บทที่ 862 จิ้งจอกชิงชิว
……….
“ผ่าน…พื้นที่…นี้ไป…จะเป็น…ศูนย์กลาง…ของเกาะเทพมาร”
เสียงของฮวงดังก้องอยู่ในพื้นที่อันเงียบงันนี้
ร่างมหึมาย่างก้าวอย่างเชื่องช้า และหยุดอยู่ครู่ใหญ่ในแต่ละฝีก้าว
หากมองดีๆ จะเห็นว่าไม่ใช่เขาจงใจหยุดชะงัก การย่างก้าวของเขาดำเนินไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดพัก เพียงแต่การเคลื่อนไหวนี้ช้าลงอย่างไร้ขีดจำกัด
“เจ้าอยากรู้…สาเหตุ…ที่แท้จริง…เรื่องการล่มสลายของเทพมารหรือไม่ สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับ…ความลับ…ยิ่งใหญ่ที่สุด…นับตั้งแต่…สร้างโลก…และเป็นเหตุผลที่ข้า…พาเจ้ามาที่นี่ด้วย”
ฮวงพูดกับตัวเองอยู่นาน เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองจากท่านโหราจารย์จึงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า
“เจ้าดูเหมือน…ไม่ค่อยสบายใจ…”
น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ดังมาจากมุมหนึ่ง
“ไม่คู่ควรกับโลกมนุษย์…”
“ไม่คู่ควรกับโลกมนุษย์…อืม มีเหตุผล…มาก…” หลังจากฮวงคิดอย่างรอบคอบแล้วจึงแสดงท่าทีเห็นด้วย
เจ้าไม่เคยรับศิษย์ เจ้าจะเข้าใจอะไร…ท่านโหราจารย์ยิ้มเยาะพลางว่า
“เจ้าไม่ต้องลองหยั่งเชิงแล้ว…ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว…ข้าจะใช่…ผู้พิทักษ์ประตูหรือไม่ อีกไม่ช้าก็จะได้…รู้ผล…”
“ได้มันไปแล้ว…แม้ว่าข้า…จะไม่มีโชค ก็ยังสามารถ…แข่งขันกับระดับสุดยอด หากกลืนกินจิตวิญญาณของเจ้า…อีกครั้ง ข้าก็จะเอาชนะระดับสุดยอดได้…แน่นอนว่า อันดับแรก…ข้าจะทำลายต้าฟ่ง และช่วงชิง…โชคชะตาของที่ราบลุ่มภาคกลาง”
พูดจบ เขาก็ไม่เอ่ยปากอีก แล้วเดินไปข้างหน้าด้วยความเนิบช้าทว่ามั่นคง
เวลาในพื้นที่แถบนี้เดินอย่างเชื่องช้า หนึ่งวันของที่นี่เท่ากับสิบวันของโลกภายนอก หนทางแก้ที่ดีที่สุดคือการกลืนกินจิตวิญญาณของที่แห่งนี้
ทว่าหากทำเช่นนั้น เขาก็จะจมสู่สภาวะหลับลึก
เวลาปกติก็แล้วไปเถอะ ทว่ายามนี้ในเกาะมีสวี่ชีอันและจิ้งจอกเก้าหางอยู่ หากเขาหลับลึกแล้ว ไม่ใช่ว่ากลัวความปลอดภัยของตัวเอง แต่กลัวจะถูกเจ้าเด็กนั่นก้าวนำไปก่อน
ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงคิดจะออกจากที่นี่ ไปพยายามตามล่าสวี่ชีอัน
น่าเสียดายที่เจ้าโจรเฒ่าโหราจารย์มองจุดอ่อนของเขาออก จึงออกมาเตือน ทำให้สวี่ชีอันหนีไปได้
…
ทุ่งกว้างรกร้าง ความเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวและความเงียบสงัด เป็นลักษณะเด่นของเกาะเทพมาร
สถานที่แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในซากปรักหักพังเป็นเวลาเนิ่นนานโดยไม่เห็นแสงตะวัน ทั้งยังมีผลกระทบจากพลังหลังความตายของเทพมารอีก สิ่งมีชีวิตหน้าไหนก็มิอาจอยู่รอดที่นี่ได้
ขณะเดินอยู่ในทุ่งกว้าง ข้างหูเต็มไปด้วยเสียงยั่วยวน นุ่มนวลมีเสน่ห์ ประกอบกับภาพงดงามลวงตาที่ปรากฏอยู่ทุกหนแห่ง หากมิใช่บุรุษผู้มีสมาธิหยั่งลึก เวลานี้ไฟแห่งตัณหาคงลุกโชนไปแล้ว
คิดเพียงแต่การกระทำอันเป็นไปตามสัญชาตญาณที่สุด
สวี่ชีอันชื่นชมคนงามลวงตา แม้ว่าเขาจะพิเศษ แต่นอกจากที่ควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเทพดอกไม้แล้ว ช่วงเวลาส่วนใหญ่ก็ล้วนใช้สมองตัดสินใจเป็นหลัก
ครั้งก่อนช่วงที่อยู่ซินเจียงตอนใต้ ก็ได้เห็นจิ้งจอกเก้าหางแสดงเสียงมนต์สะกดล่อลวงให้หลง…ร่างมายาคนงามน่าจะเป็นกำลังแห่งจิตอันเป็นพลังเสน่ห์ พลังวิเศษฟ้าประทานของจิ้งจอกเก้าหางมีมากเหลือเกิน…สวี่ชีอันมองร่างมายามากเสียจนอดไม่ได้ที่จะหันมาพิจารณาจิ้งจอกเก้าหางข้างกาย และเปรียบเทียบนางกับหญิงงามลวงตาเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว
นางปีศาจผมขาวเอ่ยด้วยรอยยิ้มทรงเสน่ห์ว่า
“เป็นข้าที่รูปร่างดีกว่า หรือว่าพวกนางล่ะ”
“แต่ละคนต่างก็มีข้อดีของตนนั่นละ” สวี่ชีอันตอบตรงประเด็น
จิ้งจอกจำแลงไม่ฟังคำเยินยอของเขา ก่อนส่งเสียงฮึดฮัดด้วยความไม่พอใจอยู่บ้างว่า
“เจ้าก็มีฉิงกู่อยู่ข้างกายเช่นกัน สามารถควบคุมความปรารถนาของตัวเองได้ มิเช่นนั้นคงเป็นบ้านานแล้ว”
“จากนั้นก็จะใช้แส้ฟาดท่านรึ” สวี่ชีอันเอ่ยด้วยรอยยิ้มกริ่ม
จิ้งจอกสวรรค์รู้สึกราวกับมีบางอย่างผิดปกติในคำพูดนี้ แต่ก็อธิบายไม่ได้
ขี้อายราวกับสาวน้อยคุณธรรมจากครอบครัวเล็กๆ สูงสง่าและเยือกเย็นประหนึ่งเทพเซียน สงบเสงี่ยมสำรวมราวสตรีตระกูลใหญ่ กระตือรือร้นดุจม้าศึกตัวน้อย งดงามทรงเสน่ห์น่าค้นหาราวสายหมอก อ่อนโยนเป็นผู้ใหญ่ประหนึ่งผู้อาวุโส หาญกล้าราวกับจอมยุทธ์หญิง ยั่วยวนดุจนางโลม เพ้อฝันไร้เดียงสาราวกับน้องสาวข้างบ้าน
เขาสงสัยว่าภาพลักษณ์เหล่านี้จะเป็นหางทั้งเก้าของจิ้งจอกชิงชิวผู้นั้นในอดีต
แต่ละคนล้วนมีความงามล่มเมือง
“เจ้าสังเกตหรือไม่ว่าท่านโหราจารย์นั้นแปลกเหลือเกิน” จู่ๆ จิ้งจอกเก้าหางก็เอ่ยขึ้น
“เขาก็แปลกๆ มาตลอด…เอ ที่หางของท่านมีอะไรที่เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นหรือไม่” สวี่ชีอันตอบอย่างขอไปที
จิ้งจอกเก้าหางมองตามสายตาของเขาไป คนผู้นั้นเป็นสตรีรูปร่างหน้าตาไร้ที่ติ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ดวงตามีเสน่ห์ มีความลังเลที่จะพูด ท่วงท่าดึงดูดแต่ไม่เย้ายวน เป็นท่วงท่าอันงดงามโดดเด่นและลุ่มลึก
“ไม่มีสตรีเช่นนี้ในหมู่คนสนิทของเจ้าหรอก” จิ้งจอกเก้าหางเข้าใจและโจมตีเขาอย่างเด็ดขาด
“ไม่มี แต่ท่านก็ฝึกไป๋จีให้เป็นสตรีเช่นนี้ได้นี่ นางเรียนรู้ไวมาก ทั้งยังหน้าตาน่ารัก ต่อไปคงไม่ด้อยกว่าเย่จีและเสว่จีเป็นแน่”
“เผ่าพันธุ์ปีศาจเสียสติหมดแล้วรึ ไป๋จีเป็นคนที่ข้าเลี้ยงมาเหมือนลูกสาวนะ”
สวี่ชีอันส่งเสียงอุทาน สีหน้าแสดงออกถึงความละอายใจ ก่อนเอ่ยอย่างเคร่งขรึมโดยไม่รอให้จิ้งจอกเก้าหางบันดาลโทสะว่า
“ท่านโหราจารย์สามารถใช้ประโยชน์จากพลังของเกาะเทพมารได้ ซึ่งข้อนี้ เกรงว่าฮวงจะทำไม่ได้”
ผีเสื้อตัวนั้นคือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด
เจ้าอาณาจักรหมื่นปีศาจส่งเสียง ‘อืม’ แล้วเอ่ยว่า
“ดังนั้นเจ้าจึงลองหยั่งเชิงถามเขาว่าจงใจถูกฮวงปิดผนึกหรือไม่ ก็เพื่อจะยืมพลังของเขามายังเกาะแห่งนี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง