แม้ว่าพวกศิษย์น้องคนอื่นๆฉินจุนจะนึกไม่ค่อยออก แต่ถ้าเป็นหม่าเหลียงเทียนนั้นเขาจำได้แม่น
เมื่อไม่กี่ปีก่อนชายอ้วนคนนี้ได้กลับไปเยี่ยมท่านอาจารย์มา เขานำดาราหญิงกว่าสิบคนมาด้วยมีทั้งนางแบบ นักร้องและนักเต้นรำ มาระบำรำฟ้อนเฉลิมฉลองอย่างกับเหล่าสาวงามในวังหลวง แสดงให้ท่านอาจารย์ดู
ผลสุดท้ายถูกเย่ซวนหยวนทุบไปหนึ่งทีและให้บอกลงจากเขาไปให้หมด
มาคิดดูแล้วหม่าเหลียงเทียนก็นับว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์เช่นกัน
เพียงแต่ว่าศิษย์น้องคนนี้ปกติแล้วจะเขาอยู่แถวท่าเรือเทียนจินตลอดไม่คิดว่าครั้งนี้จะเข้ามาที่แผ่นดินใหญ่
ภายในเวลาไม่กี่ปี ธุรกิจบันเทิงทั่วประเทศพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว ในแผ่นดินใหญ่หม่าเหลียงเทียนก็นับว่ามีอิทธิพลอยู่มากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นวงการภาพยนต์ ดนตรีหรืออื่นๆก็ตามเขาล้วนมีสิทธิออกเสียงในการกำหนดทิศทางความคิดเห็นของผู้คน
หลังจากที่พึ่งวางสายโทรศัพท์จากซุนเจี้ยนหมิ่น หม่าเหลียงเทียนก็โทรมาทันที
“ศิษย์พี่ ผมเองหม่าเหลียงเทียนหรือเจ้าอ้วนหม่า เราเคยเจอกันมาก่อนนะครับ ! ”
ฉินจุนหัวเราะ “ใช่ ฉันจำนายได้ ”
“ฮ่าๆๆๆ ดีจริงๆ ศิษย์พี่ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว อีกเดี๋ยวเดียวก็จะขึ้นบินแล้ว คืนนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ ! บนเครื่องบินลำนี้มีพนักงานบริการอยู่สองคนทั้งสวยทั้งขาวและขายาว พี่อยากได้ไหม…… ”
“หยุดเลยหยุด ! “ฉินจุนรีบพูดสกัดเขาไว้ก่อน ก็ไม่รู้ว่าในวงการบันเทิงนี้ชายอ้วนได้ผู้หญิงไปกี่คนแล้ว ในสมองของเขาถึงได้มีแต่เรื่องพรรนี้
“ฉันกำลังมีเรื่องอยากให้นายช่วยอยู่พอดี ”
“ศิษย์พี่พูดอะไรอย่างนั้นหละ ได้อยู่แล้วสิเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันนะ ! ”
ในบรรดาศิษย์น้องมากมายเหล่านี้ หม่าเหลียงเทียนนับว่าเป็นคนที่จนที่สุดแล้ว แถมยังเป็นคนไม่ถือตัว อาจจะเป็นเพราะฐานะของเขาตลอดหลายปีมานี้ในวงการบันเทิง เขาต้องเผชิญเรื่องยากๆมานับไม่ถ้วนจนเข้าใจวงการบันเทิงเป็นอย่างดี
หลังจากที่ทั้งสองคุยเสร็จสรรพแล้ว หม่าเหลียงเทียนก็สั่งให้ออกเดินทางทันที และเรื่องที่ตกลงกันไว้เมื่อครู่นี้สำหรับฉินจุนแล้วเขาตั้งตารออย่างเต็มที่
หลังจากนั้น ฉินจุนก็กดเบอร์โทรศัพท์โทรหาซูเหวินฉี
“คอนเสิร์ตคืนนี้เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว ? ”
ปลายสายโทรศัพท์ได้ยินเสียงอันสดใสของซูเหวินฉีตอบกลับมา “คนไม่ได้เยอะสักหน่อยจะต้องเตรียมอะไรมากมายหละ แค่ร้องเพลงก็โอเคแล้ว ”
ฉินจุนหัวเราะออกมา “ได้ยังไงกันหละ เพื่อนๆของฉันเป็นแฟนคลับเธอทั้งนั้นเลยนะ อย่ามาตื่นเต้นทีหลังก็แล้วกัน ”
“ซูเหวินฉียิ้มเจื่อน นายไม่ต้องห่วงหรอก ฉันน่ะมืออาชีพนะขอบอก ! คอนเสิร์ตที่มีคนเป็นหมื่นคนกับคอนเสิร์ตที่มีคนสองสามคนมันไม่ต่างกันหรอกหรอก เอาหละ ฉันจะต้องล่วงหน้าไปเตรียมตัวก่อนแล้ว พวกนายก็รีบมากันนะ ! ”
ทั้งสองคนคุยกันอีกไม่กี่ประโยคก็วางสายโทรศัพท์
จากนั้นฉินจุนก็ขับรถไปรับซูเหวินฉีด้วยตัวเอง โดยวันนี้ขับเป็นรถประจำตำแหน่งของเธอ
เมื่อขึ้นมาบนรถซูเหวินฉีก็ปิดผ้าม่านอย่างเคยชิน และบนรถก็จะมีเพียงพวกเขาสามคนก็คือพี่เถียนผู้จัดการ ฉินจุนและตัวเธอเอง
“เหวินฉี แสดงให้ดีดีเลยนะ ”
อยู่ต่อหน้าพี่เถียน ซูเหวินฉีจะยังคงรักษาท่าทีที่สุขุมเรียบร้อย
“รับทราบค่ะ ”
ผู้ชมมีแค่ไม่กี่คน ให้แสดงดีดีอะไรกันหละ ผ่อนคลายสักหน่อยอาจจะช่วยให้ร้องเพลงได้ดีขึ้น
เมื่อรถแล่นขึ้นเขาไปได้ครึ่งทาง จู่ๆพี่เถียนก็ลงจากรถ
“เหวินฉี พี่ไปทำธุระก่อนนะ ช่างแต่งหน้ากับทีมงานรอเธออยู่ที่ยอดเข้าแล้ว ”
หลังจากที่พี่เถียนจากไปซูเหวินฉีก็เริ่มขมวดคิ้ว
“อะไรของพี่เถียนเค้าเนี่ย ก็แค่คนดูไม่กี่คนเองทำไมต้องมีช่างแต่งหน้ากับทีมงานด้วยหละ ? ”
ฉินจุนหัวเราะ “เธอลองเปิดม่านออกดูสิ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง