‘ให้ผู้อื่นออกไป…’ หนานกงเชี่ยนโหรวที่ได้ยินประโยคนี้ก็คิ้วกระตุก สายตาที่มองสวี่ชีอันเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร
เขาเป็นฆ้องทองคำ แต่กลับถูกฆ้องทองแดงตัวเล็กๆ บอกให้ออกไป
สีหน้าของเว่ยเยวียนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “พวกเจ้าออกไปก่อน หยางเยี่ยน พวกเจ้าคอยควบคุมดูแลกันและกัน ห้ามแอบฟัง”
หนานกงเชี่ยนโหรวจ้องมองสวี่ชีอันอย่างล้ำลึก
ฆ้องทองแดงตัวเล็กจ้อยผู้นี้เพิ่งจะเข้ามาในหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลได้ไม่กี่วันก็ถูกพ่อบุญธรรมเรียกพบบ่อยๆ และเพื่อที่จะพูดคุยกับเขา พ่อบุญธรรมยังบอกให้ตนกับหยางเยี่ยนออกไปอีก
นี่ทำให้หนานกงเชี่ยนโหรวอารมณ์เสียมาก
‘เห็นอยู่ชัดๆ ว่าข้ามาก่อน’
ฆ้องทองคำทั้งสองคนออกจากหอเฮ่าชี่แล้ว หนานกงชิงโหรวผู้มีใบหน้าไม่ด้อยไปกว่าสวี่เอ้อร์หลางก็เอ่ยพลางยิ้มเย็น “ฆ้องทองคำผู้องอาจกลับถูกฆ้องทองแดงใต้บังคับบัญชาข้ามหัวเอาเสียได้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตาเลย”
หยางเยี่ยนเงียบไม่เอ่ยปาก
หนานกงเชี่ยนโหรวกล่าวอย่างไม่พอใจ “ข้ากำลังยุแยงเจ้าอยู่ เจ้ากลับไว้หน้ามัน”
ใบหน้าราวกับประติมากรรมของหยางเยี่ยนยังคงไร้อารมณ์ความรู้สึก เขาเอ่ยราบเรียบ “คุณสมบัติเขาเป็นอย่างไรเจ้ารู้ดี เว่ยกงอยากจะเลี้ยงดูเขา เจ้าก็รู้ดี”
“แต่เขาไม่เห็นเจ้าอยู่ในสายตา นี่คือเรื่องจริง”
“เจ้าคิดว่าข้าใส่ใจหรือ” หยางเยี่ยนถามกลับ
หนานกงเชี่ยนโหรวกลอกตาหยาดเยิ้มน่าหลงใหล เขากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ใช่ๆๆ ที่สุดแล้วเขาก็เป็นทหารใต้บัญชาของเจ้า พันธะตรงนี้ยังมีอยู่”
หยางเยี่ยนพยักหน้า
หนานกงเชี่ยนโหรวหันกายเดินจากไป แย้มยิ้มเย็น “น่าเบื่อ ไปเล่นสนุกกับเหล่าของเล่นของข้าดีกว่า”
ทิศที่เขาเดินไปก็คือคุกใต้ดิน
…
บนหอเฮ่าชี่ ชั้นเจ็ด ห้องน้ำชา
สวี่ชีอันกล่าว “ข้าน้อยมีสถานการณ์ของคดีผิงหย่วนป๋อมารายงานขอรับ”
เว่ยเยวียนเอ่ยเสียงขรึม “พรรคฟ้าดินหรือ”
เขาสืบเก่งมาก ถ้าหากสวี่ชีอันแค่มีเบาะแสของคดีผิงหย่วนป๋ออย่างเดียว เขาก็สามารถรายงานต่อฆ้องเงินหรือแม้แต่ฆ้องทองคำที่เขาสังกัดอยู่ได้ ไม่ใช่ตรงมารายงานเขาเช่นนี้
นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพรรคฟ้าดิน ทั้งสองจึงเข้าใจตรงกันโดยปริยาย
สวี่ชีอันกล่าว “ผู้ที่สังหารผิงหย่วนป๋อคือหมายเลขหกของพรรคฟ้าดินขอรับ”
เว่ยเยวียนเงียบงันไปพักหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “เหตุผลล่ะ”
“ศิษย์น้องคนหนึ่งของหมายเลขหกถูกองค์กรนายหน้าลักพาตัวไป ไม่รู้เป็นตาย เขาไล่ตามเบาะแส แกะรอยสืบดู จึงรู้ว่าเป็นผิงหย่วนป๋อขอรับ…” สวี่ชีอันบอกเรื่องที่ว่าตนช่วยหมายเลขหกหลบหนีแล้วเลี่ยงการตรวจสอบจากสำนักโหราจารย์ออกมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ปกปิดแค่เรื่องวงในที่ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่มอบตำรามาให้ เปลี่ยนเป็นญาติผู้น้องสวี่ซินเหนียนมอบให้เป็นของขวัญแทน
‘ปัง!’
เว่ยเยวียนปัดแขนเสื้อกวาดถ้วยชาจนหล่น เศษกระเบื้องเคลือบกระจัดกระจายเต็มพื้น สีหน้าของเขาไม่ได้อ่อนโยนอีกแล้ว ดวงตาคมกริบราวกับใบมีด
“สวี่ชีอัน ปล่อยคนร้ายไปโดยพลการ มีความผิดสถานเดียว” เว่ยเยวียนตะโกน
พลังกดดันรุนแรงพุ่งมาจากข้างหน้า สวี่ชีอันถึงกับเห็นภาพลวงตาว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับพายุอยู่
“ข้าน้อยยอมรับผิดขอรับ!” สวี่ชีอันยอมรับผิดในที่นั้น แล้วกล่าวเสียงดัง “ข้าน้อยรู้ดีว่ามีความผิดมหันต์นัก ตื่นกลัวอยู่ทั้งวันทั้งคืน สุดท้ายก็หลีกหนีการประณามจากมโนธรรมไม่ได้ จึงเลือกมาสารภาพกับเว่ยกง จะฆ่าหรือจะเนรเทศ สุดแล้วแต่เว่ยกงขอรับ เพียงแต่มโนธรรมของผู้น้อยไม่ได้อยู่ที่เจ้าคนสารเลวผิงหย่วนป๋อผู้นั้น แต่เป็นความสำนึกละอายต่อความไว้วางใจและการฝึกฝนของเว่ยกงขอรับ…”
เว่ยเยวียนใบหน้าไร้อารมณ์ ราวกับฉาบด้วยน้ำค้างแข็งหนาวเย็น
“วันนี้ข้าน้อยได้พูดคุยกับสหายร่วมงาน จึงรู้ว่าเว่ยกงถูกฝ่าบาทตำหนิ ถูกขุนนางในราชสำนักจับจุดอ่อนได้และฉวยโอกาสโจมตี…” สวี่ชีอันเอ่ยด้วยน้ำใสใจจริง “ข้าน้อยจึงนึกถึงบุญคุณใหญ่หลวงที่เว่ยกงมีต่อข้าน้อย…”
สีหน้าของเว่ยเยวียนบูดบึ้งเล็กน้อย เขาขัดจังหวะเบาๆ “บุญคุณใหญ่หลวงก็กล่าวเกินไป พูดเหตุผลตามตรงมาเลยดีกว่า”
…ไม่สิ ลูกพี่ท่านทำไมไม่พูดจาตามรูปแบบการเล่นละครเล่า ท่านยังอยู่ในแวดวงขุนนางอยู่หรือเปล่า สีหน้าของสวี่ชีอันแข็งทื่อ
เขาหยุดนิ่งไป จัดระเบียบคำพูดใหม่อีกครั้ง “ผิงหย่วนป๋อแอบเลี้ยงดูองค์กรนายหน้า ลักลอบค้ามนุษย์ในเมืองหลวง ได้กำไรมหาศาล พวกนายหน้าลักพาตัวเด็กและสตรี ขายให้กับหอนางโลม ขายให้กับสถานที่ผิดกฎหมาย เลี้ยงดูให้กลายเป็นโจร ถึงขั้นตัดมือตัดเท้า ห่อด้วยหนังสุนัขดำ…”
เขาบรรยายคำบรรยายของหมายเลขหกซ้ำไปรอบหนึ่ง น้ำเสียงของเขาไม่ปิดบังความเกลียดชังที่มีต่อผิงหย่วนป๋อ
แววตาของเว่ยเยวียนอ่อนลงเล็กน้อยแล้วฟังอย่างอดทน ท่าทางครุ่นคิด
เมื่อสวี่ชีอันเอ่ยจบ เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “รินชา”
รายละเอียดจุดนี้แสดงให้เห็นว่าเว่ยเยวียน ‘ให้อภัย’ เขาแล้ว
สวี่ชีอันรินชาให้ทันที เหมือนกับการปรนนิบัติเอาใจหัวหน้าในสถานีตำรวจเมื่อชาติก่อน
เว่ยเยวียนจิบชา เงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้า “เจ้ารู้เรื่องพรรคฟ้าดินมากน้อยแค่ไหน รู้จักจินเหลียนนิกายปฐพีมากน้อยแค่ไหน จากการตรวจสอบของหน่วยงานราชการ ผิงหย่วนป๋อเลี้ยงองค์กรนายหน้าเอาไว้จริงๆ แต่หมายเลขหกผู้นั้นทำไปเพื่อศิษย์น้องที่ว่าจริงๆ โดยไม่มีจุดประสงค์อื่นเลยหรือ บางทีผิงหย่วนป๋ออาจยังเกี่ยวข้องกับเรื่องอื่นๆ อีก บางทีองค์กรนายหน้าอาจเคยทำเรื่องบางอย่าง ดังนั้นถึงได้เรียกหายนะจนถึงตาย เรื่องพวกนี้เจ้าเคยคิดหรือไม่”
“ในช่วงตรวจสอบข้าราชสำนัก พวกคนเลวจะอาละวาดในศึกการเมือง อีกสี่วันก็จะเป็นวันที่ฝ่าบาทบวงสรวงบรรพบุรุษแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนไม่อาจประมาทได้”
เขากำลังสอนข้าให้จัดการเรื่องราวและวิเคราะห์ให้ข้าดู เขาคิดจะฝึกฝนข้าจริงๆ…สวี่ชีอันประทับใจเล็กน้อย มีความรู้สึกดีๆ ให้กับขันทีใหญ่ผู้นี้ขึ้นมาหลายส่วน
เขาเห็นข้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ข้ากลับอยากเรียกเขาว่าพ่อ ข้านี่มันน่ารังเกียจจริงๆ…
“เว่ยกงสั่งสอนถูกต้องแล้วขอรับ” สวี่ชีอันค้อมศีรษะ
เว่ยเยวียนส่งเสียง ‘อืม’ แล้วเอ่ยเห็นดีเห็นชอบ “ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ทำได้ดีมาก ลงไปก่อนเถิด เรื่องนี้ข้าจะส่งคนไปตรวจสอบเอง เจ้าแฝงตัวอยู่ในพรรคฟ้าดินต่อไป เป้าหมายในระยะสั้นคือการค้นหาตัวตนของหมายเลขหนึ่ง”
“ข้าน้อยจะทำสุดความสามารถขอรับ” สวี่ชีอันเอ่ยเสียงดัง
พอออกจากหอเฮ่าชี่ สวี่ชีอันก็ถอนหายใจ รู้ว่าครั้งนี้ตนเดิมพันถูกต้องแล้ว ทั้งยังได้ความไว้วางใจจากเว่ยเยวียนด้วย
คิดจะมีตำแหน่งมั่นคงก็ต้องปีนป่ายขึ้นไป จะต้องรู้จักยืนแถว รู้จักกอดต้นขาใหญ่ไว้
ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใดก็เป็นเช่นนี้ รวมไปถึงชาติก่อนของสวี่ชีอันด้วย
ในช่วงเวลาอีกยาวนานต่อจากนี้ เขาต้องรักษาความโปรดปรานของเว่ยเยวียนอย่างต่อเนื่อง และได้รับความไว้วางใจจากเขา
ครั้งนี้การพบปะอย่างตรงไปตรงมากับเว่ยเยวียนนั้น สวี่ชีอันมีแผนอยู่แล้ว เขาไม่ได้ทำไปด้วยความบ้าบิ่นมุทะลุ
อย่างแรก หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลรู้สึกขายหน้ากับเศษเดนของโลกอย่างผิงหย่วนป๋ออย่างยิ่ง ยามสืบคดีจึงไม่ค่อยกระตือรือร้น ไม่มีความคิดที่ว่าจะเร่ง ‘แก้แค้น’ ให้เลย
อย่างที่สอง เขามีอิทธิพลในพรรคฟ้าดินอยู่ระดับหนึ่ง หมายเลขสองและหมายเลขสี่ค่อนข้างยอมรับในตัวเขาแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง