บทที่ 877 เทพยุทธ์ครึ่งก้าว (1)
Ink Stone_Fantasy
หมายเลขห้า ‘เหตุใดเจ้าถึงได้สิ้นหวังนักล่ะ? ถ้าสวี่หนิงเยี่ยนเลื่อนขั้นเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวและผสานความร่วมมือกับเสินซูได้ ก็ไม่มีทางเลยที่เขาจะไม่ถูกมองว่าเป็นระดับสุดยอด แล้วพวกเราทุกคนก็ยังมีพื้นที่ให้ได้นั่งเจรจากันด้วย’
นอกจากนี้ทางชายแดนตอนใต้ ลี่น่าที่กำลังเพลิดเพลินกับเนื้อย่างที่ทหารปีศาจอุทิศให้ ก็แทรกบทเข้ามาได้พอเหมาะพอเจาะพอดี
…
หลี่หลิงซู่อึ้งไปครู่หนึ่ง แต่หลังจากทบทวนเรื่องนี้แล้ว ก็คล้อยตามว่ามีเหตุผล
‘ประสบการณ์เรื่องเสินซูกับพระพุทธเจ้าบอกพวกเขาว่า ต่อให้เทพยุทธ์ครึ่งก้าวจะไม่อาจเทียบชั้นระดับสุดยอดได้ แต่เทพยุทธ์ครึ่งก้าวสองคนร่วมมือกันก็ไม่แน่ว่าจะพ่ายแพ้ต่อระดับสุดยอดมิใช่หรือ?’
‘ด้วยวิธีนี้ ต้าฟ่งจึงจะมีต้นทุนให้นั่งโต๊ะดื่มชาเจรจา’
หมายเลขสอง ‘ไอ้ผีบ้าสวี่หนิงเยี่ยนผู้นี้นี่ ออกทะเลไปตั้งหลายเดือน ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ยังไม่รู้’
หลี่เมี่ยวเจินเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธ
‘ศิษย์น้องหญิง ได้โปรดใส่ใจตัวตนของเจ้าด้วยเถอะ เจ้าคือหลานเหลียนแห่งนิกายปฐพีนะ เป็นถึงอดีตเทพธิดาแห่งนิกายสวรรค์เชียว เจ้าไม่ใช่พวกผู้หญิงต่ำๆ ในบ้านสวี่หนิงเยี่ยนสักหน่อย’…หลี่หลิงซู่ปกป้องศิษย์น้องหญิงของตัวเองในใจ
หมายเลขหนึ่ง ‘ให้พระอรหันต์ตู้เอ้อร์กลับเมืองหลวงด่วนที่สุด ถ้ามาอยู่เล่ยโจว ข้าจะได้คลายกังวลลงบ้าง พระโพธิสัตว์ทั้งสามองค์ก็มิได้มีแผนการอื่นใดมิใช่หรือ’
‘ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น แนวทางที่ปลอดภัยที่สุดคือการนำผู้ก่อตั้งพุทธศาสนานิกายมหายานกลับเมืองหลวงทันที’
‘อย่างไรเสีย ก็ยังมีเซียนครองพิภพขั้นหนึ่งกับพวกระดับเหนือมนุษย์หลายคนอยู่ในเมืองหลวง’
หมายเลขแปด ‘ไม่มีทางกลับไปได้หรอก มีพวกเหนือมนุษย์หลายคนจากสำนักพ่อมดคอยจับตาดูเขาอยู่’
อาซูหลัวตอบกลับ
แม้ว่าซ่าหลุนอากู่และคนอื่นๆ จะอยู่ห่างไกล แต่อาซูหลัวสามารถสัมผัสได้ แน่นอนว่าพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่มีเจตนาจะซ่อนมันไว้
‘ซ่าหลุนอากู่ก็อยู่ในเล่ยโจวด้วย’…ฮว๋ายชิ่งปวดหนึบไปถึงหนังศีรษะ
สำนักพ่อมดได้มอบโชคชะตาให้พระพุทธเจ้าแล้ว ตอนนี้ พวกเขามาที่นี่เพื่อ ‘ชมการศึก’ ความตั้งใจของพวกเขาคือการลงทัณฑ์!
‘นี่เป็นแผนสมรู้ร่วมคิดในช่วงวิกฤต หากพระอรหันต์ตู้เอ้อร์กลับเมืองหลวงในช่วงนี้ เขาน่าจะติดกับ’
‘แล้วถ้านักบวชเต๋าจินเหลียนกับเหนือมนุษย์คนอื่นได้รับอนุญาตให้กลับมาร่วมมือกัน เสินซูจะทำเช่นไร?’
‘ถ้าเหล่าพวกเหนือมนุษย์อย่างนักบวชเต๋าจินเหลียนกับอาซูหลัวมา อย่างน้อยเขาก็น่าจะช่วยเหลือเสินซูแก้ปัญหาบางประการได้’
หมายเลขเก้า ‘เหล่าผู้นำเผ่าพันธุ์กู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย’
นักบวชเต๋าจินเหลียนพูดเสริม
‘แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ผู้นำเผ่าพันธุ์กู่จะอยู่ระดับขั้นสามและไม่สามารถจัดตั้งกองกำลังหลักได้ แต่เจ็ดไสยศาสตร์กู่หลักนั้นทั้งแปลกประหลาดและไม่อาจคาดเดาได้ แล้วก็แทบไม่อยู่ในสารบบสำนักพ่อมดด้วยซ้ำ’…ฮว๋ายชิ่งสูดลมหายใจแล้วเขียนข้อความว่า
หมายเลขหนึ่ง ‘รายงานสถานการณ์การศึกได้ตลอดเวลา หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ข้าขอให้ท่านราชครูกับเจ้าสำนักศึกษาจ้าวมาที่เล่ยโจวทันที’
นางวางเศษชิ้นส่วนหนังสือปฐพีลง หันไปมองเว่ยเยวียนกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องโถง แล้วรีบบอกอย่างรวดเร็วเพื่ออธิบายสถานการณ์สั้นๆ
จ้าวโส่วพึมพำ
“ข้าขอให้หยางกงเอาดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ไปเล่ยโจวเพื่อให้ความช่วยเหลือ ส่วนข้า ข้าจะรั้งอยู่ในเมืองหลวงเอง”
เขาพยายามป้องกันไม่ให้ใครบางคนใช้โอกาสนี้ยึดครองเมืองหลวง
พระโพธิสัตว์สำนักพุทธทั้งสามองค์ยังไม่ปรากฏตัว
หวางเจินเหวินดูจริงจัง
“ให้หยางกงใช้ยันต์หยกส่งตัวไปเล่ยโจวก่อน ส่วนท่านราชครู…ผู้นำเต๋าลั่วจะยังรั้งอยู่ในเมืองหลวงชั่วคราว เมื่อพระโพธิสัตว์สำนักพุทธปรากฏตัวขึ้น ท่านราชครูจะได้ให้การสนับสนุนอย่างรวดเร็ว”
เว่ยเยวียนไม่ได้ขัดจังหวะ ไม่มีข้อกังขากับการเตรียมการของหวางเจินเหวิน
สิ่งที่ต้องระวังตอนนี้คือพระโพธิสัตว์สำนักพุทธเข้าโจมตีเมืองหลวง แต่สำนักพ่อมดมิได้กังวล เพราะสำนักพุทธไม่ได้มีแนวคิดเรื่อง ‘ถ้ำ’ อีกแล้ว และเทพพ่อมดแห่งสำนักพ่อมดก็ยังไม่ถูกปิดผนึก
ในช่วงนี้สำนักพุทธอาจไม่แยแสศิษย์ร่วมสำนัก แต่สำนักพ่อมดยังไม่กล้าตายตกตามพวกเขา
จ้าวโส่วโบกแขนเสื้อและส่งเสียงดังเปี่ยมพลัง
“หยางกงจะอยู่เคียงข้างข้า”
ลำแสงแจ่มชัดปรากฏขึ้นด้านข้าง เป็นกรอบโครงร่างคร่าวๆ ของฆราวาสจื่อหยาง หยางกง
เขาสวมชุดทางการสีแดงเข้มและทำงานในที่ทำการปกครอง
“. . .”
ถึงพวกเขาจะเคยเห็นวรยุทธ์ลัทธิขงจื๊อหลายครั้งต่อหลายครั้งแล้ว แต่รูปแบบ ‘ทำตามที่พูด’ นี้ก็ยังทำให้ทั้งสามคนในห้องโถงพูดไม่ออกเพราะหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้
“ท่านเจ้าสำนักศึกษา?”
หยางกงมองไปรอบๆ เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของทุกคน จึงขมวดคิ้วนิ่วหน้าทันที
“เกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวโส่วเล่าให้เขาฟังสั้นๆ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้หยางกงขมวดคิ้วมากขึ้นด้วยความหนักใจ
ฮว๋ายชิ่งเอ่ยวาจาแสดงความจริงใจ
“ขอบคุณท่านมาก”
ตอนที่นางศึกษาอยู่ในสำนักอวิ๋นลู่ นางเป็นลูกศิษย์ของฆราวาสจื่อหยาง
หยางกงพยักหน้าและกำลังจะรับคารวะ แต่จู่ๆ ลำแสงแจ่มชัดก็พุ่งออกจากแขนเสื้อเขาและกระแทกศีรษะฮว๋ายชิ่งอย่างจัง
ฮว๋ายชิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อาศัยสัญชาตญาณจอมยุทธ์ เอื้อมมือไปคว้าลำแสงแจ่มชัดนั้น เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็เห็นว่ามันเป็นไม้บรรทัด
นางจ้องมองหยางกงด้วยความประหลาดใจ
‘ต้องการลอบสังหารจักรพรรดิรึ?’
หยางกงถอนหายใจ
“ฝ่าบาท อย่าเรียกขานข้าว่าท่าน เมื่อเรียกข้าว่าท่าน ก็อย่าพูดคำเช่น ‘ขอคำแนะนำ’ หรือ ‘ช่วยข้าด้วย’ ”
เขาโบกมือและเอาไม้บรรทัดใส่ไว้ในแขนเสื้อ
แล้วจึงอธิบายว่า
“ข้าอุตส่าห์เพียรใช้คัมภีร์สามอักษรฟูมฟักสั่งสอนมาตั้งแต่เยาว์วัย ดังสุภาษิตว่า เป็นความผิดของบิดาที่สอนไม่ดีและเป็นความเกียจคร้านของอาจารย์ที่ไม่สอนอย่างเคร่งครัด”
‘แล้วท่านตีนักเรียนทันทีที่เห็นเลยรึ?’ ฮว๋ายชิ่งเม้มปากพูดน้ำเสียงจริงจัง
“นับว่ามีความรับผิดชอบสูง!”
…
หยางกงยิ้มให้อย่างขมขื่น “ข้าจะถือว่าเป็นคำชมอย่างจริงใจจากฝ่าบาทแล้วกัน”
เขารู้ว่าเวลากำลังจะหมดลง ดังนั้นเขาจึงไม่พูดมาก โบกแขนเสื้อ เลียนแบบการกระทำของจ้าวโส่วเมื่อครู่แล้วพูดเสียงดัง
“ดาบสลักปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์รีบมาหาข้าทันที”
เพื่อประหยัดเวลา เขาพยายามอัญเชิญมงกุฎขงจื๊อต่อ
แต่ไม่มีการตอบสนอง
ทุกคนมองไปที่ฆราวาสจื่อหยาง หยางกงหน้าแดงและพูดทันทีว่า
“ข้าก็อยู่ในสำนักอวิ๋นลู่”
ลำแสงแจ่มชัดส่องขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าเขาแล้วก็อันตรธานหายไป
…
‘เปรี้ยง!’
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าเสินซูระเบิดออก ก้อนดินปลิวไปพร้อมกับเศษเลือดเศษเนื้อ ทำให้เกิดพื้นที่สุญญากาศเส้นผ่านศูนย์กลางหลายจั้ง
ส่วนตัวเขาเองก็ปลิวไปเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ความเร็วสูงพุ่งเข้าหาพระพุทธเจ้า
ด้านหลังพระพุทธเจ้าทางเบื้องขวา มีร่างธรรมมายาปรากฏขึ้นแล้วแวบหายไปทันที เหลือเพียงเสินซูผู้เดียวเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ
ทันใดนั้น ก็ปรากฏรูปพระพุทธเจ้าขึ้นด้านหลังเสินซู มีร่างธรรมวชิระอันเป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะและพลังความแข็งแกร่งอยู่เบื้องหลังทางด้านซ้าย
แขนทั้งสิบสองคู่ยกขึ้นพร้อมกัน
‘เคร้ง!’
เกิดเสียงดังเหมือนตีเหล็ก เสินซูโซเซกลับไปด้านหลัง เลือดเนื้อใต้พระบาทของพระพุทธเจ้ากระเพื่อมเหมือนดังคลื่นน้ำ หักล้างพลังหมัดเทพยุทธ์ครึ่งก้าวจนหมดสิ้น
พระพุทธเจ้ามิได้ทรงถอยกลับ เบื้องหลังมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอีก เป็นร่างธรรมเมตตามหานิยม
บทสวดภาษาสันสกฤตดังก้องไปทั่วโลก ขจัดความโกรธความเกลียดชังทั้งปวงหมดสิ้น
‘แกรก แกรก…’ กงล้อสีทองหมุนไปในทิศทางตรงกันข้ามและคำจารึกพุทธะสีทองสามคำเขียนว่า ‘อสุรา’ ก็สว่างขึ้น
กลิ่นอายของเสินซูลดฮวบลงทันทีจนรู้สึกได้ ทว่าผิวกายสีเข้มของเขากลับโดดเด่นขึ้น ตอนแรกศีรษะของเขากลายเป็นภาพลวงตา จากนั้นแขนขวาของเขาก็กลายเป็นภาพลวงตา แล้วพลังของวงล้อก็หมดลง
ร่างธรรมมหาสังสารวัฏย้อนกลับย่อมหมายถึงการทำให้เสินซูอ่อนแอลงสู่สถานะในอดีต ในทางกลับกัน หากหมุนไปข้างหน้าก็ย่อมเป็นการก้าวไปสู่อนาคต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...