บทที่ 874 ช่วยชีวิต
……….
สวี่ชีอันชักดาบสยบดินแดนออกมา พลังปราณรินไหลเข้าไปในดาบทองเหลืองอย่างไม่ขาดสาย พลังปราณที่เต็มอิ่มทำให้ดาบสยบดินแดนเหมือนเตารีดที่แดงผ่าว น้ำทะเลโดยรอบเดือดพล่านอย่างรวดเร็ว
เขายกแขนขึ้นฟาดลำแสงดาบที่เหลืองอร่ามเป็นสายๆ ผ่าลงไปในร่องทะเลโดยไม่สนสิ่งใด
แสงดาบสายที่หนึ่งปะทะริมร่องทะเล กอบดินเลนประหนึ่งฝุ่นควันนับไม่ถ้วนขึ้นมา สะเทือนจนหินขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงมาเป็นก้อนๆ
สายที่สองและสายที่สาม…แสงดาบสิบกว่าสายหายไปในร่องทะเลที่มืดมิดและเงียบลึก หลังจากผ่านไปหลายวินาที พื้นทะเลเกิดความสั่นสะเทือน ดินเลนที่ตกตะกอนอยู่ที่นี่หลายชั่วยุคสมัยทยอยยกตัวขึ้นมา
ชั้นดินอ่อนปะทุแยกตัวออก น้ำทะเลใสสะอาดกลายเป็นน้ำแกงโคลนขุ่นมัวในชั่วพริบตา
เสียงคำรามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังดังขึ้นในร่องทะเล เนื่องจากถูกน้ำทะเลบิดเบือน จึงดูน่ากลัวยิ่งกว่า
สัตว์ประหลาดดึกดำบรรพ์ที่หลับใหลอยู่ในร่องทะเลถูกยั่วโทสะเข้าแล้ว
สิบห้านาทีต่อมา หนวดห้าหนวดพุ่งออกมาจากร่องทะเลที่เงียบมืด ห่อม้วนคลื่นใต้น้ำหลายล้านตันและตีมายังสวี่ชีอันอย่างโหดเหี้ยม
ขณะนี้เอง หางจิ้งจอกขาวราวหิมะที่ใหญ่และแข็งแกร่งเช่นเดียวกันแทงมาจากด้านหลังของสวี่ชีอัน ปะทะกับหนวดแบบปลายเข็มต่อปลายเข็ม น้ำในน่านสมุทรทั้งผืนสั่นสะเทือนขึ้นมาในขณะนี้
หากที่นี่ใกล้กับชายฝั่งทะเล จะเป็นภัยพิบัติที่น่ากลัวสำหรับเมืองที่ติดทะเลอย่างแน่นอน คลื่นทะเลที่ถาโถมขึ้นจากการต่อสู้จะจมทุกสิ่งอย่างพินาศย่อยยับ
หางจิ้งจอกขาวราวหิมะรัดหนวดทั้งหกเส้น ทั้งสองฝ่ายเหมือนเส้นสายที่พันเกี่ยวกันจนตึงอย่างตรงดิ่ง
ใบหน้าที่ขาวเรียบของนางปีศาจผมเงินแดงขึ้นในชั่วพริบตา เส้นเลือดบนหน้าผากปูดนูน ส่งเสียงเอ่ยอย่างเร่งรัดว่า
“ข้าประวิงเวลาได้มากที่สุดหนึ่งถ้วยชา”
สวี่ชีอันดิ่งลงไปข้างล่างอย่างฉับพลันเหมือนทุ่นระเบิดโดยไม่พูดจาให้เสียการอีก และเข้าไปในร่องทะเลพร้อมลากฟองอากาศที่เดือดพล่านไปด้วย
เขาดิ่งลงมาในความมืดมิดอันไร้แสงนานมาก เขาโยนเปลือกหอยออกไปและระเบิดเพื่อส่องสว่างรอบทิศทางเป็นครั้งคราว
ที่นี่มองไม่เห็นปลา สาหร่ายทะเลและพืชใต้น้ำก็มองเห็นน้อยมาก สวี่ชีอันเคลื่อนที่เป็นกระสวยอยู่ระหว่างหนวดที่เหมือนเสายักษ์หกเสา จากนั้นไม่นาน จิตสัมผัสรับรู้ได้ถึงร่างเทพมารที่ตกหล่นอยู่ที่แห่งนี้
เขาโยนเปลือกหอยออกไปหลายสิบอันในคราเดียว และระเบิดโดยพร้อมกัน
‘ปังๆๆ…’
ธาตุไฟขยายตัวเป็นกลุ่มก้อนแสงไฟท่ามกลางเสียงระเบิดที่อึดอัด นำมาซึ่งการส่องแสงเป็นครั้งแรกในเวลาอันยาวนาน
ส่องสว่างการทำลายล้างของเทพมารบรรพกาลตนนั้น
นี่คือสัตว์ประหลาดที่รูปร่างใหญ่โตเกินกว่าจะจินตนาการตัวหนึ่ง รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับปลาหมึกยักษ์ ร่างกายของมันแทบจะเติมเต็มร่องทะเล แต่ร่างกายของมันไม่สมบูรณ์ครบ กระจายไปด้วยร่องรอยกัดแทะ
มันเหลือเพียงตาสีขาวเทาข้างเดียวฝังอยู่บนศีรษะที่กระจายไปด้วยแผ่นเกล็ด เมื่อแสงไฟส่องสว่าง ในท้องทะเลลึกอันเงียบสงัดนี้ ระยะห่างระหว่างสวี่ชีอันกับมันไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง
ดวงตาสีขาวเทาจับจ้องสวี่ชีอันอย่างเงียบเชียบ เสมือนจับจ้องฝุ่นละอองเม็ดหนึ่งในอากาศ
นี่ก็คือความแตกต่างของรูปร่างระหว่างทั้งสอง
เคราะห์ดีที่ข้าไม่ได้เป็นโรคหวาดกลัวทะเลลึก…ด้วยการพึ่งพาแสงไฟที่ดับมอดลงอย่างช้าๆ สวี่ชีอันค้นพบว่าเดิมทีสัตว์ประหลาดตัวนี้ควรจะมีสิบกว่าหนวด แต่คงถูกฉีกทิ้งไปนานแล้ว
ไม่มีการผันผวนของจิตเดิม เขาสิ้นชีพไปนานแล้ว แต่ใช้ชีวิตผ่านกาลเวลาที่ยาวนานนี้เช่นไรกัน…หลังจากการสำรวจเบื้องต้น สวี่ชีอันรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
หากต้องการวางถาดค่ายกลลงเพื่อขัดเกลาแก่นของเขา จะต้องพิชิตศัตรูจึงจะได้อย่างแน่นอน แต่ศัตรูระดับนี้ การสังหารเป็นตัวเลือกเพียงหนึ่งเดียว
แต่เขาตายไปแล้ว และตายมาหลายชั่วยุคสมัยแล้ว
ทำเช่นไรดี
สวี่ชีอันมองรูปร่างของ ‘สัตว์ประหลาดหมึกยักษ์’ อย่างเงียบๆ เขาก็เข้าใจในทันใด
เขาตายไปในยุคสมัยดึกดำบรรพ์ ที่หลงเหลืออยู่คือเจตจำนงที่ไม่ยอมศิโรราบและจิตแห่งการต่อสู้อันไร้ซึ่งความกลัว เป็นเพราะความยึดติดที่ทำให้เขาข้ามผ่านหลายชั่วกาลและคงอยู่จวบจนปัจจุบัน
“คราแรกที่ตายในเงื้อมมือศัตรู เทพมารบรรพกาลตนนี้ไม่ยอมรับและไม่ยอมแพ้ วิธีการขจัดความยึดติดนั้นง่ายดายมาก”
สิ่งที่สวี่ชีอันต้องการทำไม่ใช่การฆ่าเขา แต่เป็นการเอาชนะเขา…
บนร่องทะเลลึก จิ้งจอกเก้าหางที่กำลังประลองกำลังกับหนวดอย่างยากลำบากได้รับเสียงที่ส่งมาจากสวี่ชีอันว่า
“เจ้าอาณาจักร ท่านขึ้นไปก่อน ไม่ต้องยื่นมือเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้แล้ว”
…
อีเอ๋อร์ปู้ไม่เคยผ่านประสบการณ์การบินที่เร็วเช่นนี้ ภูผาแม่น้ำและผืนดินกว้างใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาเลือนรางจนตัดผ่านไปเพียงแวบเดียว เมื่อรอจนพลังเวทมนตร์ของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ถูกใช้จนหมด เขาพบว่าตนเองข้ามดินแดนของต้าฟ่งมายังชายแดนของดินแดนประจิมทิศแล้ว
“ที่ให้ข้ามาส่งตราราชลัญจกรนี่ไม่ใช่ว่าให้ข้ามาตายใช่ไหม” อีเอ๋อร์ปู้บินอยู่บนท้องฟ้าของดินแดนประจิมทิศอย่างระแวดระวัง ย้อนคิดถึงเส้นทางที่ตนเองผ่านมา ในหัวสมองปรากฏข้อสงสัยอย่างหนึ่งที่ว่า
เหตุใดเรื่องวิ่งเต้นต้องเป็นข้าเสมอ
เริ่มตั้งแต่อ๋องสยบแดนเหนือหลอมยาโลหิต เขาทำหน้าที่เป็นตัวละครที่วิ่งเต้นและรับจ้างมาโดยตลอด
จวบจนวันนี้ปรมาจารย์แห่งปราชญ์วิญญาณอูต๋าเป๋าถ่าก็ยังไม่เคยพบสวี่ชีอัน แต่เขาเคยติดต่อกับสวี่ชีอันหลายครั้งแล้ว
อีเอ๋อร์ปู้ระมัดระวังอย่างมาก ไม่ได้เข้าไปยังดินแดนประจิมทิศลึกนัก หลังจากพบศพธรรมดาศพหนึ่ง เขาก็ควบคุมศพให้บินเหินฟ้าไปที่อรัญตาแทนตนเอง
“หากข้าเข้าไปดินแดนประจิมทิศลึกนัก จะต้องถูกพระพุทธเจ้ากลืนกินเป็นแน่”
“สามารถใช้หุ่นเชิดไปสำรวจได้พอดีเลย ดูสักหน่อยว่าขณะนี้ดินแดนประจิมทิศเป็นเช่นไรบ้าง”
“ด้วยระดับปรมาจารย์แห่งปราชญ์ของเขา การควบคุมศพศพหนึ่งเพียงลำพัง สามารถสำแดงพลังห้าส่วนของร่างกายโดยประมาณ”
อีเอ๋อร์ปู้บินไปพักหนึ่งอย่างพุ่งพรวด ความรู้สึกที่สัมผัสได้มากที่สุดก็คือเงียบเปลี่ยว
ไร้ร่องรอยมนุษย์ รกร้างเงียบเชียบ
หมู่บ้านและเมืองที่เดินทางผ่านล้วนไม่มีสิ่งใด
“ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ดินแดนประจิมทิศหลายแสนลี้ ประชาชนสาบสูญหมดสิ้น สงครามพลิกฟ้าโหดร้ายเสียจริง…เกรงว่าพวกโง่เง่ากลุ่มนั้นของต้าฟ่งคงไม่รู้กระทั่งว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“ปัจจุบันพวกเขาไม่มีระดับเหนือมนุษย์นั่งสั่งการ ไม่อาจล่วงรู้ความลับของมหาเคราะห์ วันหน้าแม้ตายก็คงไม่รู้ว่าตายเช่นไร…”
“หากพระพุทธเจ้าแทนที่วิถีแห่งฟ้า ระบบพ่อมดของพวกเรา ไม่สิ ระบบทั้งหมดในโลกจะสูญสิ้นทั้งหมด และกลายเป็นฝุ่นละอองในประวัติศาสตร์ นึกไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเหตุใดพ่อมดต้องมอบโชคชะตาของเหยียนกั๋วให้พระพุทธเจ้า”
หุ่นเชิดของอีเอ๋อร์ปู้บินไปที่อรัญตาพร้อมกับขบคิด
“พุทธมหายานแบ่งโชคชะตาของพระพุทธเจ้าไป ทำให้เขาไม่สามารถกลายเป็นดินแดนประจิมทิศอย่างถึงที่สุด แต่ด้วยพลังเวทมนตร์ของพระพุทธเจ้า รากฐานของสำนักพุทธจะต้องไม่หยุดอยู่ที่นี่แน่นอน ต้องมีลู่ทางอื่นเป็นแน่ แต่อาจต้องใช้เวลาอย่างมากที่สุด ซึ่งนี่เป็นข้อดีสำหรับพ่อมด”
“พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่มอบโชคชะตาเหยียนกั๋วให้พระพุทธเจ้า หากพระพุทธเจ้าฉวยโอกาสกลายเป็นดินแดนประจิมทิศ ขั้นถัดไปก็คือกลืนกินที่ราบลุ่มภาคกลาง…”
พอคิดถึงตรงนี้ ศีรษะของอีเอ๋อร์ปู้สว่างวาบ เขาวิเคราะห์ต่อไปตามแนวคิดว่า
“ระดับบรรลุธรรมของต้าฟ่งจะต้องต่อต้านสุดชีวิต หากเผชิญกับการลงมือจากพระพุทธเจ้า เกรงว่าครึ่งเก้าสู่เทพยุทธ์ของซินเจียงตอนใต้คงไม่อาจนิ่งดูดาย รวมกับผู้แข็งแกร่งระดับบรรลุธรรมอีกที เสือสองตัวสู้กันจะต้องมีอีกฝ่ายบาดเจ็บ หากเป็นเช่นนี้ลัทธิพ่อมดข้าก็จะสามารถนั่งรับผลประโยชน์จากเฒ่าประมง[1]ได้”
“ไม่สิ ต่อให้เป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าว ลำพังแค่พลังของเขาเองคงต่อต้านระดับบรรลุธรรมไม่ได้เลย พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่กำลังเล่นกับไฟ นี่มันไม่เข้ากับนิสัยของเขาเลย เขามีสิทธิ์อะไรมาคิดว่าต้าฟ่งสามารถต้านทานพระพุทธเจ้าได้ สวี่ชีอันอยู่โพ้นทะเล ท่านโหราจารย์เองก็ถูกผนึก…”
อีเอ๋อร์ปู้ตกตะลึง เขาพลันเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่
แม้ตาเฒ่าโหราจารย์เดียงสาจะเรือล่มในท่อน้ำ[2] ถูกสวี่ผิงเฟิง เจียหลัวซู่และคนอื่นๆ ร่วมมือกันผนึก แต่นั่นเป็นปรมาจารย์ลิขิตฟ้าน่ะสิ ปรมาจารย์ลิขิตฟ้าที่ชำนาญการวางหมากเป็นที่สุด
ท่านโหราจารย์คำนวณทุกอย่างไว้แล้ว สำหรับมหาเคราะห์ มีหรือเขาจะคิดไม่ถึง
เขาจะต้องทิ้งอุบายที่เกี่ยวข้องไว้แน่ ไพ่ตายที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
หากเป็นเช่นนี้ พระพุทธเจ้าก็คือทหารสำรวจเส้นทางของพวกเขา
“นี่สิจึงจะเป็นนกปากส้อมกับหอยต่อสู้กัน เฒ่าประมงได้รับผลประโยชน์[3]ที่แท้จริง หากต้าฟ่งยังคงไม่อาจสู้พระพุทธเจ้า เลวร้ายที่สุดก็คงผูกพันธมิตรกับเทพเจ้ากู่ต่อต้านพระพุทธเจ้าในอนาคต…”
ขณะนี้ อีเอ๋อร์ปู้มองเห็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สูงตระหง่านปรากฏตรงปลายขอบฟ้า ถึงอรัญตาแล้ว
เขาหยุดครุ่นคิดในทันที และควบคุมหุ่นเชิด แปลงเป็นลำแสงสีดำวาบผ่านไปยังอรัญตา
ยังไม่เข้าใกล้ ข้างหน้ามีเงาสีขาวแวบผ่านไป พระโพธิสัตว์หลิวหลีผู้มีอวัยวะบนใบหน้าเป็นรูปทรงสามมิติงามละออ สวมชุดสีขาว ไม่ใส่รองเท้า และมีเส้นผมสีดำเหมือนน้ำตกมาขวางทางไว้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง