เจียงลวี่จงยังไม่ยอมแพ้ แต่ก็ไม่กล้าที่จะมุทะลุอีก
เว่ยเยวียนกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “สาเหตุที่เขาอยู่ใต้บังคับบัญชาของหยางเยี่ยน ไม่ใช่เพราะหยางเยี่ยน แต่เป็นเพราะหลี่อวี้ชุน”
‘หลี่อวี้ชุนเหรอ’
ฆ้องทองคำทั้งสามยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นไปอีก แม้หลี่อวี้ชุนเป็นเพียงแค่ฆ้องเงินเล็กๆ แต่ก็นับว่าเป็นผู้มีความสามารถ แต่คนผู้นี้เป็นคนทึ่ม ไม่รู้จักพลิกแพลง ยึดแต่หลักการเพียงอย่างเดียว
‘หรือว่าหลี่อวี้ชุนกับสวี่ชีอันจะมีความสัมพันธ์อะไรที่ลึกซึ้งต่อกัน’ เจียงลวี่จงเดาอยู่ในใจ
เว่ยเยวียนอธิบายอย่างใจเย็น “หลี่อวี้ชุนสามารถทดสอบอุปนิสัยและความประพฤติของสวี่ชีอัน และสวี่ชีอันก็ต้องการคนทึ่มๆ เป็นผู้นำ หากเป็นฆ้องเงินคนอื่น ย่อมต้องเกิดความขัดแย้งกับเขา”
หลี่อวี้ชุนเป็นคนเคร่งในหลักการสามารถนำมาโน้มนำตักเตือนสวี่ชีอันได้พอดี และด้วยนิสัยใจคอและความคิดที่สวี่ชีอันแสดงออกที่ด่านถามใจ เขาอยู่ใต้บังคับบัญชาของฆ้องเงินคนไหนก็คงเข้ากันไม่ได้
หรือกระทั่งอาจจะทำให้เกิดความหายนะได้
เมื่อเห็นทั้งสามคนแสดงสีหน้าครุ่นคิด เว่ยเยวียนก็พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ส่วนเจ้า ทำไมจึงหมายตาทองคำชิ้นนี้”
เจียงลวี่จงพูดโดยไม่ปิดบังว่า “คดีของผิงหย่วนป๋อค่อนข้างยุ่งยาก จากการคาดการณ์ตามเบาะแสในตอนนี้ เป็นไปได้มากว่าคนในยุทธภพเจตนาตั้งตัวเป็นปรปักษ์ แต่คนหลบหนีไปนานแล้ว คิดจะจับตัวไว้เป็นเรื่องยากมาก ดีที่สวี่ชีอันคนนี้เชี่ยวชาญในการวินิจฉัยคดี ข้าจึงต้องการย้ายคนผู้นี้มาอยู่ใต้บังคับบัญชาเพื่อทำงานให้ข้าขอรับ”
เหตุผลนี้สมเหตุสมผล เว่ยเยวียนและลูกชายของเขาพยักหน้า
เจียงลวี่จงพูดต่อว่า “แต่สิ่งที่ทำให้ข้าหมายตาจริงๆ คืออีกเรื่องหนึ่ง”
หยางเยี่ยนหันมามองทันที
“ในคืนที่ผิงหย่วนป๋อถูกฆ่า ข้าได้พานักพยากรณ์แห่งสำนักโหราจารย์ไป โหรสองสามคนสะกดรอยตามฆาตกร หลังจากพวกเขาเห็นสวี่ชีอันต่างก็ตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ต้องการจะไปคุยกับเขาให้ได้ ทันทีที่พบหน้ากัน ก็แสดงความเคารพอย่างนอบน้อม โหรของสำนักโหราจารย์เริ่มมีมารยาทต่อทหารคนหนึ่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
เจียงลวี่จงส่ายหน้า และพูดต่อว่า “เมื่อฆ้องเงินที่อยู่ใต้บังคับบัญชาถามจึงได้รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนผู้นี้กับนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์นั้นไม่ธรรมดาเลยทีเดียว”
“ความสัมพันธ์ระหว่างคนผู้นี้กับนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์นั้นไม่ธรรมดาเหรอ” หนานกงเชี่ยนโหรวผู้มีท่าทางอ่อนโยนดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นได้บางอย่าง จึงทำเสียง ‘เฮ้อ’
“ข้าจำได้ว่าในคดีเงินภาษี เขาเป็นคนใช้วิธีการเล่นแร่แปรธาตุในการทำเงินปลอมจนสามารถไขปริศนาได้ ใช้การเล่นแร่แปรธาตุเอาใจโหรแห่งสำนักโหราจารย์ นับว่าฉลาด เพียงแต่นักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์มักจะดูถูกทหารมาแต่ไหนแต่ไร แต่เจ้าหมอนี่กลับสามารถปรับตัวเข้ากับทุกสถานภาพได้”
หยางเยี่ยนขมวดคิ้ว
ตัวเขาเองเป็นทหารที่ไม่เคยเห็นอะไรอยู่ในสายตา มองบรรดานักบวชเหมือนมด และรู้สึกว่านี่คือความสง่างามที่ทหารจำเป็นต้องมี
การมองข้ามทุกสิ่งจึงสามารถที่จะไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
ถ้าสวี่ชีอันฝืนเอาใจนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งสำนักโหราจารย์ คอยประจบสอพลอ เช่นนั้นหยางเยี่ยนย่อมต้องลดคะแนนและความคิดเห็นที่มีต่อของเขาลง
“ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น” เจียงลวี่จงถอนหายใจ และปฏิเสธว่า “นักพยากรณ์เหล่านั้นมีท่าทีนอบน้อมต่อเขาอย่างมาก อยากจะเอาใจเขาใจจะขาดถึงจะถูก กระทั่งพูดว่าแม้แต่ซ่งชิงแห่งสำนักโหราจารย์ก็ยังยกย่องสวี่ชีอันว่าเป็นอาจารย์”
“เหลวไหลทั้งเพ!” หนานกงเชี่ยนโหรวไม่เชื่อ
‘ซ่งชิงเป็นศิษย์ที่ท่านโหราจารย์ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ด้วยตัวเอง พูดคำพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร วางท่านโหราจารย์ไว้ในตำแหน่งใดกัน’
หยางเยี่ยนไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็ไม่เชื่อเช่นกัน
เว่ยเยวียนทำท่าคล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
…
สวี่ชีอันลาดตระเวนเสร็จแล้วก็กลับไปที่ทำการของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล เขียนรายงานตามปกติแล้วก็จากไป
วันนี้หยุดพักอาบน้ำ ไม่ได้กลับบ้าน เขาไปที่สำนักสังคีตแทน
วันนี้หออิ่งเหมยไม่ได้จัดงานเลี้ยงน้ำชา บรรดานักดื่มฟังเพลงและดูการร่ายรำ ระหว่างนั้นฝูเซียงปรากฏตัวครั้งหนึ่ง บรรดานักดื่มต่างรู้สึกพึงพอใจ
การตรวจสอบข้าราชสำนักนั้นเป็นสิ่งดี ขุนนางชั้นสูงตัวจริงไม่มีใครมาสำนักสังคีตกันแล้ว…สวี่ชีอันได้รับเชิญให้ไปดื่มชาตามปกติ
ในห้องนอนที่มีการก่อกองไฟ ฝูเซียงที่สวมชุดกระโปรงสวยงามก้มหน้าประคองกู่ฉิน กิริยาอ่อนช้อยงดงาม บุคลิกหน้าตาราวบุตรสาวของผู้ดีมีสกุล
วันนี้ดูท่าทางสำรวมมาก ไม่ได้เปิดเนินอกปรนนิบัติข้าอาบน้ำ…สวี่ชีอันนั่งอยู่ในถังอาบน้ำ กำลังเพลิดเพลินกับการปรนนิบัติของสาวใช้
สวี่ชีอันมองสาวงามผ่านฉากกั้น
นางเงยหน้าขึ้นพอดี ยิ้มหวาน พริบตานั้นก็เกิดความรู้สึกหลงรักขึ้นในทันที
เสน่ห์ที่จับต้องไม่ได้นี้ทำให้สวี่ต้าหลางรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด
แค่เพียงพริบตาเดียว ความรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกก็อันตรธานไป สวี่ชีอันยังคิดว่าตัวเองตาฝาดเพราะมองผ่านฉากกั้น
วันรุ่งขึ้น เมื่อสวี่ชีอันตื่นขึ้นมา มองดูน้ำที่หยดลงตรงข้างเตียงก็พบว่าเป็นเวลาเฉินสองเค่อ เขานอนตื่นสายอย่างที่ไม่ค่อยเกิดขึ้น
ฝูเซียงนอนในท่าทางดูเกียจคร้าน ผ้าไหมสีเขียวปิดคลุมใบหน้างาม นางเหมือนดอกโบตั๋นที่อวบอิ่มที่ถูกพายุฝนทำลายเมื่อคืนนี้
เช้านี้จึงดูซึมเซาเล็กน้อยและต้องการนอนชดเชยเพื่อฟื้นฟูจิตใจ
หลังจากสาวใช้ปรนนิบัติจนอาบน้ำเสร็จ กินข้าวเช้าแล้ว สาวใช้ข้างกายของฝูเซียง พูดขึ้นอย่างเขินอายว่า “คุณชายร่างกายแข็งแรง แต่นายหญิงถึงอย่างไรก็เป็นหญิงสาวที่บอบบาง หวังว่าคุณชายจะเห็นใจนาง”
ไม่รอให้สวี่ชีอันตอบ นางก็หน้าแดง พูดด้วยความขวยเขินว่า “ผิงเอ๋อยินดีที่จะแบ่งปันความเหนื่อยล้าของนายหญิง”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง