ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง นิยาย บท 903

บทที่ 903 ฉากมหัศจรรย์

……….

“เจ้า…”

ฮวงเขม้นมอง เขากึ่งคาดเดากึ่งตั้งคำถาม

“เจ้าควบคุมกฎระดับสูงอย่างกฎฟ้าดินอยู่รึ?”

มรรควิถีสายใหญ่มีสามพันวิถี มรรควิถีสายเล็กมีมากมายไร้ที่สิ้นสุด ฟ้าดินล้วนกอปรไปด้วยกฎมากมาย เมื่อมีกฎระดับต่ำ ธรรมชาติแห่งแก่นแท้ย่อมต้องมีกฎระดับสูงเป็นของคู่กัน

กฎเหล่านี้ล้วนเชื่อมโยงโลกแห่งจิ่วโจวไว้ด้วยกัน

แม้ฮวงจะมั่นใจอย่างยิ่งในพลังเหนือธรรมชาติซึ่งเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดของตัวเอง แต่เขาก็เข้าใจดีว่าเขาไม่สามารถกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างลงไปได้จริงๆ

เขาไม่มีพลังอำนาจไปต่อต้านกฎแห่งแก่นแท้ระดับสูงบางประการได้

คำอธิบายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นคือ ฮวงสามารถกลืนกินผู้บำเพ็ญขั้นหนึ่งจากระบบหลักๆ ทั้งหมดได้ แต่เขาก็เป็นเพียงผู้แข็งแกร่งระดับสุดยอด แม้ว่าพลังเหนือธรรมชาติซึ่งเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดของเขาจะสามารถสร้างความเสียหายสาหัสสากรรจ์ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะสังหารคู่ต่อสู้ลง

ในบรรดาระบบหลักๆ ทั้งหลาย ขั้นแรกจะเป็นเพียงการบังคับใช้กฎและต้องไปถึงระดับสุดยอดก่อนเท่านั้นจึงจะมีส่วนร่วมใช้พลังในกฎระดับสูง แต่แค่ขั้นแรกในระบบโหร กลับมีคุณสมบัติพิเศษบางอย่างที่มีเฉพาะในระดับสุดยอดของระบบอื่นเท่านั้นให้ใช้เชียวรึ?

“เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้!” ฮวงพึมพำเสียงแผ่วเบาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็คำรามน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว

“เป็นไปไม่ได้!!!”

เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้ และไม่เชื่อว่าในฐานะหนึ่งในเทพมารที่น่าหวาดกลัวที่สุดในสมัยโบราณอย่างเขา จะไม่สามารถกลืนกินปรมาจารย์ลิขิตฟ้าตัวกระจ้อยได้

“ศิษย์ชั่วที่หลอกลวงข้าซึ่งเป็นอาจารย์และทำลายล้างบรรพบุรุษของตัวเองย่อมชื่นชอบกระทำการด้วยสองมือตัวเอง เมื่อเป็นเช่นนี้แม้แผนแรกจะล้มเหลว ก็ยังหยุดยั้งความสูญเสียไว้ได้ทันท่วงทีและตอนนี้ก็ได้ดำเนินการตามแผนสองแล้ว” เสียงของท่านโหราจารย์ที่ดังมาจากเขายาวยังคงความสงบเฉกเช่นนักวางหมากไว้

“ในฐานะอาจารย์ ข้าย่อมเก่งกาจในเรื่องจำพวกนี้แน่นอน”

ฮวงใจสั่นระริก “เจ้าจงใจถูกข้าผนึกงั้นรึ?”

ท่านโหราจารย์ยิ้มแย้มและตอบว่า

“หลังจากเห็นอาวุธเวทมนตร์รุ่นแรกแล้ว ข้าย่อมรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนั้นข้าไม่มีโอกาสชนะ ดังนั้นข้าจึงใช้ประโยชน์จากความโลภอยากได้แก่นแท้จิตวิญญาณผู้เฝ้าประตูของเจ้า ยินยอมโดนเจ้าปิดผนึกก่อน เหอะๆ ไม่ว่าเจ้าจะทำเช่นไรก็ไม่อาจสังหารข้าได้”

ฮวงทำท่าเหมือนถูกหยามศักดิ์ศรี เขาพูดจาสุ้มเสียงลุ่มลึก

“เจ้ามีวัตถุประสงค์อะไรจึงใช้พลังของข้าทลายกำแพงแล้วนำประตูสวรรค์ออกไป? ยอดเยี่ยมจริงๆ แผนของเจ้าสำเร็จแล้ว”

ไม่น่าแปลกใจเลยที่จู่ๆ สวี่ชีอันก็เดินทางไกลไปถึงโพ้นทะเล อุตส่าห์ไปถึงเกาะเทพมารเพื่อแข่งขันแย่งชิงประตูสวรรค์กับเขา

ท่านโหราจารย์ย่อมรู้เรื่องการมีอยู่ของเกาะเทพมารกับประตูสวรรค์มานานแล้ว แต่ในตอนแรกเขาปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ทว่ากลับไม่สามารถเอาชนะผู้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์จากอวิ๋นโจวได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงใช้กลอุบายและดำเนินการตามแผนสอง

ฮวงตะคอก

“ข้าประเมินเจ้าต่ำไป แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าก็รอดต่อไปได้อีกไม่นานหรอก ตอนนี้ข้ากลับคืนสู่จุดสูงสุดแล้ว ข้าว่าพวกระดับสุดยอดที่จิ่วโจวก็น่าจะหลุดพ้นจากผนึกแล้วเช่นกัน อีกไม่นานที่ราบลุ่มภาคกลางย่อมต้องถูกทำลายย่อยยับ”

“เมื่อถึงวันที่ต้าฟ่งถูกทำลาย เจ้าก็ย่อมตายไปด้วย”

ท่านโหราจารย์ส่งเสียงหัวเราะดังออกมาอีกครั้ง

“ไม่ ไม่ ไม่”

“ในแผนของข้า สวี่หนิงเยี่ยนควรจะกลืนกินเจียหลัวซู่เข้าไปและเลื่อนขั้นเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ทำเช่นนั้นทั้งที่ข้าให้โอกาสแล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ออกทะเลเพื่อหาโอกาสเลื่อนขั้นเป็นเทพยุทธ์ครึ่งก้าวด้วยตัวเอง”

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ ฮวงก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งจากนั้นก็รู้สึกถึงวิกฤตที่ไม่อาจอธิบายได้

เพราะสิ่งที่ท่านโหราจารย์พูดคือ สวี่ชีอันไม่ได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้เดิม

นั่นย่อมหมายความว่า ท่านโหราจารย์มีวิธีการอื่นในการแย่งชิงประตูสวรรค์…

แล้วแผนเดิมคืออะไร?

ในเวลานี้ เขาได้แต่ฟังท่านโหราจารย์พูดจากรุ่นรอยยิ้ม

“ข้าเต็มใจถูกเจ้าผนึก เพราะเป้าหมายที่แท้จริงของข้าคือเจ้า”

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ รูม่านตาสีเหลืองอำพันของฮวงก็หดเล็กลงจนมีลักษณะเหมือนเข็ม รู้สึกเหมือนถูกวิกฤตที่ไม่อาจอธิบายได้กลืนลงไปคล้ายจมอยู่ในกระแสน้ำ

นี่คือสัญชาตญาณของเขาในฐานะเทพมารโบราณ

“ข้าเป็นเป้าหมายงั้นรึ?” เสียงเยาะเย้ยลึกๆ ดังมาจากลำคอของฮวง “ไม่ใช่เจ้าหรอกรึ ท่านโหราจารย์!”

“อย่ากังวลไป!” ท่านโหราจารย์ยิ้มเยาะ “ข้าหวังว่าเจ้าจะยังรักษาความมั่นใจนี้ไว้ได้ในอนาคต”

ท่านโหราจารย์ไม่พูดอะไรอีก แต่มีเสียงสวดคาถาลึกลับดังมาจากเขายาวของฮวง

คาถาที่ได้ยินไม่ใช่ภาษาจีนกลางต้าฟ่ง ไม่ใช่ภาษาของมนุษย์หรือปีศาจในประวัติศาสตร์ ไม่ใช่แม้กระทั่งภาษาของเทพมาร

เพราะถ้าเป็นภาษาเทพมาร ก็เป็นไปไม่ได้ที่ฮวงจะไม่เข้าใจ

นี่เป็นภาษาที่ไม่เคยมีมาก่อน

ไม่จำเป็นด้วยซ้ำว่าอาจต้องเป็นภาษา

เมื่อได้ยินคาถาถ้อยคำแปลกๆ จากท่านโหราจารย์แล้ว ฮวงพลันรู้สึกถึงวิกฤตได้ด้วยสัญชาตญาณ จึงปล่อยให้เขายาวทั้งหกเขาขยายตัวเป็นพายุหมุนทันที พยายามใช้พลังเหนือธรรมชาติซึ่งเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิดอย่างเต็มที่

เขายูนิคอร์นหกเขาสร้างพายุหมุนหกลูกและพายุหมุนทั้งหกลูกก็ปะทะกันจนกลายเป็นพายุหมุนลูกใหญ่ยิ่งขึ้น หลุมดำอันน่าสยดสยองกลับคืนมาอีกครั้งและเข้ากลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวมัน รวมทั้งอากาศและแสงสว่างด้วย

แม้ต้องเผชิญแรงกดดันแข็งแกร่งทรงพลังดังกล่าว ลำแสงแจ่มชัดอันเป็นสัญลักษณ์ของท่านโหราจารย์ก็ยังยืนหยัดมั่นคงดังเดิม อีกทั้งเสียงสวดคาถาก็มิได้ขาดหาย หากยังดังขึ้นและดังขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเสียงสวดคาถามาถึงจุดสูงสุดจุดหนึ่ง จู่ๆ ลำแสงแจ่มชัดที่ล่องลอยอยู่ก็พุ่งเข้าใส่พายุหมุน แล้วหมุนวนอย่างรวดเร็วตามพายุหมุนเข้าสู่หลุมดำ ในขณะนั้นเอง ลำแสงแจ่มชัดก็ ‘จุดชนวน’ ให้เกิดภาวะชี่พร่องอันเป็นการจุดชนวนให้เกิดหลุมดำ

ทันใดนั้น พายุหมุนกับหลุมดำที่เกิดจากลำแสงแจ่มชัดก็ก่อตัวขึ้น

บังเกิดเป็นเกลียวลำแสงแจ่มชัดหมุนวนสูงหลายร้อยถึงหลายพันจั้ง ทรงพลังยิ่งนัก

บนฟากฟ้า หมู่เมฆเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงรุนแรง จากนั้นบนยอดฟ้าสูงลิบลิ่ว ประตูแสงลัทธิเต๋าพลันเปิดออกและแล้วพายุลำแสงแจ่มชัดหมุนวนก็มาถึงประตูแสง

“ไม่ ไม่…”

ฮวงส่งเสียงร้องน่าหวาดกลัวดังมาจากหลุมดำ และแล้วความสงบเยือกเย็นของเทพมารที่ทรงพลังที่สุดในสมัยโบราณก็สูญสิ้นไปอย่างสิ้นเชิง

ประตูแสงลัทธิเต๋าบานนั้นกำลังดูดซับแก่นแท้จิตวิญญาณของเขาอยู่ ดุจเดียวกับที่ดูดซับแก่นแท้จิตวิญญาณของเทพมารในสมัยนั้น

ฮวงพลันเปลี่ยนวิถีกลับคืนสู่ฟ้าดิน

“ท่านเปิดประตูสวรรค์ได้อย่างไร ท่านเป็นใครกันแน่?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง