ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 87

ฆ้องเงินที่วิ่งมาหาผู้นี้มีชื่อว่าเถาหม่าน ไม่ได้สนิทสนมกับหลี่อวี้ชุนมากนัก เพียงอยู่ในที่ว่าการเดียวกัน มักเจอหน้ากันบ่อยๆ นับว่าคุ้นเคยกันอยู่บ้าง

หลี่อวี้ชุนย่อมปฏิเสธ ‘ล้อเล่นอะไรกัน มาชิงเอาลูกชายสุดล้ำค่าของข้าไปเปล่าๆ เช่นนี้ ข้าจะเห็นด้วยหรือ’

แต่เถาหม่านราวกับไม่สนใจท่าทีของหลี่อวี้ชุน เขาพาคนเข้ามา บอกกล่าวคำหนึ่ง จากนั้นก็หันหน้าจะพาสวี่ชีอันไป

‘ปัง!’

หลี่อวี้ชุนโบกแขนเสื้อ ประตูใหญ่ของโถงชุนเฟิงก็ปิดลงเสียงดัง

“ใต้เท้าหลี่ นี่มันหมายความว่าอย่างไร” ฆ้องเงินเถาตกใจกับปฏิกิริยาของเขา

“ใต้เท้าเถานั่นแลหมายความว่าอย่างไร” หลี่อวี้ชุนลุกขึ้นสีหน้าไร้อารมณ์ ชี้ไปที่มุมกำแพงเป็นท่าทางให้สวี่ชีอันไปอยู่ตรงนั้น

เมื่อเจ้าน้องชายทำตามอย่างว่าง่าย เขาก็หันไปมองฆ้องเงินเถาแล้วกล่าวต่อ “เจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ใต้บัญชาฆ้องทองคำคนเดียวกัน ไม่มีกฎเช่นนี้”

หากอยู่ใต้บัญชาของฆ้องทองคำคนเดียวกัน การโยกย้ายพนักงานก็ไม่จำเป็นต้องไปแก้ไขเอกสารที่ห้องอักษร เพียงรายงานต่อหัวหน้าโดยตรงก็พอ

แต่หากอยู่ใต้บัญชาของฆ้องทองคำคนละคนกันแล้วเกิดการโยกย้ายพนักงานขึ้น จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนมากมาย

หัวหน้าของหลี่อวี้ชุนและเถาหม่านเป็นฆ้องทองคำคนละคนกัน ฆ้องทองแดงใต้บังคับบัญชาของพวกเขาก็ไม่อาจโยกย้ายได้ตามใจชอบ

“เป็นเช่นนี้” เถาหม่านตบหน้าผาก แล้วชี้ไปที่สวี่ชีอันซึ่งอยู่ในมุมห้อง “ใต้เท้าเจียงที่ให้ข้ามารับคน เขาถูกใจเด็กคนนี้ ฮึ ไม่รู้ว่าเขาเอาโชคดีมาจากไหน…เจ้ามัวยืนบื้ออะไรอยู่ได้ มานี่สิ ยังจะอยู่มุมกำแพงอีก ต่อไปเจ้าก็เป็นคนของข้าแล้ว ฆ้องทองคำเจียงถูกใจเจ้า นี่เป็นโชคดีของเจ้านะ”

ทำไมคำพูดนี้ฟังดูแปลกๆ ล่ะ…ใต้เท้าเจียงอยากจะใช้เกี้ยวแปดคนหาม[1]พาข้าข้ามประตูหรือ พูดไปข้าก็ไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ…สวี่ชีอันค่อนแขวะอยู่ในใจ แล้วหันไปใช้สายตาสอบถามหลี่อวี้ชุน

หลี่อวี้ชุนกล่าว “เช่นนั้นเจ้าไปบอกใต้เท้าเจียงว่าข้าไม่เห็นด้วย”

“อะไรนะ” เถาหม่านสงสัยว่าตนจะฟังผิดไป หลี่อวี้ชุนผู้นี้เขากล้าปฏิเสธใต้เท้าเจียงหรือ วันนี้เขาไปดื่มเหล้าปลอมมาสมองเลยไม่สั่งการหรืออย่างไร

“ข้าขี้เกียจจะพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้าแล้ว ใต้เท้าเจียงยังรออยู่ ตอนนี้ข้าจะพาคนไป ถ้าเจ้ามีความเห็นใดก็ไปหาใต้เท้าเจียงเอาเองเถิด”

“เจ้าคนแซ่เถา เจ้าลองแตะต้องคนของข้าสิ วันนี้ถ้าหากยอมให้เจ้าก้าวออกจากธรณีประตูไปก็ไม่ต้องเรียกข้าว่าหลี่อวี้ชุน”

“คนแซ่หลี่ วันนี้เจ้าถูกผีสิงแล้วจริงๆ รู้บ้างหรือไม่ว่าตัวเจ้ากำลังพูดสิ่งใด”

การวิวาทของฆ้องเงินสองคนทำให้ฆ้องทองแดงและพวกเจ้าพนักงานที่ห้องข้างตื่นตกใจ ซ่งถิงเฟิง จูกว่างเสี้ยว และพวกฆ้องทองแดงที่เถาหม่านพามาซึ่งนั่งกินถั่วคั่วอยู่ในลานต่างก็ได้ยินเสียงตะโกนด่าทอมาจากข้างใน

“นี่ สหายร่วมงานของพวกเจ้ามีที่มาอย่างไร” ฆ้องทองแดงคนหนึ่งใช้ดาบตีต้นขาของซ่งถิงเฟิง

ซ่งถิงเฟิงกล่าว “ก็ไม่มีที่มาอะไร”

“แล้วฆ้องทองคำเจียงจะระบุชื่อแซ่อยากได้ตัวเขาไปด้วยเหตุใด” พวกฆ้องทองแดงไม่เชื่อ คนเช่นนี้จะต้องมีพรสวรรค์ไม่ธรรมดาแน่นอน

ซ่งถิงเฟิงครุ่นคิด จากนั้นก็ให้คำอธิบายอันสมเหตุสมผลออกมา “เขานอนกับแม่นางคณิกาในสำนักสังคีตได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน”

ทุกคนไม่เชื่อจึงหันไปหาจูกว่างเสี้ยว คนหลังพยักหน้า

ตอนนี้จึงเชื่อแล้ว

“เหตุใดจึงไม่ต้องจ่ายเงิน” พวกฆ้องทองแดงตกอกตกใจ ขอคำแนะนำอย่างนอบน้อม ได้กินฟรีคือความสุขที่มีมาตั้งแต่โบราณไม่เคยเปลี่ยนแปลงของมนุษย์

“บอกไม่ได้ ข้ารับปากว่าจะเก็บเป็นความลับให้เขา” ซ่งถิงเฟิงส่ายหน้า นิ่งงันไปแล้วเอ่ยเสริม “เขาให้พวกเราหนึ่งตำลึงเงินเป็นค่าปิดปาก”

“หนึ่งตำลึงเงินใช่หรือไม่ เอาไปเลย”

ซ่งถิงเฟิงรับมาเก็บไว้ในอกเสื้อ แล้วส่ายหัวอีก “หนึ่งตำลึงเงินไม่พอหรอก ต้องเพิ่มเงิน”

เพิ่มให้อีกหนึ่งตำลึง

“บอกมาเถิด” เหล่าฆ้องทองแดงมองเขาอย่างคาดหวัง

“เป็นเพราะพวกข้าเลี้ยงเขาน่ะ” ซ่งถิงเฟิงหัวเราะลั่น

“อัดเขาซะ”

ซ่งถิงเฟิงถูกฆ้องทองแดงสองสามคนนั้นอัดทุบอยู่กับพื้นแล้วแย่งเงินกลับมา

เรื่องเกี่ยวกับหุ่นเชิดที่ชื่อหยางหลิงคนนี้ สวี่ชีอันได้เลี้ยงข้าวสหายร่วมงานทั้งสองคนที่ร้านกุ้ยเยว่ไปมื้อหนึ่งเป็นการปิดปากแล้ว

ความจริงในสายตาของซ่งถิงเฟิงและจูกว่างเสี้ยว การนอนกับฝูเซียงต่างหากถึงจะทำให้คนอิจฉาริษยา ส่วนการเป็นกวีอัจฉริยะเขียนบทกลอนขี้หมาจะไปมีค่าอะไร

ทหารหยาบกระด้างไม่สนใจหรอกว่าเจ้าเขียนกลอนได้ดีหรือไม่

เจียงลวี่จงนั่งอยู่ในโถง นำทะเบียนสำมะโนครัวและข้อมูลของสวี่ชีอันมา พออ่านดูถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็เป็นมือปราบตัวเล็กๆ ของอำเภอฉางเล่อที่ทำงานได้โดดเด่นในคดีเงินภาษีตอนนั้นนั่นเอง

“ข้าเป็นผู้รับผิดชอบคดีผิงหย่วนป๋อถูกสังหาร ถึงจะบอกว่าเว่ยกงเป็นผู้ต้านแรงกดดันจากราชสำนักทุกฝ่ายแทนข้า แต่ข้าก็ไม่อาจหย่อนยานเพราะเรื่องนี้ได้ เช่นนี้จะทำให้เว่ยกงสงสัยในความสามารถของข้า” เจียงลวี่จงงอนิ้วเคาะโต๊ะโดยไม่รู้ตัวแล้วครุ่นคิด

“คนผู้นี้เก่งกาจในการจับกุมและทำคดี เป็นบุคคลที่ข้าต้องการอยู่พอดี อีกทั้งยังติดต่อกับโหรของสำนักโหราจารย์ได้อย่างใกล้ชิด ข้าสามารถซื้ออาวุธเวทมนตร์กับสำนักโหราจารย์ผ่านทางเขาแล้วเอามาให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้ได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง