บทที่ 910 ถึงคราวโชคเข้าข้าง (2)
……….
สวี่ชีอันมองตามร่างโหราจารย์ลอยไปตามลมจนกระทั่งลับสายตา
สีสันสุดท้ายในสายตาเทพยุทธ์ครึ่งก้าว ดูเหมือนจะหายไปพร้อมโหราจารย์ ใบหน้าเขาสะท้อนสีหน้าที่ยากจะอธิบาย จนกล้ามเนื้อแก้มกระตุกเบาๆ เขาก้มหน้าลง ไม่ยอมให้เทพกู่และฮวงเห็นสีหน้าตนเอง
“เมื่อครู่เจ้าหลอกข้าอีกแล้วสินะ”
ฮวงเหลือบมองเทพกู่อย่างอดไม่ได้ เอ่ยถามด้วยเสียงตำหนิ
เทพกู่ตอบเสียงเรียบ
“แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะโดนปั่นหัวง่ายเสียขนาดนั้น ต่อจากนี้ อยู่เหนือการควบคุมของข้าแล้ว”
“อีกนิดเดียว ถ้าเขาทำสำเร็จตั้งแต่ก่อนหน้านี้ บางทีตอนนี้อาจเป็นเราที่เผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง”
พูดถึงตรงนี้ สายตาสุกใสอันเฉียบคมของเขาเคลื่อนไปมองสวี่ชีอันที่ยืนก้มหน้า
“ต้องยอมรับว่าเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามกว่าในบรรดามนุษย์ที่ข้าเคยเจอ แม้นเจ้าไม่ได้อยู่ในสามอันดับแรก แต่อันดับสี่ก็เพียงพอแล้ว หากเทียบกับพระพุทธองค์ในร่างจำแลงอื่นหรือเสินซู ต้องแกร่งอีกหน่อย”
สวี่ชีอันถือดาบมือซ้าย กระบี่มือขวา ยังคงก้มหน้านิ่ง
หลังจากฟังเทพกู่พูดอย่างเงียบๆ จนจบ เขาจึงเอ่ยถามเสียงเรียบไร้อารมณ์เจือปน
“ข้ามิอาจเทียบชั้นปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ได้ แล้วอีกสองคนนอกจากนั้นคือผู้ใด?”
เทพกู่ตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“พระพุทธองค์ร่างปรมาจารย์เต๋านิกายมนุษย์ เทพพ่อมดที่ยังคงดำรงอยู่มาช้านาน”
ระหว่างพูด เขาเริ่มตบตาสวี่ชีอัน เจดีย์พุทธะ ดาบสยบดินแดนตามลำดับ
ม้ายูนิคอร์นที่นอนบนพื้นกลับคืนสู่เหนือหัวฮวง ยูนิคอร์นทั้งหกรวมเป็นหนึ่ง กลายเป็นหลุมดำที่กลืนกินทุกสิ่ง
พุ่งเข้าหาสวี่ชีอัน
‘พึ่บ’…เกิดพายุหมุนม้วนเขาลากเข้าไปอยู่กลางหลุมดำ แก่นชีวิตทั้งหมดโดนดูดเข้าไปในหลุม
เทพยุทธ์ครึ่งก้าวผู้นี้ไม่ได้ต่อต้าน ดูเหมือนเขาจะยอมแพ้และยอมรับชะตากรรม
“ที่เจ้าเปรียบพระองค์ท่านกับปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นการดูถูกปราชญ์ขงจื๊อ ที่เอาพวกเขาไว้ลำดับก่อนหน้าข้าก็เป็นการดูถูกตัวข้า”เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าสงบนิ่ง หากแต่ลึกเข้าไปในดวงตา ความโศกเศร้าและสูญเสียยังคงสะท้อนอยู่
ครู่ต่อมา ความเสียใจเหล่านี้ถูกแทนที่ด้วยจิตอาฆาตอันบ้าคลั่ง
ปราณโลหิตหลั่งไหลราวกับน้ำท่วมทะลัก ปราณชีวิตที่ทรงพลังยิ่งกว่าฟื้นฟูในร่างกายเช่นกัน จิตวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกกายหยาบ เริ่มถ่ายโอนแก่นชีวิตซ่อมแซมอาการบาดเจ็บไม่หยุดหย่อน
ลมปราณของสวี่ชีอันไม่ใช่แค่ไม่ลดน้อยลง แต่ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พวกสิ้นหวังถอยไม่ทันแล้ว!
‘หยกสลาย’ เป็นวิถีของสวี่ชีอัน เป็นมรรควิถีของเทพยุทธ์ครึ่งก้าว
มีเพียงห้วงมรรตัยเท่านั้น เขาถึงจะเข้าถึงมรรควิถีของตน เพื่อใช้พลังหยกสลายได้อย่างแท้จริง
สิ่งนี้ไม่สามารถกระตุ้นได้ด้วยการสะกดจิตตัวเองและไม่สามารถกระตุ้นได้ในช่วงวิกฤตสั้นๆ ต้องเป็นสภาวะสิ้นหวังจริงๆ เท่านั้น เขาถึงจะควบคุมหยกสลายได้อย่างเต็มกำลัง
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การต่อสู้กันครั้งก่อน สวี่ชีอันไม่ได้แสดงด้านที่ทรงพลังของตน ไม่แม้แต่ระเบิดพลังออกมาในอย่างจอมยุทธ์ที่ภาคภูมิใจ
ครั้นเห็นโหราจารย์หวนสู่วิถีสวรรค์ ทุกสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่สามารถแก้ไขได้ เมื่อความหวังสุดท้ายพังทลาย ไร้ซึ่งหนทางหนี
มันกลับผลักดันให้เขาก้าวสู่จุดสูงสุด
สวี่ชีอันที่ถูกขังอยู่ในหลุมดำปล่อยให้ปราณโลหิตไหลทะลักโดยไม่ตื่นตระหนกและเดือดพล่าน ดีดนิ้วหนึ่งที
‘เป๊าะ!’
หลุมดำพลันหยุดนิ่ง จากนั้นเสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากด้านใน
แก่นโลหิตที่ถูกกลืนหายไปอย่างไร้ร่องรอยทันทีที่เสียงดีดนิ้วดัง
หน้าผากสวี่ชีอันมีรอยเส้นเลือดปูดโปน ลวดลายที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งปรากฏขึ้น เขาปักดาบลงบนพื้นแล้วกำหมัดแน่น
‘ปึง!’
เวลานี้ เงาดำแผ่ขยายจนมืดฟ้ามัวดินปกคลุมร่างสวี่ชีอัน เทพกู่ร่วงลงจากฟ้า ร่างมหึมาล้มลงกองเหมือนภูเขาไท่
ควันสีแดงเข้มพ่นออกมาตามรูขุมขน ร่างยักษ์ใหญ่ยุบยวบลงเป็นชิ้นเดียว อากาศโดยรอบเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง
ครั้งนี้ สวี่ชีอันไม่ได้ตาบอด เพราะก่อนเทพกู่จะล้มลง เขาคายร่างโฉมสะคราญงามล่มเมืองออกมา ทั้งรูปร่างสะโอดสะองไร้เส้นขน ทรวงอกเต็งตึง บั้นท้ายเป็นทรงชัด เอวคดคอดอรชรเย้ายวนใจ กระตุ้นกามารมณ์ได้อย่างดี
เทพกู่จุดประกายตัณหาของสวี่ชีอันอีกครั้ง
นอกจากนี้ โฉมงามเหล่านี้ยังมีพิษสงร้ายแรงพอที่จะฆ่าจอมยุทธ์ขั้นหนึ่ง ทั้งยังสามารถควบคุมซือกู่ของเทพยุทธ์ครึ่งก้าวได้อย่างแนบเนียน ในขณะเดียวกัน เทพกู่ยังสามารถควบคุมจิตใจสวี่ชีอันได้ด้วย
แต่ในดวงตาสวี่ชีอันมีเพียงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้สูงลิ่ว ยอมตายโดยไม่ยี่หระสิ่งใดทั้งสิ้น
ไม่ใช่ว่าไร้ตัณหา แต่ความสิ้นหวังเอาชนะอารมณ์ทั้งปวง ปณิธานแห่งการต่อสู้จึงไม่สั่นคลอน
หดเอว กำหมัดแน่น แล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
โฉมสะคราญสะท้านแผ่นดินหลอมละลายเป็นพลังหมัด พลังหมัดพุ่งขึ้นพร้อมกับเสียง ‘ตู้ม’ ดังสนั่น พลังหมัดทะลวงผ่านเงามืด ร่างเทพกู่เกิดรอยแยก ผิวหนังและชั้นเนื้อฉีกขาด เลือดสดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นดั่งเม็ดฝน
แต่เขายังคงอาศัยร่างกายอันทรงพลังและพละกำลังเหนือกว่าเทพยุทธ์ครึ่งก้าว เอาชนะสวี่ชีอัน
‘ตึง!’
แผ่นดินสั่นสะเทือน เกิดกลุ่มควันลอยฟุ้งขึ้นมา หลังจากระลอกคลื่นลมปราณแผ่กระจายทั่วสารทิศ พวกมันรวมตัวกันเป็นพายุทรายที่น่าสะพรึงกลัว
หลุมขนาดมหึมาปรากฏขึ้นบนเกาะเทพมาร ในก้นหลุมคือภูเขาเนื้อ
หลังจากกำราบสวี่ชีอัน เทพกู่ใช้วิธีเดียวกันกับเมื่อเหตุการณ์ไม่นานมานี้ สั่งให้ตู๋กู่กัดกร่อนเขา ซือกู่สมสู่เขา ฉิงกู่มอมเมาเขา ตั้งใจจะทำลายเทพยุทธ์ครึ่งก้าวที่อ้างตนว่าเป็นอมตะทีละนิด
ฮวงรออยู่ในระยะไกลๆ รอโอกาสเคลื่อนไหว กลับไม่ขยับเข้ามาแย่งต่อสู้
ประการแรก เทพยุทธ์ครึ่งก้าวไม่อาจฆ่าได้ง่ายๆ ประการต่อมา เขาได้ ‘กลิ่นอาย’ ที่คุ้นเคย
แน่นอนว่า ร่างกายมหึมาของเทพกู่เริ่มกระตุก ภูเขาเนื้อลูกนี้บางทีก็ตึงเครียด บางทีก็ผ่อนคลาย เหมือนกำลังทะเลาะกับใครบางคนอยู่
เขาถูกยกขึ้นช้าๆ ร่างเงาที่โอนเอนอยู่ด้านล่าง คือสวี่ชีอันที่กำลังแบก ‘ภูเขา’
ผิวหนังของเขาโดนกัดกร่อนจนดวงตาทั้งสองข้างกลวงโบ๋ กระดูกทั้งหมดแตกหัก จื่อกู่จำนวนนับไม่ถ้วนฝังอยู่ในร่างกาย แข่งกันครอบครองร่างกายของเขา
แต่ทันทีที่เขาแบกภูเขาเนื้อ อาการบาดเจ็บทั้งหมดก็ฟื้นคืนมา จื่อกู่ตัวอวบยาวเจาะออกมาตามรูขุมขน ร่วงลงแห้งตายทีละตัว
พละกำลังของเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น
ฮวงไม่แปลกใจเท่าไรนัก เขานึกถึงยุทธการหนีเคราะห์กรรมที่โค่นราชวงศ์เดิมของที่ราบภาคกลาง
ช่วงเวลานั้น สวี่ชีอันเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสอง อาศัยจิตวิญญาณจากต้นไม้อมตะและ ‘มรรควิถี’ ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในสงครามแต่ละครั้ง เพื่อซื้อเวลาให้ลั่วอวี้เหิงเลี่ยงมหาเคราะห์กรรม
จึงทำให้สถานการณ์กลับตาลปัตร
‘แก่นวิญญาณต้นไม้อมตะกับหยกสลายของเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ…’ ฮวงค่อนแคะในใจ ปล่อยให้เขาทั้งหกเหนือศีรษะสร้างพายุหมุน พัฒนากลายเป็นหลุมดำ พุ่งเข้าหาเทพกู่และสวี่ชีอัน
“อย่าปล่อยให้เขามีโอกาสซ่อมแซมร่างกาย เขาจะยิ่งแกร่งขึ้น!”
สิ้นเสียง สวี่ชีอันยกขาเตะภูเขาทั้งลูกขึ้นกลางอากาศ ก่อนหายตัวไป
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ก็อยู่บนท้องฟ้าแล้ว
ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม สวี่ชีอันกางแขนขายืดออก ความแข็งแกร่งที่ไม่เคยมีมาก่อนแล่นผ่านแขนขาทั้งสี่ ผิวหนังกลายเป็นสีแดงเลือดแปลกๆ เม็ดเลือดไหลซึมจากรูขุมขน สิ่งนี้เกิดจากการขยายตัวของกล้ามเนื้อทำให้เส้นเลือดฝอยแตกตัว
พลังของเขาเหนือกว่าเทพยุทธ์ครึ่งก้าว ขึ้นสู่ระดับที่ประเมินไม่ได้
เพราะบนโลกไม่เคยมีเทพยุทธ์และจอมยุทธ์ที่มีพลังอย่างเขาในตอนนี้
สวี่ชีอันยื่นมือออกมากลางอากาศคว้าดาบไท่ผิง รวบรวมสมาธิ หลอมรวมพลังปราณทั้งหมด จุดตันเถียนกลายเป็น ‘หลุมดำ’ ดูดซับพลานุภาพทั้งหมดทั้งมวล
ต่อจากนั้น เขารีบใช้จังหวะที่เทพกู่กำลังสร้างมายา ง้างดาบไท่ผิงฟันออกไป
หยกสลาย!
สิ่งนี้ไม่ใช่แค่วิธีสังหารที่ทรงพลังที่สุดเท่านั้น แต่เป็นวิธีป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาด้วย
เพราะพลังที่เกิดจากการโจมตีใดๆ จะถูกหลุมดำดูดกลืน
ระหว่างฟ้าดิน แสงดาบสีทองเข้มกะพริบหายในพริบตา
ครู่ต่อมา หลุมดำยุบลง ฮวงในร่างมนุษย์แพะแปรสภาพเป็นร่างเดิม บาดแผลที่เกือบตัดเอวเขาขาดครึ่งท่อนปรากฏขึ้น กลิ่นเลือดพลันฟุ้งกระจายในอากาศ
เขาร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด
สูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้า เอวของสวี่ชีอันแยกออก ฉีกกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังจากกัน ทันทีที่ได้รับการบำรุงจากแก่นจิตวิญญาณต้นไม้อมตะและการซ่อมแซมจากปราณโลหิตของเทพยุทธ์ครึ่งก้าว จึงฟื้นตัวในทันใด
สวี่ชีอันที่อยู่กลางอากาศหายตัวอีกครั้ง แล้วปรากฏตัวอยู่ด้านหลังฮวง
‘ฉึบ!’
ดาบไท่ผิงเสียบเข้ากลางหลัง จากนั้นก็หายไปทันที ครู่ต่อมา ร่างของฮวงก็แยกจากกัน กระดูกซี่โครงค่อยๆ หักทีละอัน
ฮวงกรีดร้องด้วยความเคียดแค้นและเจ็บปวด ตั้งแต่สิ้นสุดยุคเทพมาร ร่างกายที่แท้จริงของเขาก็ไม่เคยได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้มาก่อน
ภาพตรงหน้ามืดลง สวี่ชีอันสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้าการรับรู้ทั้งหก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง
ขอเรื่องนี้อีกเรื่องได้ไหม "เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า" ยังอ่านไม่จบเลย...
ทุกเรื่องเลยครับที่อ่านไม่จบอ่านกำลังมันอยู่ดีๆก็หยุดขอให้เรื่องนี้ไม่หยุดได้ไหมครับ ถ้าเรื่องนี้ไม่จบเราก็จะไม่อ่านนิยายของ th.freechap.com แล้วครับ...