บทที่ 859 ความฝันอันงดงาม
……….
‘ไอ้สิบแปดมงกุฎ’…จิ้งจอกเก้าหางกลอกตา แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลดระดับความสูงลงมา นางป้องกันการจู่โจมจากสวี่ชีอันไปพลาง ถามไปพลางว่า “เจ้าเหยียบอะไร?”
สวี่ชีอันไม่ได้ตอบกลับ เขากระโจนเข้าไปในหินหนืด คลำอยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงวัตถุบางอย่างออกมาจากด้านล่างของหินหนืด
นางปีศาจผมขาวเยื้องกรายลงมาลอยอยู่บนหินหนืด ชะโงกหน้ามองกระดูกสีแดงเพลิงชิ้นหนึ่งในมือของสวี่ชีอัน มันมีขนาดใหญ่เท่ากับอ่างทองแดง พื้นผิวของมันแกะสลักลายเปลวเพลิงที่ดูไม่เป็นระเบียบ
“นี่ดูเหมือนจะเป็นกระดูกสันหลังของสัตว์ใหญ่บางชนิด พูดให้ถูกก็คือกระดูกสันหลังของหนึ่งในนั้น”
สวี่ชีอันก้มศีรษะลงไปตรวจสอบกระดูกที่มีขนาดใหญ่เท่ากับอ่างทองแดงและกล่าววิเคราะห์ว่า “เจ้าของมันน่าจะมีรูปร่างสูงกว่าห้าจั้ง แต่เตี้ยในหมู่เทพปีศาจ เจ้าว่านี่เป็นสถานที่ที่เทพปีศาจตนนี้ตายหรือไม่?”
เมื่อวิเคราะห์จากประสบการณ์ของเขา กระดูกสันหลังชิ้นนี้น่าจะเป็นศูนย์กลางที่เก็บจิตวิญญาณโดยกำเนิดของเทพปีศาจตนนี้
กระดูกอยู่ที่นี่ เช่นนั้นบริเวณที่ถูกปกคลุมไปด้วยหินหนืดก็น่าจะเป็นสถานที่ที่เทพปีศาจตนนี้ล่มสลาย
“เกาะแห่งนี้เป็นหนึ่งในสนามรบโบราณของเทพปีศาจ เช่นนั้นสถานที่นี้ย่อมเป็นสถานที่ที่มันล่มสลาย เป็นไปได้หรือไม่ว่าหลังจากการสิ้นขององค์เทพ จะมีเทพปีศาจใจดีฝังมันไว้ใต้ดิน?”
จิ้งจอกเก้าหางรู้สึกว่าสิ่งที่เขาถามล้วนไร้สาระ
“แต่ข้าคิดไม่ตกมาโดยตลอด เหตุใดหลังจากที่เทพปีศาจสิ้นแล้วถึงได้มีการเปลี่ยนแปลงเกินจริงเช่นนี้ กลายสภาพเป็นหมู่เกาะและเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นทะเลเพลิง…ถ้าจะพูดว่าพลังการต่อสู้ของพวกมันไม่ด้อยไปกว่าระดับสุดยอด ข้าไม่เชื่อ”
พวกมันไม่ได้ดีไปกว่าข้าเสียด้วยซ้ำไป แต่หากข้าล่มสลาย อย่างมากที่สุดก็เป็นร่างกายที่มิอาจทำลายได้
สวี่ชีอันมองนางโดยหวังว่าจะได้รับคำตอบ
นางปีศาจผมขาวช้อนดวงตาคู่สวยขึ้นมามอง พลางครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะแล้วกล่าวว่า “ไม่มีใครตอบคำถามของเจ้าได้ เทพปีศาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่พิเศษ เจ้าคงแค่คิดว่าพวกมันเกิดมาพร้อมกับความสามารถกระมัง”
รอจนสวี่ชีอันพยักหน้า นางก็กล่าวว่า “เจ้าเก็บกระดูกไว้ มันเป็นวัสดุยอดเยี่ยมที่หาได้ยากยิ่ง ส่งมันไปให้โหร ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลั่นอาวุธวิเศษที่ไม่มีใครเทียบได้ออกมาได้”
ดังนั้นสวี่ชีอันจึงเก็บไว้ด้วยความยินดีอย่างมาก
ผ่านพื้นที่ที่อบอวลไปด้วยเปลวเพลิงเหล่านี้ พวกเขามีประสบการณ์กับสถานที่ล่มสลายของเทพปีศาจหลายแห่ง มีสถานที่ที่เต็มไปด้วยทุ่นระเบิดซึ่งเทียบได้กับภัยพิบัติจากสวรรค์ หนองน้ำที่มีมนุษย์หินเดินเตร่ พื้นที่ซึ่งน้ำไหลออกอย่างรวดเร็วหลังจากที่เข้าไป เมื่อทั้งสองออกมาก็เกือบจะกลายเป็นมัมมี่
โชคดีที่สถานการณ์เหล่านี้ล้วนเป็นวิกฤตการณ์ที่สามารถจัดการได้ ซึ่งไม่เป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงถึงชีวิตต่อทั้งสองคน
ซากโบราณสถานของเทพปีศาจนี้ครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ สวี่ชีอันประเมินว่าพวกเขาทั้งสองเดินทางมาอย่างน้อยหนึ่งร้อยลี้แล้ว แต่ยังคงสำรวจเกาะเทพปีศาจนี้อยู่
หลังจากพวกเขาบุกเข้าไปยังพื้นที่ที่เหลือไว้หลังจากการสิ้นของเทพปีศาจ เบื้องหน้าก็ปรากฏเพียงความรกร้างว่างเปล่าอันมืดมิด ไม่มีพืชพรรณ เปล่าเปลี่ยวและเงียบสงบ
จิ้งจอกเก้าหางและสวี่ชีอันมองหน้ากัน สถานที่ที่ไม่มีความผิดปกติเช่นนี้ มักจะเป็นที่ที่อันตรายที่สุด
เนื่องจากมองไม่เห็นความผิดปกติ เจ้ายิ่งไม่สามารถป้องกันและตกเป็นเป้าหมายได้
“ดูเหมือนจะมีรอยเท้าอยู่ตรงนั้น”
ดวงตาคมกริบของจิ้งจอกเก้าหางจ้องไปทางทิศตะวันตกและพูดเสียงเบา
ทั้งสองบินต้านสายลมแล้วมองลงมาจากที่สูง นั่นคือรอยเท้าจริงๆ รอยเท้าของแกะ เมื่อวิเคราะห์จากขนาดของรอยเท้า เจ้าของรอยเท้าน่าจะมีรูปร่างสูงกว่ากำแพงเมืองเสียอีก
“มีแค่รอยเดียวรึ?”
สวี่ชีอันขมวดคิ้วและต้องการที่จะเพิ่มระดับความสูง แต่มีหมอกที่กำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ อยู่ที่เหนือศีรษะแล้ว
เขาและจิ้งจอกเก้าหางกลับมาที่พื้นดินทันที สวี่ชีอันกล่าวว่า “ตามกฎเดิม ข้าจะไปค้นหาเส้นทาง!”
ฮวงสามารถผ่านสถานที่นี้ไปได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล ไม่มีเหตุผลที่เขาทำไม่ได้
ในแง่ของความสามารถในการป้องกันทางกายภาพและการฟื้นฟู สวี่ชีอันคิดว่าตนเองไม่ได้ด้อยไปกว่าเทพปีศาจระดับสุดยอดในอดีตตนนั้น
“ระวังหน่อย” จิ้งจอกเก้าหางส่งสัญญาณเตือน นางเชื่อใจสวี่ชีอันมาก
สวี่ชีอันเดินไปทางพื้นที่ราบอันรกร้างและมืดมิด หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว…ในระหว่างกระบวนการนี้ นางปีศาจผมขาวจ้องมองเขาไม่วางตา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สี่ก้าว ห้าก้าว…ในขณะที่สวี่ชีอันก้าวเท้าก้าวที่หก จู่ๆ เขาก็หายตัวไป หายไปอย่างแปลกประหลาด
“สวี่หนิงเยี่ยน!?”
จิ้งจอกเก้าหางเปิดจิตคำนึงศักดิ์สิทธิ์ทันทีเพื่อสำรวจสถานการณ์โดยรอบพร้อมกับตะโกนชื่อของสวี่ชีอัน
เสียงของนางดังก้องเข้าไปในสถานที่อันรกร้างโดยไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมา
‘รอยเท้าของฮวงก็มีเพียงรอยเดียว มันหายไปโดยไม่มีเหตุผลเหมือนกันรึ?’ นางปีศาจผมขาวครุ่นคิดครู่หนึ่ง เมื่อเกิดการคาดเดาในใจแล้ว นางก็ตัดสินใจบินอย่างรีบเร่งไปทางสถานที่อันรกร้าง
ในขณะที่นางบินออกไปในระยะทางสั้นๆ ฉากเบื้องหน้าก็พร่ามัว ทิวทัศน์เปลี่ยนไป จากนั้นก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระทบเข้าที่หน้าอกของตนเอง
คำพูดของสวี่ชีอันดังทุ้มอยู่ที่ข้างหู “อะไรบังตาข้า?”
นางปีศาจผมขาวกระตุกริมฝีปากและก้มศีรษะลง พอดีกับที่เห็นสวี่ชีอันเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าอกของนาง ทั้งสองประสานสายตากัน สวี่ชีอันอุทานว่า “เกรงใจเกินไปแล้ว เกรงใจเกินไปแล้ว!”
จิ้งจอกเกาหางสะบัดเขาออกด้วยใบหน้านิ่งเฉย ไม่ให้โอกาสเขาแต๊ะอั๋งอีกต่อไป ในขณะที่มองไปรอบๆ นางก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “พื้นที่ว่างเปล่า?”
สวี่ชีอันยังคงจมอยู่กับเสน่ห์ของกลิ่นโฟมล้างหน้า หลังจากล่าช้าไปครู่หนึ่งเขาก็พยักหน้ากล่าวว่า “ข้าก็คิดเช่นนั้น สิ่งที่ควบคุมเทพปีศาจที่ล่มสลายลงที่นี่น่าจะเป็นพลังที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ว่างเปล่า พื้นที่ชุลมุนวุ่นวายกระจายไปทั่ว ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเจ้าของคอยควบคุม สิ่งมีชีวิตที่ผลีผลามเข้ามาสถานที่แห่งนี้ก็จะถูกส่งตัวไปอย่างไม่เป็นระเบียบ”
จิ้งจอกเก้าหางกล่าวพึมพำว่า “เช่นนั้นจะฝ่าฟันสถานที่แห่งนี้ไปได้อย่างไร?”
สวี่ชีอันยักไหล่แล้วกล่าวว่า “เดินทีละก้าว ว่ากันไปทีละก้าว พื้นที่ว่างเปล่าเป็นวรยุทธ์ที่ลึกซึ้งมาก เท่าที่ข้ารู้จนถึงตอนนี้ มีเพียงการส่งตัวของโหรและเขตอาคมล่องหนของพระโพธิสัตว์หลิวหลีเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับขอบเขตความว่างเปล่า”
จิ้งจอกเก้าหางกล่าวว่า “ระวังตัวด้วย พื้นที่ที่จิตวิญญาณของเทพปีศาจยังหลงเหลืออยู่เต็มไปด้วยภัยอันตราย ย่อมไม่สามารถส่งตัวแบบสุ่มได้อย่างง่ายดาย ต่อให้เป็นเช่นนี้ แต่ก็อย่าลืมว่า ฮวงอาจจะยังอยู่ในพื้นที่แห่งนี้”
สวี่ชีอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากเป็นเช่นนี้ ลางสังหรณ์ของข้าจะคัดค้านข้าเอง”
เหตุผลที่เมื่อครู่ถูกจิ้งจอกเก้าหางใช้โฟมล้างหน้าฉาบใบหน้า เป็นเพราะลางสังหรณ์ขั้นวิกฤติไม่มีการตอบสนองใดๆ ความจริงพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า มันไม่มีภัยอันตรายจริงๆ ไม่เพียงแต่ไม่มีอันตราย แต่ยังสดชื่นขึ้นเล็กน้อยด้วย
ในขณะที่เขากล่าวก็เดินไปด้านหน้าด้วย จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอุทานของจิ้งจอกเก้าหางดังมาจากด้านหลัง
หันกลับไปมองก็ต้องตกตะลึงอย่างมากเมื่อเห็นร่างกายท่อนล่างของนางปีศาจผมขาวหายไปแล้ว ตั้งแต่เอวลงมาถูกตัดออกเป็นสองท่อน ร่างส่วนบนยังอยู่ที่เดิม ร่างส่วนล่างไม่รู้ว่าหายไปไหน
นี่…สวี่ชีอันขมวดคิ้วแน่น
“พื้นที่ว่างเปล่าแตกกระจัดกระจายรึ?”
จิ้งจอกเก้าหางก้มลงไปมองร่างกายส่วนล่างที่หายไปและกล่าวเสียงทุ้มว่า “ไม่เพียงแต่แตกกระจัดกระจาย แต่ยังเปลี่ยนแปลงและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา”
หากเปรียบเทียบพื้นที่ปกติกับกระจกที่มั่นคง เช่นนั้นพื้นที่ตรงนี้ก็เป็นกระจกที่ประกอบด้วยเศษชิ้นส่วน ที่แต่ละชิ้นเคลื่อนที่ไปอย่างต่อเนื่อง
สิ่งมีชีวิตที่เข้ามาที่นี่ เมื่อร่างอยู่ในชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่ง ก็จะเคลื่อนที่ไปตามการเคลื่อนไหวของชิ้นส่วนต่างๆ ราวกับกำลังเคลื่อนย้ายมวลสาร
แต่เมื่อร่างไม่ได้อยู่ในชิ้นส่วนเดียวกัน เมื่อพวกมันเคลื่อนไหวก็จะตกอยู่ในสภาพเดียวกับจิ้งจอกเก้าหาง
ร่างกายจะถูกตัดกระจายออกเป็นชิ้นๆ
สวี่ชีอันครุ่นคิดพักหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “เจ้ารู้สึกได้หรือไม่ว่าส่วนของร่างกายที่ถูกแยกออกไปอยู่ที่ใด?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง