเช่นไร?”
หยางเชียนฮ่วนตื่นเต้นมากเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แต่ก็ส่ายหัวทันที
“สวี่หนิงเยี่ยนไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เขาแต่งกับหลินอันแล้วยังไงล่ะ ถึงเขาจะมีฮูหยินสามคนเมียน้อยสี่คน ท่านราชครูก็อาจไม่สนใจ”
หลี่หลิงซู่ส่ายหัว
“ไม่ ไม่ ท่านไม่รู้จักลั่วอวี้เหิง จากประสบการณ์ที่ข้าอ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นท่านราชครูหรือเจ้าหญิง พวกนางล้วนหยิ่งผยองและไม่มีวันยอมประนีประนอม นอกจากนี้ ในบ้านคนรวยทั่วๆ ไป ย่อมมีประกายแสงดาบ เงากระบี่ การโต้เถียงและสงครามเย็นเสมอ นับประสาอะไรที่พวกเขาจะไม่มี”
เขาขยับถ้วยชา ส่งเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ ขยิบตาแล้วพูดว่า
“ยังมีพวกเราอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ? ข้าเชี่ยวชาญการใส่ไฟเป็นที่สุด ข้าจะทำให้สวี่หนิงเยี่ยนต้องอึดอัดและอับอายในวันแต่งอย่างแน่นอน”
งานแต่งส่วนใหญ่ย่อมไม่สามารถทำลายได้ ด้วยสถานะปัจจุบันของสวี่ชีอัน หากเขามุ่งมั่นจะแต่งกับหลินอัน แม้ท่านราชครูก็ไม่สามารถหยุดเขาได้ เทพบุตรไม่ได้ตั้งใจที่จะทำลายงานแต่ง สิ่งที่เขาต้องการคือ ให้สวี่หนิงเยี่ยนทำตัวโง่เง่า
หยางเชียนฮ่วนประหลาดใจและปรบมือเสียงดัง
“เป็นความคิดที่ดี!”
‘ฮึ่ม ข้าว่าแล้วเชียว หากเจ้าอยู่ในที่สว่าง ในไม่ช้าโทษทัณฑ์ก็จะตามมา’…จู่ๆ หยางเชียนฮ่วนก็ตั้งตารอวันก่อนงานแต่ง
…
ชายแดนตอนใต้
ในวังพระราชวังของจักรพรรดินีหมื่นปีศาจ เย่จีสวมกระโปรงผ้าคลุมสีดำหลายชั้น กระโปรงของนางโบกสะบัด ขณะก้าวข้ามธรณีประตูสูงเพื่อเข้าสู่โถงพระราชวังอันหรูหรา มีควันสีเขียวลอยล่องและเทียนสีแดงส่องสว่าง
บนบัลลังก์ที่พังทลาย สตรีผู้ดึงดูดใจไร้ผู้เปรียบนอนตะแคงข้างยกขางามดั่งหยกไขว้กัน ร่างหยกสูงส่งอวบอิ่มของนางเปล่งความเย้ายวนไปทุกที่ ข้อมือขาวผ่องราวหิมะประคองศีรษะของนางไว้ นางกำลังชื่นชมท่าทางการร่ายรำของเหล่านางจิ้งจอก
จิ้งจอกสาวแปดนางในแพรพรรณโปร่งบางบิดสะโพกโยกย้ายเอว ร่ายรำอย่างเร่าร้อนและกล้าหาญเยี่ยงเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ด้านข้างมีนางจิ้งจอกหลายตนกำลังตีกลองเอว เล่นพิณและเครื่องดนตรีหลากหลาย
“องค์หญิง”
เย่จีคำนับและเอ่ยวาจา
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางโบกมือแล้วพูดเบาๆ
“ออกไปให้หมด!”
นางจิ้งจอกในโถงพระราชวังทำความเคารพและออกไปจากห้องโถง
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางจ้องมองเย่จีที่กำลังเล่นหางจิ้งจอกอยู่ในมือ พลางพูดน้ำเสียงนุ่มนวลแผ่วเบาใจเย็น
“เรื่องที่ข้าบอกให้เจ้าตรวจสอบมีอะไรคืบหน้าหรือยัง?”
เย่จีตอบว่า
“ข้าพเจ้าได้พบผู้สืบเชื้อสายราชาแมงป่อง บริวารของข้าพเจ้าได้สอบถามจากพวกเขาได้ความว่า ในระหว่างสงครามพระพุทธเจ้าผจญมารนั้น ‘ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะ’ ผุดออกมาจากร่างปรมาจารย์เสินซู”
“หลังจากเรียกความทรงจำของราชาแมงป่องคืนกลับมาแล้วได้ความว่า ในเวลานั้นเจ้าอาณาจักรกับราชาปีศาจยังไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนนับไม่ถ้วน หลังจากนั้น แม้ว่าเสินซูจะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งสำนักพุทธอย่างหนักหน่วงและสังหารศัตรูไปนับไม่ถ้วน แต่ก็ยากจะฟื้นตัวจากความเสื่อมถอย”
“เนื่องจากราชาแมงป่องอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย เขาจึงเพียงได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาก็หลบหนีไปยังที่ราบลุ่มภาคกลางพร้อมกับคนในชนเผ่าของเขา หลังจากนั้นก็ไม่เผยตัวอีกเลย”
“แต่ละวันอาการบาดเจ็บที่เกิดจากร่างธรรมพระมหาไวโรจนะได้กัดกินพลังชีวิตของเขาไปเรื่อยๆ หลังจากนั้นหกสิบปี ราชาปีศาจผู้มีพลังในระดับเหนือมนุษย์ก็ล่มสลาย”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางพึมพำบอกตัวเอง
“ร่างธรรมพระมหาไวโรจนะมาจากร่างกายของเสินซู มาจากร่างกายของเสินซู…”
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า
“อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันอภิเษกสมรสของสวี่ชีอันกับองค์หญิงแห่งต้าฟ่ง เจ้าควรนำของขวัญไปร่วมแสดงความยินดีในนามของอาณาจักรหมื่นปีศาจ หลังจากนั้นก็จงอยู่เคียงข้างเขา”
พอพูดจบ นางปีศาจผมขาวพลันแย้มยิ้มและพูดว่า
“ตอนนี้เขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง เอ่อล้นไปด้วยพลังปราณโลหิต เป็นหม้อกลั่นขั้นสูงสุดเพียงใบเดียวในโลก เจ้าโชคดีมากที่ได้บำเพ็ญคู่กับเขา ในไม่ช้าเจ้าจะได้เลื่อนอันดับเป็นเหนือมนุษย์ขั้นหนึ่ง”
“ข้าให้เวลาเจ้าแค่สามเดือนเท่านั้น หลังผ่านไปสามเดือน ข้าอยากเห็นตบะของเจ้าดีขึ้น มิเช่นนั้น ข้าจะส่งชิงจี เสว่จีและหางอื่นๆ ไป ต้องมีสักคนที่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเหนือมนุษย์ได้”
เย่จียิ้มอย่างมีเลศนัย “เจ้าค่ะ!”
ความจริงแล้วนางไม่อยากร่วมสนุกเท่าใดนัก ยิ่งการต่อสู้หลังบ้านของชายผู้นี้เข้มข้นเท่าไหร่ เขาย่อมชอบเลี้ยงนกคีรีบูนนอกบ้านมากขึ้นเท่านั้น
บางทีอาจไม่ใช่เรื่องดีที่จะเบียดเสียดเข้าไปอยู่ในจวนสกุลสวี่ ทั้งที่มีเพียงหัวเดียวกระเทียมลีบ
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางถอนหายใจและพูดว่า
“น่าเสียดายที่ข้าไปทะเลคราวที่แล้วไม่เจอเครือญาติเผ่าพันธุ์เดียวกันเลย ไม่เช่นนั้น ถ้าข้าสืบทอดจิตวิญญาณเมื่อใดก็คงได้เลื่อนอันดับเป็นขั้นอ๋องแล้ว ท่านแม่บอกว่า ข้าน่าจะเจอตัวตนของจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางโพ้นทะเล สงสัยจริงๆ ว่าเหตุใดถึงหาไม่เจอ?”
จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางสามารถ ‘สืบทอด’ จิตวิญญาณได้ ซึ่งหมายความว่าสามารถถูกเผ่าเดียวกันยึดครองได้
นางบอกสวี่ชีอันว่า จุดประสงค์ของการมองหาเผ่าพันธุ์เดียวกันคือการสืบทอดเผ่าพันธุ์และนั่นเป็นเพียงการหลอกเขา
ในเวลานั้นยังไม่รู้จักกันดี จึงไม่จำเป็นต้องบอกความลับของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางให้เขารู้
…
จวนสกุลสวี่
สนามหญ้าห่างไกลในสถานพยาบาล สวี่หยวนไหวเปลือยกายท่อนบน ถือหอกขนาดใหญ่ไว้ในมือขวา เขาอยู่ในท่านี้มาครึ่งชั่วยามแล้ว หยาดเหงื่อไหลไปตามกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและได้สัดส่วนของเขา
สนามอีกด้านหนึ่งของ จีไป๋ฉิงปลูกดอกไม้ในสวนด้วยท่าทีผ่อนคลาย
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงแล้ว ต้องลงมือปลูกดอกไม้ตอนนี้ และอีกไม่กี่เดือน สวนก็จะเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน
สวี่หยวนซวงมาพร้อมกับชามซุปโสม วางไว้บนโต๊ะหินแล้วพูดว่า
“อย่าฝืนตัวเองเลย ระดับขั้นสี่เป็นเกณฑ์สำหรับจอมยุทธ์ อัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนล้วนติดอยู่ที่ความยากลำบากขั้นนี้”
สวี่หยวนไหวไม่ได้ใส่ใจนาง
สวี่หยวนซวงส่ายหัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง