“คุณชายสวี่…”
ต้องเผชิญกับคำเรียกขานที่ไม่คุ้นเคยนี้ เดิมทีเว่ยเยวียนและคนอื่นๆ สามารถค้นหาได้จากรายชื่อภายในของสำนักโหราจารย์ได้ โดยค้นหาจากบรรดาลูกศิษย์ห้าคนที่ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ด้วยตัวเองที่มีอยู่ของท่านโหราจารย์
‘แปลก เจ้าพนักงานคนนี้เรียกว่า ‘คุณชายสวี่’ แทนที่จะเป็น ‘ศิษย์พี่สวี่’ คนที่เปิดห้องเรียนสอนไม่ใช่ศิษย์ของสำนักโหราจารย์ แต่เป็นคนนอก’
‘แซ่สวี่…หรือว่าจะเป็น…’ ดวงตาขององค์หญิงใหญ่เป็นประกาย ลางก็คาดเดาอย่างมั่นใจอยู่ภายในใจ และพระองค์ก็อดใจไม่ไหวที่อยากจะไปตรวจสอบ
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเว่ยเยวียนก็แสดงอาการเข้าใจขึ้นมาทันที และก็คาดเดาบางอย่างได้เช่นกัน
ซ่งชิงเคยบอกเขาว่า สวี่ชีอัน เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่เก่งกาจ แต่ในเวลานั้นเว่ยเยวียนไม่ได้สนใจมากนัก เพราะถึงอย่างไรซ่งชิงนั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งของสำนักโหราจารย์
คำว่าอัจฉริยบุคคลในความหมายของเขา อาจจะแค่มีพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่มีทางเทียบกับนักเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งได้อย่างแน่นอน จนได้รับการขนานนามว่า ‘อาจารย์ของข้า’
เว่ยเยวียนเหลือบมองลูกบุญธรรมทั้งสอง ใบหน้าและแววตาของพวกเขามีความฉงนและงุนงงเช่นเดียวกัน พวกเขาไม่ได้เชื่อมโยงคุณชายสวี่และสวี่ชีอันเข้าด้วยกัน คำพูดที่ซ่งชิงพูดในวันนั้น ทั้งสองคนก็ลืมไปแล้วเช่นกัน
“พ่อบุญธรรม สำนักโหราจารย์มีคนแซ่สวี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” หนานกงเชี่ยนโหรว รับผิดชอบด้านข่าวกรองและการลงทัณฑ์ สำหรับคนที่ปรากฏตัวอย่างขึ้นกะทันหันแบบนี้เป็นเรื่องอ่อนไหวอย่างยิ่ง
หยางเยี่ยนซึ่งไม่ชอบพูดเอียงศีรษะเล็กน้อย มองไปทางเว่ยเยวียนด้วยแววตาขอคำยืนยัน
แม้ว่าฆ้องทองคำทั้งสองจะลืมความคิดเห็นของซ่งชิงที่เกี่ยวกับสวี่ชีอันในวันนั้นไปแล้ว แต่คำพูดของเจียงลวี่จงเมื่อวันก่อน พวกเขายังจำได้
เว่ยเยวียนยิ้ม “ขึ้นไปดูก็จะรู้เอง”
องค์หญิงใหญ่ทรงยกชายกระโปรงขึ้น เดินขึ้นหอไปด้วยกิริยาท่าทางที่งดงาม นางมีรูปร่างสูงผอม สมส่วน เห็นเพียงด้านหลังก็เห็นได้ถึงความงดงามอย่างไร้ที่ติ
ไม่จำเป็นต้องมองหน้าตรงก็รู้ว่าเป็นที่สาวงามที่มีความสามารถและมีสง่าราศี
…
“แก่นแท้ของการเล่นแร่แปรธาตุคือการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกัน”
บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุที่ฉลาดนำคำพูดของสวี่ชีอันมาตอบคำถามของเขา
“ดึงส่วนสำคัญออกมาจากสรรพสิ่ง แล้วนำมาแปรเป็นของล้ำค่า” และยังมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ตอบตามประสบการณ์ของตัวเอง
นักเล่นแร่แปรธาตุที่ต่ำกว่าระดับหกไม่ได้ตอบ ต่างฟังอย่างตั้งใจ ส่วนนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกต่างพากันแสดงความคิดเห็นของตัวเองไม่หยุด
ส่วนใหญ่เป็นความคิดเห็นด้านเดียว โดยตอบตามประสบการณ์ของตนเอง…ส่วนคนที่เลียนแบบคำพูดของข้านั้น ก็รู้แต่เพียงด้านเดียวเท่านั้น…ความรู้เชิงทฤษฎีของสำนักโหราจารย์นั้นยังไม่เพียงพอ
สวี่ชีอันฟังอย่างอดทนโดยไม่ได้เห็นด้วยและไม่ได้คัดค้าน
หลังจากที่บรรดาเจ้าพนักงานแสดงความคิดเห็นเสร็จแล้ว ต่างก็มองไปที่ซ่งชิงอย่างพร้อมเพรียง
ซ่งชิงเป็นศิษย์ที่ท่านโหราจารย์ได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้ด้วยตัวเอง และเป็นเล่นแร่แปรธาตุอันดับหนึ่งที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปในสำนักโหราจารย์ เขาหมกมุ่นอยู่กับการเล่นแร่แปรธาตุโดยไม่ยอมเลื่อนขั้น หลงใหลในการเล่นแร่แปรธาตุแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยไม่สนใจระดับที่สูงขึ้นแม้แต่น้อย
ศิษย์พี่ระดับสี่และระดับห้าคนอื่นๆ นั้นด้อยกว่าเขาในด้านการเล่นแร่แปรธาตุทุกคน
ซ่งชิงส่ายหัวและถอนหายใจยาว
‘…ศิษย์พี่ซ่งหมายความว่าอย่างไร’ ขณะที่บรรดานักเล่นแร่แปรธาตุต่างกำลังรู้สึกข้องใจอยู่นั้น ก็ได้ยินสวี่ชีอันปรบมือ
ทุกคนต่างหันความสนใจไปที่อัจฉริยบุคคลในการเล่นแร่แปรธาตุท่านนี้ทันที
สวี่ชีอันสบตาทุกคน แล้วถอนหายใจและพูดว่า “ในสำนักโหราจารย์นี้ ในด้านการเล่นแร่แปรธาตุมีเพียงศิษย์พี่ซ่งเท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกเลื่อมใส และถือว่าเขาเป็นยอดฝีมือที่สามารถเทียบกับข้าได้”
บรรดาเจ้าพนักงานสำนักโหราจารย์ต่างรู้สึกนับถือขึ้นมาในทันที
ซ่งชิงยิ้มเล็กน้อยแล้วค่อยๆ ยืดตัวขึ้น
สวี่ชีอันพูดต่อว่า “ความหมายของศิษย์พี่ซ่งจริงๆ แล้วหมายความว่า สิ่งที่ทุกคนในที่นี้พูดล้วนถูกต้อง แต่ไม่ครอบคลุมดังนั้นจึงไม่นับว่าถูกต้อง”
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าครุ่นคิด
สวี่ชีอันพูดอย่างฉะฉานว่า “การเล่นแร่แปรธาตุมีขอบเขตที่กว้างมาก ทุกคนในที่นี้อาจจะพอมีความรู้อยู่บ้าง แต่ก็ค่อนข้างเลือนรางและคลุมเครือ…เอ่อ เดิมที ข้ารับปากศิษย์พี่ซ่งชิงเรื่องการสอนความรู้ด้านหนึ่งให้กับพวกเจ้า ปรากฏว่าศิษย์พี่ซ่งชิงกลับต้องการให้ข้าใช้หนี้ทั้งต้นทั้งดอก ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะสอนเพิ่มอีกหน่อย ขยายความให้กว้างอีกหน่อย และลึกซึ้งอีกหน่อย”
ทันทีที่พูดจบ แววตาของบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุก็ร้อนรุ่มขึ้นในทันที
“ขอบคุณศิษย์พี่ซ่ง ขอบคุณคุณชายสวี่”
“คุณชายสวี่เริ่มกันเลย ข้าอดทนรอต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว”
เสียงโห่ร้องดังก้องขึ้นมาในทันที และดังไปถึงพระกรรณขององค์หญิงใหญ่ที่กำลังพระดำเนินขึ้นชั้นเจ็ด พระองค์ชะงักพระบาท ไม่ได้เสด็จเข้าไปทันที แต่กลับทรงทอดพระเนตรคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะจากระยะไกลและซ่อนตัว ทรงมองดูชายหนุ่มที่ยืนชี้แนะบรรดานักเล่นแร่แปรธาตุที่เย่อหยิ่งมาโดยตลอดด้วยคำพูดที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
‘สวี่ชีอัน เป็นเขาจริงๆ ด้วย!’
เว่ยเยวียนหยุดชะงักพร้อมกัน เมื่อเห็นสวี่ชีอันสีหน้าก็ชะงักนิดหนึ่ง แล้วก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
ในขณะที่เว่ยเยวียนชะงักเท้า หนานกงเชี่ยนโหรวที่มีบุคลิกอ่อนโยนและหยางเยี่ยนที่ปากเบี้ยวก็มองข้ามไหล่ขององค์หญิงใหญ่และเว่ยเยวียนเห็นสวี่ชีอันแบบไม่ชัดเจน
‘ที่แท้สิ่งที่เจียงลวี่จงพูดนั้นล้วนเป็นความจริง…’ หยางเยี่ยนจ้องมองสวี่ชีอันอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าเบาๆ
‘ฆ้องทองแดงคนนี้ต้องอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของเขาเท่านั้น ไม่ว่าใครก็อย่าคิดมาแย่งชิง’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง