บทที่ 818 ความตายทางสังคม (1)
จัดดอกไม้รึ?
คำตอบนี้คืออะไรและหมายความว่าอย่างไร?
ไม่มีใครเข้าใจ รวมถึงมู่หนานจือที่เป็น ‘ดอกไม้’ เองด้วย
ภายในห้องวิวาห์ก็พอมีคนเฉลียวฉลาดสติปัญญาดีอย่าง ฮว๋ายชิ่ง ลั่วอวี้เหิง ฉู่หยวนเจิ่น อาซูหลัว สวี่เอ้อร์หลาง หวางซือมู่ อยู่บ้าง แต่ ‘การรู้ความหมายแฝงในทันที’ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับระดับเชาวน์ปัญญา ทว่าเกี่ยวข้องกับระดับมลทิน
คนที่ไม่ได้มีมลทินมากนักต่างจ้องมองหยางเชียนฮ่วน
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าของคนที่เพิ่งเป็นที่สนใจ เขาพูดด้วยเสียงแผ่วเบาทั้งๆ ที่แสบร้อนดวงตาพานน้ำตาจะไหล
“การอุปมาอุปไมยไม่นับเป็นคำตอบที่ถูกต้อง”
สิ่งที่เขาพูดหมายความว่า สวี่ชีอันไม่ได้โกหก แต่เขาไม่สามารถใช้การอุปมาอุปไมยเพื่อหนีจากปัญหาเรื่องนี้ได้
เมื่อได้ยินคำอธิบายของหยางเชียนฮ่วน ทุกคนก็เลิกสนใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า ‘จัดดอกไม้’ แล้วจู่ๆ หลี่หลิงซู่ก็เริ่มร้องตะโกน
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องหยุดอยู่ที่นี่ซะแล้ว พี่หยาง เรามานอนบนเตียงวิวาห์นี้กันเถอะ แล้วปล่อยให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวปูพื้นนอนไป”
เหมียวโหย่วฟางปะปนอยู่ในกลุ่มคน ย่อตัวลงแล้วบ่นพึมพำอยู่ในคอ
“ข้าเกรงว่าเราคงไม่จำเป็นต้องปูที่นอนด้วยซ้ำ จะปูที่นอนยังไงถ้าคนมากมายขนาดนี้ ที่จริงควรปล่อยให้พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันในห้องเจ้าสาว”
เขาไม่อาจปล่อยให้ฆ้องเงินสวี่ถูกแทงข้างหลังได้
เหมียวโหย่วฟางพูดในใจว่า ‘ฆ้องเงินสวี่อย่าได้ตำหนิเหล่าศิษย์ที่ไม่มีสำนึกเยี่ยงปุถุชน เหตุผลหลักคือการละเล่นครั้งนี้มันน่าดึงดูดใจเกินไป’
ดูเหมือนว่าหลินอันจะโกรธ ในฐานะองค์หญิงลำดับสอง นางไม่เคยถูกรังแกหรือต้องมีเรื่องลำบากใจเช่นนี้? แต่นางไม่อาจโมโหโกรธา นางจึงมักมองสวี่ชีอันอยู่บ่อยครั้ง
มู่หนานจือก็มีท่าทีเคร่งเครียด นางจับชายเสื้อตัวเองไว้แน่น
ถ้าสวี่หนิงเยี่ยนเป็นหัวขโมยที่ทรยศนางเพื่อจะมีเจ้าสาวอย่างหลินอัน วันนี้นางคงจะตายไปพร้อมกับไอ้สารเลวสองคนนี้แล้ว
แม้ว่านางอยากจะแอบยุ่งเรื่องงานวิวาห์และทำให้ทั้งสองคนนี้ต้องยุ่งยาก เพราะไม่อยากให้งานวิวาห์ราบรื่น แต่นางก็ไม่เคยคิดจะเอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยว
ลั่วอวี้เหิงกับฮว๋ายชิ่งยิ้มเยาะมุมปากเกือบจะพร้อมกัน ในขณะที่หลี่เมี่ยวเจินตื่นเต้นมากจนเกือบผิวปากออกมา
หลายคนก็ย่อมหลากท่าที
พวกเจ้าคิดจะทำให้ข้าลำบากแบบนี้ใช่หรือไม่? สวี่ชีอันพูด “ฮ่า” ในใจและตอบเสียงเบา
“ข้าคว้าจิตวิญญาณของต้นไม้อมตะส่วนหนึ่งมาได้”
ลั่วอวี้เหิงกับฮว๋ายชิ่งพูดพร้อมกัน
“ต้นไม้อมตะคืออะไร?”
“อย่างไหนล่ะ แบบไหนล่ะ?”
สวี่ชีอันเหลือบมองพวกเขาแล้วร้องฮ่าฮ่า
“ต้องรอจนกว่าเจ้าจะได้รับข้อความให้ถามได้ก่อน”
‘นั่นคือมู่หนานจือ ต้นไม้อมตะคือมู่หนานจือ เขาได้เลื่อนอันดับเป็นขั้นสองหลังจากนอนกับมู่หนานจือ ไอ้สุนัขหัวขโมยจอมเจ้าเล่ห์’…หลี่หลิงซู่กู่ร้องอยู่ในใจ หวังว่าเขาจะบอกแทนสวี่ชีอันได้
ในฐานะสมาชิกพรรคฟ้าดิน เขาได้รู้ความลับจำพวกนี้ที่เหล่าสมาชิกแบ่งปันให้กัน
ข้างหน้าต่าง หยางเชียนฮ่วนรู้สึกผิดหวังและพูดออกมาช้าๆ
“ไม่มีการโกหก”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังให้ทุกคน เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาในผ้าคลุม จากนั้นเขาก็บีบตรงกลางหว่างคิ้วและขยี้ตา
แม้ว่าสวี่ชีอันจะกลั้นกลิ่นอายของเขาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว เขาก็ยังสร้างภาระทางสายตาให้กับหยางเชียนฮ่วนขั้นสี่มากโข
หากสวี่ชีอันปลดปล่อยตัวเองหมดสิ้น หยางเชียนฮ่วนคงตาบอดและกลายเป็นบ้าทันที
รอบที่สองเริ่มแล้ว
คราวนี้เป็นสวี่หลิงเยวี่ยที่จับข้อความ ‘ถาม’ ได้
หลิงเยวี่ยรึ…ตอนนี้สวี่ชีอันเริ่มโล่งใจ แต่ก็กลัวนิดหน่อย เขาโล่งใจเพราะสวี่หลิงเยวี่ยเป็นเด็กหญิงที่ใส่ใจพี่ชายของตัวเองและจะไม่ทำอะไรทำให้เขาลำบากใจมากเกินไป
ที่กลัวเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นปริศนาดำมืดเมื่อผ่าออกมา ไม่มีทางรู้เลยว่านางจะทำอะไร
“โอ้ ข้าเอง!”
ใบหน้าสง่างามประณีตบรรจงของสวี่หลิงเยวี่ยแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย
สวี่ชีอันรีบถามทันที
“น้องสาว เจ้าอยากถามพี่ใหญ่ว่าอะไร?”
หลี่หลิงซู่รีบพูดแทรกว่า
“หลิงเยวี่ยโกวเนี้ยรีบถามพี่ใหญ่ของเจ้าทีว่า ระหว่างท่านราชครูกับหลินอันเขาชอบใครมากกว่ากัน?”
หลังจากพูดจบเขาก็ชักชวนด้วยการเผยรอยยิ้มที่สดใส อ่อนโยนและเป็นกันเองให้
นี่คือกระบวนท่าสังหารของหลี่หลิงซู่ เช่นเดียวกับที่บุรุษชมชอบเห็นรอยยิ้มไร้เดียงสาและสวยงามของสตรี สตรีก็ชอบเห็นรอยยิ้มสะอาดตาและสดใสอ่อนโยนจากบุรุษเช่นกัน
เทพบุตรหลี่หลิงซู่ใช้กระบวนท่านี้เอาชนะใจสตรีมามากมายหลายคนแล้ว
เขาคิดว่าเมื่อใช้กระบวนท่านี้ หลิงเยวี่ยโกวเนี้ยจะใจเต้นแรง อย่างแย่ที่สุด นางก็คงประทับใจ ดังนั้น เขาจึงถามคำถามที่คิดว่าสวี่หนิงเยี่ยนจะตอบยากตามความคิดของเขา
แน่นอนว่า สวี่หลิงเยวี่ยค้อมศีรษะมาทางเทพบุตร จากนั้นก็ขมวดคิ้วและสงสัยว่า
“นักบวชเต๋าหลี่หลิงซู่ ทำให้พี่ใหญ่ของข้าอับอายเช่นนี้มันมากเกินไปแล้วนะ”
“อ่า?” รอยยิ้มของหลี่หลิงซู่เปลี่ยนเป็นกระดากใจทันที
ทุกคนหันไปมองเขาพร้อมกัน
สวี่หลิงเยวี่ยส่ายหัว
“ข้าจะไม่ถามพี่ใหญ่ ข้าจะถามพี่สะใภ้หลินอัน”
‘ผู้หญิงคนนี้คงรักพี่ใหญ่ของนางจริงๆ’…ความคิดนี้แวบขึ้นมาในใจทุกคน
เมื่อเทียบกับเมื่อครู่ หลินอันไม่เพียงไม่รู้สึกต่อต้านในใจ แต่นางยังมีความประทับใจในตัว ‘น้องสาว’ อีกด้วย นางลงนั่งข้างเตียงอย่างสงบเสงี่ยมและยิ้มแย้มพูดจา
“ถามต่อเลย”
ในตอนนี้ สวี่หลิงอินเกือบจะกินเมล็ดบัวกับถั่วลิสงที่นางโปรยลงเกลื่อนเตียงเองแล้ว นางมองดูเตียงที่เลอะเทอะด้วยมือตัวเอง ครุ่นคิดและยื่นถั่วลิสงให้พี่สะใภ้ในอนาคตของนาง
ด้วยสินบนก้อนโตขนาดนี้ พี่สะใภ้ในอนาคตย่อมไม่อาจดุด่านางได้
หลินอันทาชาด ปากเล็กๆ ของนางแดงแชด นางจึงกินไม่ได้ ได้แต่โบกไม้โบกมือปฏิเสธอาหารจากน้องสาว
สวี่หลิงเยวี่ยพูดเบาๆ
“พี่สะใภ้หลินอัน ท่านเป็นองค์หญิงเปรียบเหมือนดอกไม้ที่มีกิ่งก้านเป็นทองมีใบเป็นหยก แม้ว่าสองสามปีนี้ข้าจะไม่ได้อ่านไม่ได้เขียน แต่ข้าก็รู้ว่าราชบุตรเขยไม่สามารถรับนางสนมได้ เมื่อสักครู่นักบวชเต๋าหลี่เมี่ยวเจินพูดอยู่ข้างนอกว่า ซูซูโกวเนี้ยที่อยู่ข้างๆ นางมีความสัมพันธ์กับพี่ใหญ่ของข้าแล้ว พี่ใหญ่ตกลงว่าจะรับนางเป็นนางสนมไปชั่วชีวิต”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง