สรุปตอน บทที่ 90 คุณชายสวี่เปิดห้องสอน – จากเรื่อง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดย Internet
ตอน บทที่ 90 คุณชายสวี่เปิดห้องสอน ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
สวี่ชีอันกลับบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดเครื่องแบบและอาบน้ำ ขณะที่เขาเพิ่งสวมชุดลำลองเสร็จก็เห็นเหล่าจางคนเฝ้าบ้านผลักประตูเดินเข้ามา
“ต้าหลาง มีแขกมาเยือน นายท่านให้มาตามท่านขอรับ” เหล่าจางผู้ไว้เคราแพะพูดเสียงดัง
“ข้ารู้แล้ว ปิดประตูให้เรียบร้อยแล้วเข้ามา” สวี่ชีอันตอบ
เหล่าจางชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็แสดงสีหน้าระแวง
‘จะไปบ้านใหญ่มิใช่หรือ ตัวไม่ไป แล้วยังให้ปิดประตู แล้วยังให้เราเข้าไปในบ้านอีก’
เจ้าคิดจะทำอะไร
เหล่าจางไม่ได้สนใจเขา และถอยออกไปอย่างเงียบๆ
ครั้งก่อนเด็กรับใช้ถูกเรียกเข้าไปในห้องอาบน้ำ เหตุการณ์ที่เด็กรับใช้หมดสติไปโดยไม่รู้สาเหตุครั้งนั้น เหล่าจางยังคงจำได้ดี
สวี่ชีอันเดินออกมาจากห้อง สวี่ชีอันออกมาจากห้องก็ไม่เห็นเหล่าจางแล้ว
เขาคิดจะแบกเหล่าจางข้ามกำแพงไป เขาจะได้ไม่ต้องเดินอ้อมกลับไปอีก
เขากระโดดข้ามกำแพงสูงและเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า อารองสั่งให้คนมาตามเขา แสดงว่าแขกที่มาที่จวนจะต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน
เมื่อเขามาถึงห้องโถงด้านหน้า สายตาของเขาก็เห็นกระโปรงสีเหลือง คนคนนั้นคือฉู่ไฉ่เวยซึ่งไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน
กระโปรงสีเหลืองอ่อน ผมกระเซิง
ผูกกระเป๋าหนังกวางไว้ที่เอว สะพายเข็มทิศฮวงจุ้ย ดวงตากลมโตเป็นประกาย
“มาบ้านข้าทำไมรึ…” สวี่ชีอันกล่าวด้วยความประหลาดใจ
ฉู่ไฉ่เวยนั่งอยู่ที่ตำแหน่งเจ้าบ้าน โดยมีอารองนั่งอยู่ข้างๆ นางกำลังกินขนมอบเลิศรสจากร้านกุ้ยเยว่ห่อใหญ่ จิบชาและกินขนมอย่างช้าๆ แล้วพูดว่า
“ถ้าเจ้ายังไม่ไปที่สำนักโหราจารย์อีก ครั้งหน้าคนที่มาจะเป็นศิษย์พี่ซ่งแล้วนะ”
สวี่ชีอันรู้ตัวในทันที นึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ทำตามคำมั่นสัญญา
เรื่องของโจวลี่ได้รับการแก้ไขแล้ว และตารางธาตุที่ตกลงกันไว้จนป่านนี้ยังไม่ได้ส่งไปให้สำนักโหราจารย์
เหตุผลหลักคือในตอนแรกมัวแต่สนใจว่ารองเจ้ากรมโจวจะหมดอำนาจหรือไม่ และต่อมาก็ถูกหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลเรียกตัวไปลงโทษ
จากนั้นก็กลายเป็นฆ้องทองแดงอันมีเกียรติ เริ่มต้นชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่อยู่กับการบิดเบือนความจริง
เรื่องของสำนักโหราจารย์ ข้าลืมไปแล้ว สวี่ชีอันขอสาบานต่อฟ้าว่าไม่ใช่เป็นเพราะเขาชอบของฟรีจนเคยตัว
“เอาไว้ก่อนแล้วกัน วันอื่นค่อยไป” สวี่ชีอันกล่าว
“เจ้าคงไม่ได้ไม่เตรียมอะไรไว้เลยใช่หรือไม่” ฉู่ไฉ่เวยพูดด้วยความสงสัย
“ข้าย่อมต้องเตรียมไว้แล้วอย่างแน่นอน”
ดวงตากลมโตของฉู่ไฉ่เวยเป็นประกาย “เจ้าโกหก”
“…”
“ศิษย์พี่ซ่งกล่าวว่า ติดหนี้มานานขนาดนี้ เจ้าต้องชดใช้ทั้งต้นและดอก ความรู้เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุที่เจ้าเขียนไว้นั้น ค่อนข้างลึกซึ้ง เหล่านักเล่นแร่แปรธาตุของสำนักโหราจารย์ต่างก็คาดเดาไม่ได้ในเวลาอันสั้น” ฉู่ไฉ่เวยกินขนมชิ้นหนึ่ง
“สิ้นปีแล้ว ศิษย์พี่ซ่งต้องการให้เจ้าไปที่สำนักโหราจารย์ เปิดห้องสอนนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกและต่ำกว่าระดับหก”
“ตกลง!” สวี่ชีอันพยักหน้า ติดหนี้ก็ต้องใช้หนี้ก็ถูกต้องแล้ว แต่ข้าต้องเตรียมตัวครึ่งชั่วยาม”
ฉู่ไฉ่เวยยิ้มแย้มแจ่มใส “ข้าจะเป็นคนคอยควบคุมดูแลเจ้าเอง”
พูดจบ นางก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง หันไปพูดกับสวี่หลิงอินที่แววตาเต็มไปด้วยความหวังที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า “น้องสาว อยากกินขนมของพี่หรือไม่”
สวี่หลิงอินเกาหัวยิกๆ
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะให้เจ้ากินสักหน่อย” ฉู่ไฉ่เวยกระโดดโลดเต้นจนกระโปรงปลิวตามสวี่ชีอันไป
เด็กคนนี้จ้องขนมของนางตลอดเวลา อยากกินมาก เดิมทีฉู่ไฉ่เวยไม่อยากให้นางกิน แต่เมื่อสวี่ชีอันรับปากแต่โดยดี จึงทำให้นางอารมณ์ดี แค่เด็กตัวเล็กๆ คงกินได้ไม่มาก
ทั้งสองคนมาถึงบ้านของสวี่ชีอัน ฉู่ไฉ่เวยใช้มือจับประตูพร้อมเขย่งขาข้างหนึ่งขึ้นแล้วชะโงกหัวมองไปทั่วห้องครัว
“วันนั้นเจ้าพูดว่า จะทำของอร่อยให้ข้ากิน”
“…คราวหน้าแล้วกัน” สวี่ชีอันคิดในใจว่า เจ้ายังจำได้หรือนี่
ฉู่ไฉ่เวยไม่พอใจ ทำแก้มป่อง เดิมทีใบหน้ารูปไข่ก็อ่อนหวานและน่ารักอยู่แล้ว เหมือนซาลาเปา น่ารักมากๆ
จะเป็นศิษย์ของสำนักโหราจารย์ หรือไม่ก็ไม่เป็นไร…ข้าชอบผู้หญิงคนนี้…สวี่ชีอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ในบรรดาสาวงามที่เขาเคยเห็น แต่ละคนก็มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง อาสะใภ้ที่สวยอวบอิ่ม น้องสาวที่สวยสดใส ภายนอกทุกคนเป็นคุณหนูผู้งดงามบอบบางดุจดอกไม้ แต่ฉู่ไฉ่เวยนั้นเป็นหญิงสาวที่น่ารักและอ่อนหวานที่สุด
“รอข้าทำผงปรุงรสไก่ก่อน แล้วจะทำบะหมี่ให้เจ้ากิน” สวี่ชีอันกล่าว
ครึ่งชั่วโมงต่อมาสวี่ชีอันเขียนต้นฉบับเสร็จแล้วและกลับไปที่ห้องโถงด้านหน้าของบ้านใหญ่พร้อมกับสาวงามตาโต
สวี่หลิงอินกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ฉู่ไฉ่เวยนั่งเมื่อครู่นี้ ขาสั้นๆ สองข้างห้อยอยู่ในอากาศอย่างอ่อนแรง พุงป่อง
“…” ฉู่ไฉ่เวยค่อยๆ อ้าปากกว้าง จ้องไปที่โต๊ะอันว่างเปล่า
‘ขนมของข้าเล่า ขนมที่ข้าซื้อด้วยเงินสองตำลึงเงินนั่นเล่า’
‘ขนมถุงใหญ่ล่ะ!’
ฉู่ไฉ่เวยน้ำตาคลอเบ้า
“ขอบคุณพี่สาว ขนมอร่อยมากๆ เลยเจ้าค่ะ” สวี่หลิงอินสะอึก แล้วกล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
สาวงามตาโตพูดไม่ออก จ้องไปที่พุงของนาง แล้วก็เดินตามสวี่ชีอันไปด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
เสียงฝีเท้าม้าดังกุบกับสวี่ชีอันหันหน้าไปมองฉู่ไฉ่เวยที่ทำแก้มป่อง นั่งโคลงเคลงอยู่บนหลังม้า
“เจ้ารู้สึกละอายใจบ้างหรือไม่ น้องหญิงข้ากินขนมของเจ้าไปนิดเดียว ต้องโกรธขนาดนี้เชียว”
สวี่ชีอันพูดเยาะเย้ย
…
รถม้าหรูหราสองคันวิ่งเข้ามาจอดที่ด้านนอกหอดูดาว
หยางเยี่ยนซึ่งเป็นคนขับรถม้ากระโดดลงจากรถ หยิบเก้าอี้ไม้ขนาดเล็ก และรอเว่ยเยวียนที่อยู่ในรถม้าลงมา
หนานกงเชี่ยนโหรวที่บุคลิกอ่อนโยนก้าวตามออกจากรถม้า
ในรถม้าอีกคันที่ทำด้วยไม้หนานมู่ทอง เป็นผู้หญิงในชุดกระโปรงยาวที่งดงามเดินลงมา นางรูปร่างสูง หน้าตาสวยงาม ดวงตาเย็นชา ใบหน้างามขาวผ่องเรียบๆ ราวกับสาวงามที่รักอิสระ
ลมเย็นพัดมา ท่าทางการเดินนั้นสามารถเข้าใจได้แต่ไม่สามารถบรรยายได้
“องค์หญิง!” เว่ยเยวียนแสดงความคารวะอย่างนอบน้อม
บุตรบุญธรรมทั้งสองก็แสดงความคารวะเช่นเดียวกัน
“เว่ยกงก็มาหาท่านโหราจารย์เช่นเดียวกันเหรอ” องค์หญิงใหญ่ทรงพระสรวลเบาๆ คิ้วของนางไม่สามารถปกปิดความงดงามอันสูงส่งของนางได้
“พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยเยวียนถอนหายใจกล่าวว่า “ในเขตอำเภอไท่กัง มีการค้นพบเหมืองดินประสิว แต่ทั้งหมดถูกเก็บไปจนเกลี้ยง สงสัยว่าจะเป็นผลงานของพวกเศษเดนของอาณาจักรหมื่นปีศาจ กระหม่อมสงสัยว่ายังมีเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวง จึงอยากให้ท่านโหราจารย์ใช้ดวงตาที่สามค้นหาเหล่าภูตผีปีศาจพ่ะย่ะค่ะ”
สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับนิกายปฐพีและหนังสือปฐพี เว่ยเยวียนไม่คิดที่จะกราบทูลองค์หญิงใหญ่
คนเจ้าเล่ห์จะไม่มีวันทิ้งร่องรอยไว้ ไม่มีวันเปิดเผยปมของตัวเองให้ใครได้รู้
แต่แค่เพียงข่าวของเศษเดนของอาณาจักรหมื่นปีศาจ ก็ทำให้องค์หญิงใหญ่ดูเคร่งขรึมได้ ดังนั้นในความงามและดูเย็นชา จึงปรากฏความน่าเกรงขามขึ้น
“องค์หญิงใหญ่เล่าพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยเยวียนทูลถาม
“ข้ามาหาไฉ่เวย” องค์หญิงใหญ่ทรงตอบ แล้วทรงถามเหมือนไม่ตั้งใจว่า “ท่านเว่ยกงคิดว่า การตายของผิงหย่วนป๋อเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ปีศาจหรือไม่”
เว่ยเยวียนส่ายหน้า “ผิงหย่วนป๋อไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์ปีศาจเขาไม่มีคุณค่าขนาดนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
ทั้งสองฝ่ายเดินเข้าไปในหอดูดาวด้วยกัน และพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าไม่มีใครอยู่ในหอแม้แต่คนเดียว และไม่มีใครมาต้อนรับด้วย
บนชั้นสองและสามก็เช่นเดียวกัน
องค์หญิงใหญ่ขมวดคิ้วและตรัสว่า “เกิดอะไรขึ้นกับสำนักโหราจารย์รึ”
เว่ยเยวียนครุ่นคิดด้วยความลังเล
ยังคงเดินขึ้นไปบนหอต่อ จนไปถึงชั้นห้า ในที่สุดก็เห็นเจ้าพนักงานที่กำลังงานยุ่ง
เมื่อเจ้าพนักงานเห็นเว่ยเยวียนและองค์หญิงใหญ่ ก็เข้ามาแสดงการคารวะอย่างใจเย็น
องค์หญิงใหญ่ทรงตรัสถามว่า “ตั้งแต่ข้าเข้ามาในหอจนถึงขณะนี้ เห็นเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น เกิดอะไรขึ้นกับสำนักโหราจารย์”
เมื่อเจ้าพนักงานได้ยินดังนั้น ก็พูดด้วยความโกรธว่า “กระหม่อมก็ไม่ต้องการที่จะพบองค์หญิงใหญ่เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ…อ่า ไม่ใช่ กระหม่อมก็อยากไปชั้นเจ็ดเช่นกัน แต่กระหม่อมยังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ พวกศิษย์พี่จึงไม่ให้กระหม่อมไป กระหม่อมรู้สึกโกรธมาก ช่างไร้เหตุผลสิ้นดีพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากที่เขาบ่นเสร็จก็อธิบายว่า “คุณชายสวี่เปิดการสอนอยู่ที่ชั้นเจ็ด เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุ บรรดาศิษย์พี่ต่างไปเรียนทุกคนพ่ะย่ะค่ะ”
……………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...