ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 865

บทที่ 865 ความลับของผู้พิทักษ์ประตู

……….

“โหราจารย์!”

ฮวงอ้าปากใหญ่กว้างและเอ่ยพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ ‘ช้าๆ’

ถึงจะไม่รู้ว่าตาเฒ่านั่นไปพบกับสวี่ชีอันตั้งแต่เมื่อไหร่และด้วยวิธีการใด แต่อาวุธเวทมนตร์มิติว่างชิ้นนั้นในมือของเขาก็เป็นสิ่งที่ท่านโหราจารย์มอบให้อย่างไม่ต้องสงสัย

‘พื้นที่มิติว่าง’ ที่อยู่ด้านหลังนั่น ใช่ว่าเขาไม่เคยไปมาก่อน

และผู้ที่สามารถหลอมหลิงอวิ้นที่หลงเหลืออยู่ให้กลายเป็นอาวุธเวทมนตร์ได้ ทั้งโลกนี้คงจะมีเพียงท่านโหราจารย์ผู้เป็นโหรขั้นหนึ่งเท่านั้นที่จะมีความสามารถเช่นนี้

ขณะเดียวกัน ในสมองของฮวงก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา

‘เขาเป็นผู้พิทักษ์ประตูจริงด้วย!’

ด้วยความช่วยเหลือจากพลังของ ‘ประตู’ บนเกาะแห่งนี้ อีกฝ่ายก็จะสามารถหลุดจากผนึกได้ชั่วคราวด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง ซึ่งนี่ก็เป็นคุณสมบัติที่มีเฉพาะในผู้พิทักษ์ประตูเท่านั้นเช่นกัน

แม้จะเป็นผู้อยู่เหนือระดับ ก็ไม่อาจใช้พลังของมันได้หากไม่ได้ควบคุม ‘ประตู’ เสียก่อน

“ตามไป!”

หางเก้าหางด้านหลังของจิ้งจอกเก้าหางตบลงบนพื้นเหมือนหนวดแมลงและเหมือนกับทหารกำลังตีกลองศึก

แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวนี้ช้าลงถึงสิบเท่า

จะประมาทไม่ได้นะ ถึงพวกเราจะแข่งความเร็วกัน แต่จริงๆ มันคือแข่งมอเตอร์ไซค์วิบากชัดๆ…สวี่ชีอันค่อยๆ ดึงดาบสยบดินแดนและดาบไท่ผิงออกมา ดาบเล่มหลังถูกเขาโยนไปให้กับจิ้งจอกเก้าหาง

ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ทั้งสองได้พูดคุยกันบ่อยครั้งและหารือเกี่ยวกับแผนการจัดการศัตรูอย่างละเอียด รวมถึงวิธีการจัดการกับเจ้าพวกนั้นด้วย

จากคุณสมบัติหลิงอวิ้นของฮวง เมื่อทั้งสองฝ่ายเริ่มแข่งความเร็วกัน วิธีการที่อีกฝ่ายจะใช้นั้นมีด้วยกันสามแบบ

หนึ่ง เร่งความเร็วเพื่อเดินหน้า อาศัยตอนที่ทั้งสองฝ่ายยังมีระยะห่างเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ผืนนี้ไปก่อนและช่วงชิงสมบัติมา

สอง การขว้างลูกบอลคือการโจมตีถึงตาย ซึ่งสามารถสังหารบุรุษสุนัขและนางจิ้งจอกที่กล้าตามมาให้สิ้นได้

สาม ถ้าไม่มีวิธีจริงๆ ก็ใช้พลังวิเศษฟ้าประทานและกลืนกินทุกสรรพสิ่งโดยไม่สนสิ่งใด

เมื่อจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางรับดาบไท่ผิงไปแล้ว สวี่ชีอันก็ ‘ค่อยๆ’ ยกมือขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือเล็งไปทางฮวง ทำให้ดวงตาที่เหมือนกับลูกแก้วเปล่งแสงสว่างขึ้น

เขาวางแผนที่จะย้ายมิติว่างที่ฮวงอยู่ไปยังที่ห่างไกล ถือเป็นการใช้วิธีนี้เพื่อโยนเขาไปไกลๆ

นี่คือวิธีการที่ง่ายและได้ผลที่สุดที่เขาและจิ้งจอกเก้าหางปรึกษากัน

อย่างแรก ฮวงไม่มีวิชาด้านมิติว่าง จึงไม่อาจทำอะไรกับการเคลื่อนไหวประเภทนี้ได้ อย่างที่สอง เขาอยู่ในสถานะ ‘แบกภาระ’ แล้ว หากยังกล้าใช้วิธีกลืนกินหลิงอวิ้นเพื่อคลี่คลายสถานการณ์นี้ เขาจะเข้าสู่สภาวะหลับลึกอย่างเลี่ยงไม่ได้

และในตอนนี้เอง ร่างกายของสัตว์ประหลาดหน้าคนร่างแพะก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่เดิมทีเทียบได้กับภูเขา พลันใหญ่โตขึ้นหลายเท่าตัวจนสูงถึงหลายร้อยเมตร

กระบวนการนี้เชื่องช้าจนเอื่อยเฉื่อย แต่ความสูงที่พุ่งขึ้นมากะทันหันของเขาก็เกินกว่าขอบเขตพื้นที่ว่างที่สวี่ชีอันจะตัดแล้ว

พื้นที่มิติว่างแห่งเดิมที่ถูกตัดออกสามารถรวบฮวงเอาไว้ข้างในได้ แต่เมื่อร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้น ร่างกายบางส่วนก็ยื่นออกไปนอกมิติว่างเสียแล้ว

มิติว่างที่สงบราบเรียบเหมือนหน้ากระจกเกิดระลอกคลื่นขึ้นทันใด จากนั้นก็ราบเรียบและกลับคืนสู่ความสงบ

การถ่ายโอนมิติว่างล้มเหลวแล้ว

กายเนื้อของฮวงใหญ่โตเกินไป มันเหมือนกับกับลิ่มที่เชื่อมมิติว่างสองแห่งเข้าด้วยกัน แรงตัดที่มากับการถ่ายโอนมิติว่างไม่อาจแบ่งร่างของฮวงได้เหมือนกับตอนตัดแบ่งจิ้งจอกเก้าหาง

ดังนั้นย่อมล้มเหลว

ใบหน้าที่เหมือนมนุษย์ของฮวงเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา

“สำหรับเทพมารอย่างพวกเรา คิดอยากให้ร่างกายใหญ่โตแค่ไหนก็สามารถใหญ่โตแค่นั้นได้ ในทางกลับกันก็เช่นเดียวกัน”

ตอนนี้เอง เขาก็เข้ามาใกล้กับเส้นขอบของพื้นที่ชะลอเวลาแล้ว หลังจากเอ่ยจบ ร่างกายใหญ่ยักษ์ของฮวงก็พุ่งมาข้างหน้าโดยไม่ลังเล จากนั้นร่างกายมโหฬารนี้ค่อยๆ ทรุดลงกับพื้นด้วยความเร็วที่เชื่องช้าเป็นสิบเท่า

เสียงดังกึกก้องกัมปนาท พื้นดินสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นจนเกิดฝุ่นละอองพวยพุ่งเต็มฟ้า

และแม้แต่ความเร็วที่ฝุ่นละอองพวยพุ่งขึ้นมาก็ยังเชื่องช้ายิ่งนัก

ล้มลงไปแล้ว? เขาคิดจะทำอะไร?

ในหัวของสวี่ชีอันและจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเกิดความสงสัยแบบเดียวกันขึ้นมา

เทพมารโบราณกาลผู้ยิ่งใหญ่กลับล้มลงอย่างกะทันหัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน เพราะตัวเองอายุเยอะกว่าก็เลยคิดจะบลัฟกันรึไง…สวี่ชีอันพึมพำ เขาไม่ได้คลายความระมัดระวังเพราะกำลังก่นด่าอยู่ในใจ

ฮวงไม่มีทางล้มลงไปโดยไม่มีสาเหตุแน่ๆ

ตอนนี้เอง จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางก็คล้ายจะพบเงื่อนงำ น้ำเสียงของนางเปลี่ยนไป

“เขาข้ามเขตไปแล้ว…”

สวี่ชีอันมองตามสายตาของนางไป นัยน์ตาพลันหดเกร็ง

ฮวงเหยียดขาหน้าออกไปในท่าทางนอนราบกับพื้นและขาหลังเหยียดตรง ท่านี้ทำให้เขาดูน่าขำเล็กน้อย ถึงขั้นดูโง่งมยิ่งนัก

เขาเข้าใกล้ชายขอบของพื้นที่มากขึ้นแล้ว การล้มในครั้งนี้ทำให้กีบเท้าสองข้างยืนออกไปนอกพื้นที่ได้สำเร็จ

แย่แล้ว!!!

สีหน้าของสวี่ชีอันและจิ้งจอกเก้าหางย่ำแย่มาก คนแรกชำเลืองมองแสงสว่างที่พุ่งขึ้นสูงอยู่ที่ปลายเส้นขอบฟ้าสายนั้น พลางกัดฟันใช้การกระโดดข้ามมิติว่าง

หลังจากกีบเท้าสองข้างของฮวงยื่นออกไปนอกเขตแดนก็ไม่ถูกจำกัดความเร็วอีก มันจึงขุดพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘ตึง ตึง ตึง’ แล้วคลานไปข้างหน้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อพยายามลากตัวเองออกไป

ความเคลื่อนไหวที่เกิดจากการขุดพื้นของกีบเท้าก็ถูกทำให้เชื่องช้าลงสิบเท่าเช่นกัน ดังนั้นร่างกายของมันจึงไม่ได้หลุดออกจากขอบเขตในทันที

ทว่าก็ยังเร็วกว่าความเร็วที่ได้แต่เคลื่อนไปได้เพียงทีละก้าวๆ อย่างเมื่อครู่

แบบนี้มันเหมือนหมาเกินไปรึเปล่า เจ้ามีศักดิ์ศรีกับความเก๊กของเทพมารเหนือระดับขั้นบ้างไหมเนี่ย…สวี่ชีอันก่นด่าในใจอย่างร้อนรน ไม่ทันการแล้ว ดูจากแนวโน้มในตอนนี้ ฮวงคงหลุดออกจากพื้นที่ได้เร็วกว่าพวกเขาหลายชั่วยามเป็นแน่

หลายชั่วยามในพื้นที่นี้ เท่ากับหลายวันในโลกภายนอก

เวลาหลายวันก็สายเกินไปแล้ว ฮวงไม่เพียงแต่สามารถไปหยิบสมบัติได้อย่างสบายๆ ไร้อุปสรรค แต่ยังสามารถอาบน้ำนอนแล้วเตรียมตัวมาสังหารพวกเขาได้ด้วย

‘ปัง ปัง ปัง!’

เสียงขุดหน้าดินราวกับแผ่นดินไหว มันดังเข้ามาในหูอย่างเชื่องช้าและเอื่อยเฉื่อย แต่สวี่ชีอันมองเห็นชัดเจนว่ากีบเท้าสองข้างของฮวงเทียบได้กับเครื่องตอกเสาเข็มสิบสองสูบที่ขุดหลุมลึกออกมาสองหลุมได้อย่างรวดเร็ว

ความเคลื่อนไหวที่น่าสะพรึงเช่นนี้ แม้ว่าจะอ่อนจางและเชื่องช้า แต่ร่างกายอันใหญ่โตของฮวงก็ยังเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความเร็วพอสมควร

หยกสลายไม่อาจหยุดฮวงได้ เมื่อถึงระดับขั้นอย่างเขา ไม่ว่าอาการบาดเจ็บอะไรก็เป็นเพียงแค่การบาดเจ็บสาหัสเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น กลับกัน ตัวข้าอาจจะไม่สามารถหายตัวในระยะสั้นๆ เพราะลงมือโจมตีด้วยซ้ำ…ใช้วิธีการโจมตีไม่เกิดผล

ในเจ็ดยอดกู่ไม่มีวิธีการที่สามารถนำมาผูกมัดได้ วิชาประเภทควบคุมก็ใช้ไม่ได้อีก วิชากู่ที่เข้าขั้นเหนือสามัญนั้น ทำอย่างไรก็ไม่อาจควบคุมฮวงได้เลย…

สมองของเขาครุ่นคิดหาแผนการจนปวดหัว เกลียดนักที่ตนเป็นเพียงจอมยุทธ์หยาบกระด้าง

ถ้าหากเป็นลัทธิขงจื๊อล่ะก็ เพียงแค่เปล่งวาจาเป็นประกาศิตแค่คำเดียวว่า ‘ไอ้น้อง มาอยู่ใต้เป้าของข้าซะ!’

เท่านี้ไม่ว่าอะไรก็จัดการได้แล้ว

ตอนนี้เอง สวี่ชีอันก็เห็นจิ้งจอกเก้าหางที่อยู่ข้างๆ นิ่งคิดอย่างสงบเยือกเย็น แล้วหยิบกระจกเทพฮุ่นเทียนออกมาอย่าง ‘ช้าๆ ไม่รีบร้อน’ จากนั้นส่องมันไปทางฮวง

ฮวงที่อยู่ไกลๆ สัมผัสได้ว่ามีอาวุธเวทมนตร์ที่เล็งไปยังจิตเดิมกำลังส่องมาทางตัวเองอยู่ จึงเกิดความดูแคลนขึ้นในใจและหัวเราะหยันขึ้นมา

“หากเป็นของวิเศษเหนือระดับขั้นข้าก็จะถือว่าตัวเองโชคไม่ดี แต่แค่กระจกโทรมๆ บานหนึ่ง พอมันส่งผลต่อข้า ข้าคงจะหลุดออกจากพื้นที่นี้ไปได้แล้ว”

ประโยคสองประโยคนั้นเขาพูดอยู่เนิ่นนานมาก แต่กีบเท้ากลับไม่หยุดเคลื่อนไหวและลากตัวเองออกไปข้างนอกไกลอีกระยะได้สำเร็จ

เจ้าอาณาจักรคนดี! พี่สาวคนดี!

สวี่ชีอันกลับตื่นเต้นยิ่งนัก เขาได้รับแรงบันดาลใจจากการกระทำของจิ้งจอกเก้าหาง เพียงแค่คิด เจดีย์พุทธะที่ลอยออกมาจากชิ้นส่วนกระจกหนังสือปฐพี

ถึงแม้เขาจะเป็นจอมยุทธ์หยาบกระด้าง แต่เขาก็มีของวิเศษเหลือหลาย

ยอดเจดีย์ของเจดีย์พุทธะมีร่างธรรมสีทองยืนประนมมืออยู่ ด้านหลังศีรษะมีวงแสงเจ็ดสีแห่งปัญญาอยู่หนึ่งวงที่กำลังหมุนกลับอย่างช้าๆ

…ฮวงขุดดินต่อโดยไม่พูดอะไรสักคำ ความเร็วนั้นเร็วกว่าเมื่อครู่ไม่น้อย

ยิ้มไม่ออกแล้ว

จากนั้นมันก็เริ่มสับสนเล็กน้อยกับเรื่องที่มันกำลังทำอยู่ตอนนี้ และไม่รู้ถึงความหมายของมันด้วยซ้ำ

ความคิดของมันเชื่องช้าลง สติปัญญาก็ต่ำลงมาเช่นกัน

หากเป็นสภาวะปกติ นี่ไม่อาจทำอะไรเขาได้เลย แต่เมื่อสติปัญญาลดลง มันก็สัมผัสได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลที่กำลังหยุดยั้งตนเองทันที

เหนือศีรษะคล้ายกับมีกระแสน้ำวนที่กำลังร้องเรียกและดูดดึงเขาอยู่

และพลังนี้ก็ช่วยขยายความคิดอันแสนสับสนมากขึ้นไปอีก ยิ่งดึงรั้งเท่าไหร่ สติปัญญาก็ยิ่งตกต่ำ ยิ่งสติปัญญาตกต่ำ พลังฉุดดึงก็ยิ่งมหาศาลมากขึ้น

ส่งเสริมซึ่งกันและกัน

นัยน์ตาสีเหลืองทองค่อยๆ เหม่อลอยและสูญเสียความคมกริบ ฮวงค่อยๆ กลายเป็นลูกชายโง่เง่าของเจ้าของที่ไปแล้ว เป็นลูกชายโง่เง่าที่วิญญาณออกจากร่างหรือไม่ก็มีสติปัญญาต่ำเตี้ยมาตั้งแต่เกิด

แววตาของเขานิ่งงันและขุดไถหน้าดินเป็นครั้งคราว

สัญชาตญาณของเขาผลักไสให้เขาขุดดินต่อไป แต่จำเหตุผลที่ขุดดินไม่ได้แล้ว

สวี่ชีอันและจิ้งจอกเก้าหางรวมพลังของวิเศษชิ้นใหญ่ทั้งสองและควบคุมฮวงไว้ได้ชั่วขณะ

หากจะกล่าวให้ถูกก็คือ รวมพลังของวิเศษทั้งสองมาควบคุมฮวงที่ถูกพื้นที่ชะลอเวลาผูกมัดเอาไว้

“ไม่อาจควบคุมไว้ได้นานนัก”

จิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเอ่ยเตือน

สวี่ชีอันจึงคว้าโอกาสนี้ใช้การสับเปลี่ยนมิติว่างไม่หยุด เขาจึงสามารถไล่ตามและแซงหน้าฮวงไปได้

ตลอดทั้งกระบวนการนี้ ทั้งคู่ยังคงโจมตีสติปัญญาและล่อลวงฮวงต่อไป

ในที่สุด ทั้งคู่ก็มาถึงชายขอบของพื้นที่และมองเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของลำแสงด้านหน้าแล้ว

จิ้งจอกเก้าหางมองไปข้างหน้าอย่างตกตะลึง ใจกลางลำแสงที่ทอดยาวถึงฟ้า มีประตูแสงที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนตั้งอยู่ มันสูงถึงร้อยจั้ง อีกทั้งโอ่อ่าทรงพลังอำนาจยิ่ง

ประตูแสงบานนี้ตั้งตระหง่านอยู่บนกองกระดูกขาวที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ

ราวกับว่ากระดูกขาวเหล่านี้ประกอบรวมกันจนเป็นบัลลังก์ของมัน

แต่มันก็ไม่ใช่ประตูแสงล้วนๆ มันผสานไว้ซึ่งลม ฝน สายฟ้า หยิน หยาง ทั้งห้าธาตุ รวมถึงแผนภูมิสวรรค์ ผสมผสานทุกสิ่งอย่างเข้าด้วยกัน ราวกับเป็นการประกอบรวมกันของสรรพสิ่งในโลก

มันเป็นสัญลักษณ์ของฟ้า เป็นสัญลักษณ์ของดิน เป็นสัญลักษณ์ของพลัง เป็นสัญลักษณ์ของความรู้ และเป็นสัญลักษณ์ของกฎเกณฑ์

ชั่วขณะที่นางปีศาจผมเงินมองเห็นประตูแสง ก็เข้าใจถึงความหมายของท่านโหราจารย์ทันที

มันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้อย่างแม่นยำ เพราะมันคือสัญลักษณ์ของทุกสรรพสิ่งและผสานรวมไว้ซึ่งทุกสรรพสิ่ง

ทันใดนั้น นางก็ได้ยินสวี่ชีอันเอ่ยพูดราวกับอยู่ในอารมณ์ลุ่มหลง ฝันหวาน และทอดถอนใจ

“ช่างเป็นดาบชั้นยอดไร้สิ่งใดเทียม ถ้าหากข้าครอบครองมัน คงจะสามารถเปิดสวรรค์ได้เลยทีเดียว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง