ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 845

บทที่ 845 ออกทะเล

……….

“เกิดอะไรขึ้น!”

หลินอันเพิ่งเข้านอนได้ไม่นาน เมื่อถูกการเคลื่อนไหวของเขาปลุกให้ตื่นจึงพลิกตัวด้วยความไม่พอใจ ก่อนบิดเอวและเอ่ยด้วยน้ำเสียงงัวเงียเจือความไร้เดียงสา

นางโน้มตัวเบาๆ ไปกอดเอวกำยำบึกบึนของสวี่ชีอัน

“ข้าจะออกไปหน่อย เจ้านอนก่อนเถอะ”

สวี่ชีอันจับแขนขาวราวหิมะทั้งสองข้างออก

“จะไปไหน!”

หลินอันพลันได้สติ นางลุกขึ้นนั่ง ดวงตาสีดอกท้อจ้องเขาเขม็งด้วยความดุดัน

ร่างกายของนางขาวผ่องละเอียดอ่อนราวหยกงามไร้ที่ติ รอยจุมพิตเปื้อนใหญ่หลงเหลืออยู่บนเนินอก

เอวอรชรอ่อนพลิ้วก็มีรอยจุมพิตอยู่สองสามแห่ง

“เมื่อครู่ฝันร้าย ข้าสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการปิดผนึกของปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ ต้องไปดูเสียหน่อย”

สวี่ชีอันหยิกแก้มอวบอิ่มเย้ายวนของนาง

หลังจากแต่งงาน ในเวลาปกติหลินอันจะไม่ก้าวก่ายเขา แต่ตกกลางคืนเขาจะต้องมานอนกับนาง มิอาจงดเว้น

ไม่ให้โอกาสสวี่ชีอันไปค้างอ้างแรมที่อื่น

เมื่อได้ยินว่าเป็นเรื่องงาน นางจึงไม่ถามอีกและได้แต่ขมวดคิ้ว

หลังจากปลอบใจหลินอันสองสามคำแล้ว สวี่ชีอันจึงลงจากเตียง สวมเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงสลายตัวเป็นเงา ก่อนหายไปในห้อง

ค่ำคืนมืดมิด จันทร์เต็มดวงลอยบนท้องฟ้า ส่องแสงจันทราขาวบริสุทธิ์ ดวงดาราบางตา

นอกเมืองจิ้งซาน คลื่นสีเงินพัดครั่นครืนอยู่ผิวทะเล ลมทะเลพัดพาเสียงคลื่นมา ‘ครืน ครืน’

ในวังอันเก่าแก่และใหญ่โต ซ่าหลุนอากู่ลืมตาขึ้นแล้วนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนก้าวออกมาและตรงไปยังแท่นบวงสรวง มาถึงข้างรูปปั้นซึ่งมีมงกุฎหนามเหนือศีรษะ

ที่อีกด้านหนึ่งของแท่นบวงสรวง ด้านข้างรูปปั้นนักปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ มีชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งยืนอยู่

“เทพพ่อมดหลุดพ้นจากการปิดผนึกไปอีกก้าวหนึ่งแล้วจริงเสียด้วย”

ชายหนุ่มจ้องมองรูปปั้นนักปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีรอยแตกร้าวไปถึงตำแหน่งท้องน้อย

“คิดว่าเทพกู่ก็คงไม่ต่างกันมากกระมัง” เขาเอ่ยต่อ

ซ่าหลุนอากู่ยิ้มพลางว่า

“เจ้ามาที่นี่กลางดึกเพราะคำเตือนของพยากรณ์โชคชะตาหรือ”

ในน้ำเสียงไร้ซึ่งความยินดียินร้าย มีเพียงความเฉยเมย

ขณะที่เทพพ่อมดเข้าสู่อีกขั้นของการฟื้นคืนชีพ สำนักพ่อมดก็มีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ

และมองทุกสิ่งด้วยความไม่แยแส

สวี่ชีอันไม่ได้ตอบเขา สายตาเบนออกจากรูปปั้นนักปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์แล้วมองไปทางเทพพ่อมด

เทพพ่อมดยืนอย่างสงบอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรี มิได้มีปฏิกิริยาใดต่อการมาถึงของจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง

“ไม่เห็นใครในสายตาจริงๆ”

สวี่ชีอันรำพัน

ซ่าหลุนอากู่เอ่ยช้าๆ ว่า

“เจ้าหมดเวลาแล้ว อย่างช้าที่สุดปลายปีนี้ เทพพ่อมดก็จะทำลายผนึกและกลับมายังโลก เทพกู่ก็เช่นกัน และพระพุทธเจ้าก็จะอยู่เบื้องหน้าพวกท่าน

“สวี่ชีอัน ต้าฟ่งไม่มีระดับสุดยอดนั่งรักษาการณ์ ที่ราบลุ่มภาคกลางรวบรวมโชคชะตายอดเยี่ยมที่สุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ และสุดท้ายก็จะถูกแบ่งแยกโดยบรรดาระดับสุดยอด เจ้าต้านทานไม่ไหวหรอก แม้เจ้าจะเข้าครึ่งก้าวสู่เทพยุทธ์แล้ว ทั้งยังร่วมมือกับเสินซู แต่จะต้านทานระดับสุดยอดทั้งสามได้อย่างไร

“มิหนำซ้ำยังมี ‘ฮวง’ จากโพ้นทะเลจับจ้องตาเป็นมัน ผู้พิทักษ์ประตูก็ยังอยู่ในมือมัน”

ครู่หนึ่ง เขาจึงเยาะหยันตัวเองพลางว่า

“ข้านึกว่าเจ้าจะพยายามดึงข้าเข้าพวกเสียอีก”

ซ่าหลุนอากู่ส่ายหัวเบาๆ

“ข้าไม่ดึงคนที่ต้องตายเข้าพวกหรอก เจ้าได้ควบรวมชะตาบ้านเมืองครึ่งหนึ่งของต้าฟ่งเป็น ‘อาหาร’ ให้บรรดาระดับสุดยอดแย่งชิง บางที เจ้าอาจพินาศไปก่อนต้าฟ่งก้าวหนึ่งก็เป็นได้”

น้ำเสียงของเขาสงบราบเรียบ ราวกับกำลังระบุข้อเท็จจริง

ลมพัดมาระลอกหนึ่ง และก่อตัวเป็นรูปร่างของน่าหลันเทียนลู่ เจ้าแห่งวัสสานผู้นี้มองสวี่ชีอันด้วยความเวทนา

‘เงาร่าง’ ปรมาจารย์แห่งปราชญ์วิญญาณสองท่านปรากฏขึ้นในระยะไกล พลางมองสวี่ชีอันด้วยความยั่วเย้าบ้างก็เหน็บแนม

สวี่ชีอันกวาดสายตาผ่านซ่าหลุนอากู่ น่าหลันเทียนลู่ รวมทั้งปรมาจารย์แห่งปราชญ์วิญญาณทั้งสอง จากนั้นจึงมองไปทางรูปปั้นเทพพ่อมด

“ถุย!”

เขาถ่มน้ำลายด้วยความขบถแล้วสาวเท้ายาวจากไป

“ถ้ากล้าก็มา ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่ราบลุ่มภาคกลาง!”

สวี่ชีอันลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วพุ่งไปในท้องฟ้าท่ามกลางเสียงระเบิดดังเสียดหู

ซินเจียงตอนใต้

ในจี๋เยวียน เสียง ‘สะเทือนเลื่อนลั่น’ ดังก้องท้องฟ้ายามค่ำคืน สวี่ชีอันพุ่งจากที่สูงเข้าสู่เหวลึกจี๋เยวียนอย่างดุเดือด ราวกับเครื่องบินรบเหนือความเร็วเสียง

เขาพกพลังงานจลน์ที่สามารถถล่มภูเขาหนึ่งลูกไปด้วย หลังจากปล่อยกระแสลมขนาดใหญ่และพุ่งเข้าสู่เหวลึกจี๋เยวียนแล้ว จึงหยุดชะงักโดยฝ่าฝืนกับหลักกลศาสตร์ขณะอยู่ห่างจากรูปปั้นนักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ถึงสามจั้ง

ความเฉื่อยและพลังงานจลน์ทั้งหมดจบลงในพริบตา กระแสลมสงบนิ่ง

ขณะที่สวี่ชีอันลงสู่พื้น เขาก็มองสำรวจรูปปั้นนักปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์ทันที และพบว่ารอยร้าวได้ลามไปยังส่วนท้องของปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์แล้วตามคาด

“สถานการณ์ไม่สู้ดี สภาพความเสียหายของรูปปั้นในจี๋เยวียนคล้ายคลึงกับที่อยู่ในเมืองจิ้งซาน นี่หมายความว่าความแข็งแกร่งของเทพพ่อมดและเทพอูไม่แตกต่างกันนักสินะ…”

เขาวิเคราะห์เบาะแสบางอย่างของระดับสุดยอดออกมาอย่างมองโลกในแง่บวก

“อย่างมากที่สุด ปลายปีนี้ระดับสุดยอดก็จะทำลายผนึกได้แล้ว”

สวี่ชีอันจับจ้องรูปปั้นนักปราชญ์ขงจื๊อศักดิ์สิทธิ์โดยไม่เอ่ยคำใดอยู่นาน

ที่ราบลุ่มภาคกลางไม่มีระดับสุดยอดนั่งรักษาการณ์ ท่านโหราจารย์ที่สงสัยว่าเป็นผู้พิทักษ์ประตูก็ถูกปิดผนึกไว้อีก ไม่รู้ว่ามีแผนอะไร ทั้งยังติดต่อไม่ได้ด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง