ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 88

ฆ้องทองคำทั้งสองคนขัดแย้งกันระหว่างทางที่พวกเขาไปลานฝึกยุทธ์ ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลอย่างรวดเร็ว

บรรดาฆ้องทองคำและฆ้องเงินเรียกพรรคพวกมามุงดู และแห่กันไปที่ลานฝึกยุทธ์ที่อยู่หลังที่ทำการ

“เคยได้ยินหรือไม่ ดูเหมือนว่าเกิดการต่อสู้กันเพราะฆ้องทองแดงคนหนึ่ง”

“เป็นไปได้อย่างไร ที่ฆ้องทองแดงธรรมดาๆ จะทำให้ฆ้องทองคำทั้งสองคนต่อสู้กัน”

“เจ้าอย่าพูดไป มันเป็นเรื่องจริง หลายคนเคยเห็นแล้ว เช้านี้ฆ้องเงินไปตามหาคนจากหลี่อวี้ชุน แต่เขาไม่ยอมปล่อยตัว จึงทะเลาะกันใหญ่โต” จากนั้นต่างคนต่างก็ไปหาฆ้องทองคำ

หน่วยลาดตระเวนยามวิกาลรวมตัวกัน คนที่ไม่รู้เหตุการณ์ก็สอบถามจากคนที่รู้ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากรู้ว่าเป็นเพราะฆ้องทองแดงต่างก็พากันประหลาดใจ

ฆ้องทองแดงเทียบเท่ากับตำรวจเล็กๆ ส่วนฆ้องทองคำมีสถานะสูงส่ง ทั้งสองแตกต่างกันมาก

เหตุผลนี้ช่างเหลือเชื่อจริงๆ คนอยากรู้อยากเห็นต่างสืบหาเหตุผลไปทั่ว แต่ไม่มีใครรู้เบื้องหลัง

ทำไมข้าจึงรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นนางนกต่อไปแล้ว…ความในใจของสวี่ชีอันไม่มีที่จะระบาย

เมื่อครู่ได้พบตัวของเจียงลวี่จง และสวี่ชีอันได้กลั่นกรองเหตุการณ์ส่วนใหญ่ที่ผ่านมาแล้ว

วันที่ผิงหย่วนป๋อถูกฆ่า ฆ้องทองคำท่านนี้ได้พบกับเขา คิดว่าคงเห็นเขากับโหรแห่งสำนักโหราจารย์สนิทสนมกันมาก จึงเกิดความรู้สึกเสียดายความสามารถ จึงต้องการรับเข้ามาอยู่ภายใต้บังคับบัญชา แต่หยางเยี่ยนไม่เห็นด้วย สาเหตุสำคัญเป็นเพราะคุณสมบัติเหนือเจี่ยของตัวเอง สภาพจิตใจเช่นนี้เป็นเหตุผลเดียวกับที่ทุกโรงเรียนต่างแย่งชิงนักเรียนหัวกะทิเมื่อชาติก่อนของเขา

หลี่อวี้ชุนเคยบอกเขาว่าเว่ยกงประเมินเขาเป็นระดับเหนือเจี่ยอย่างใจกว้าง

พ่อเว่ยเป็นคนใจกว้าง เป็นเพราะบทกวีบทนั้นของเขาแน่ๆ…นี่ถือเป็นการเพิ่มเติมความเข้าใจ…เขารับคุณสมบัตินี้ไม่น่าจะมีแรงกดดัน…สีหน้าดีใจดุจดาวยั่วของสวี่ชีอัน หวังเพียงทั้งสองคนจะรีบลงมืออย่างรวดเร็ว

การต่อสู้ของทหารระดับสูงนั้นพบได้น้อยมาก ส่วนท้ายที่สุดใครจะเป็นฝ่ายชนะเขาไม่ได้สนใจเท่าไหร่ แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายพี่ชุนและซ่งถิงเฟิง จูกว่างเสี้ยว แต่เขาก็เป็นเพียงฆ้องทองแดงธรรมดาๆ การโยกย้ายตำแหน่งเป็นสิทธิขององค์กร การคัดค้านของเขาไม่มีผล

ที่ชั้นลอยใกล้ลานฝึกยุทธ์ ฆ้องทองคำหลายคนกำลังเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ที่ริมหน้าต่าง

“เกิดอะไรขึ้นกับหยางเยี่ยนและเจียงลวี่จง”

“เจียงลวี่จงต้องการฆ้องทองแดงที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของหยางเยี่ยน แต่หยางเยี่ยนไม่เห็นด้วย จึงเกิดความขัดแย้งกันขึ้น”

“หยางเยี่ยนและเจียงลวี่จงไม่มีความขัดแย้งนี่หนา ไม่น่าจะหาข้ออ้างเพื่อชำระบัญชีแค้นเก่า หมายความว่า เจ้าฆ้องทองแดงนั่นมีปัญหาเหรอ”

“ดูเหมือนว่าจะชื่อสวี่ชีอัน”

“ชื่อคุ้นๆ…คนที่คลี่คลายคดีเงินภาษีเหรอ เพียงเท่านี้ยังไม่ถึงกับต้องต่อสู้กัน”

“ไม่รู้เหมือนกัน ลองไปมุงดูก่อน แล้วค่อยกลับไปถามเว่ยกง”

หลังจากที่ฆ้องทองคำทั้งสองคนเข้าสู่สังเวียนแล้ว พวกเขาก็ถอดเสื้อคลุมออก ทำตามที่พูด โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

สวี่ชีอันได้ยินเพียงเสียงดัง ‘ตูม’ เท่านั้น พื้นดินทรุดตัวลงหลายนิ้ว แล้วเจียงลวี่จงก็หายไปท่ามกลางสายตาผู้คน

ในเวลาต่อมา หยางเยี่ยนก็ยกข้อศอกขึ้นแล้วกระแทกไปทางด้านซ้ายที่ไม่มีคน

‘ปับ!’

ปะทะเข้ากับหมัดคู่หนึ่ง

‘ปับๆๆ…’ มือและเท้าของคนทั้งสองกลายเป็นภาพซ้อน เสียงร่างกายปะทะกันดังไม่ขาดสาย

มันเร็วเกินไปๆ…ตาเปล่าไม่สามารถจับได้เลย สวี่ชีอันถลึงตาโต พยายามสังเกตแต่การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือทั้งสองนั้นได้เกินขอบเขตสายตาของเขาไปแล้ว

หลังจากที่พวกเขาต่อสู้กันอย่างรวดเร็วสิบกว่ากระบวนท่า เสียงเพียะๆๆ จึงดังเข้าหูหลังจากนั้นหลายวินาที

หนึ่งวินาทีโจมตีสิบกว่าครั้ง หลายสิบครั้ง? สวี่ชีอันตกตะลึง

หากเปรียบดวงตาของมนุษย์เป็นกล้องวิดีโอ การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือทั้งสองคนนั้นได้เกินขีดจำกัดในการถ่ายภาพแล้ว

สวี่ชีอันที่มีคะแนนวิชาฟิสิกส์พอใช้ได้ สังเกตเห็นปัญหาในทันที

ทักษะการปลดปล่อยของทั้งสองไม่มีการโจมตีอีกครั้งเหรอ

การเคลื่อนไหวราบรื่นเกินไป…แต่พลังมีผลกระทบซึ่งกันและกัน ทำไมขณะที่พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างแรง จึงไม่ปรากฏแรงปฏิกิริยาใดๆ

ร่างกายไม่มีการหยุดนิ่งแม้แต่น้อย…เป็นเพราะว่าดวงตาของเราไม่สามารถจับได้ หรือเป็นเพราะความสามารถเฉพาะตัวของยอดฝีมือกันแน่

หากเป็นอย่างหลัง นั่นเป็นความสามารถเฉพาะตัวของยอดฝีมือระดับไหนกัน จะต้องเป็นระดับเจ็ดขึ้นไป เพราะระดับเจ็ดนั้นคือการฝึกฝนจิตใจ เป็นการหล่อหลอมจิตใจโดยเฉพาะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง