ทุกคนต่างพากันหันไปมองตามเสียง เห็นชายสูงอายุท่าทางภูมิฐานยืนอยู่ที่หน้าประตู มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่ด้านหลัง อายุน่าน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเฝิงชู่เฉียง หน้าตาก็คล้ายกัน
“พี่ใหญ่?” เฝิงชู่เฉียงตะโกนเรียก
นี่คือพี่ชายของเขาเองชื่อว่าเฝิงชูเหวิน พอได้ยินว่าบิดาผู้บังเกิดเกล้าล้มป่วย เขาก็รีบกลับมาทันที
เมื่อเฝิงชูเหวินเห็นสภาพของผู้เฒ่าเฝิง สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“ตารอง!นายดูแลคุณพ่อประสาอะไร ทำไมคุณพ่อถึงได้ป่วยหนักขนาดนี้!”
เฝิงชู่เฉียงได้แต่ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้
“พี่ใหญ่ไม่ต้องพูดแล้ว ผมเชิญนายแพทย์อัจฉริยะฉินมาที่นี่แล้ว ผมเชื่อว่าอีกไม่นานคุณพ่อต้องหายดี”
เฝิงชูเหวินเหลือบมองฉินจุนก่อนจะขมวดคิ้ว
“หมอนี่น่ะเหรอ?ตารองนายเล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้ ตระกูลเฝิงของเราเป็นตระกูลแบบไหน?คุณพ่อมีฐานะระดับไหน?นายกลับเชิญหมอธรรมดา ๆ แบบนี้มารักษาท่านอย่างนั้นเหรอ?”
สีหน้าของเฝิงชู่เฉียงเปลี่ยนไปทันที เขารีบเอ่ย
“พี่ใหญ่อย่าพูดอะไรซี้ซั้ว!ถึงแม้ว่าท่านปรมาจารย์ฉินยังอายุยังน้อย แต่ท่านเชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์มาก ๆ ใครก็ต่างยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ฉิน ขนาดผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลต่าง ๆ ยังนับถือท่านเลย เพราะฉะนั้นคนอื่นไม่ต้องพูดถึงเลย”
เฝิงชูเหวินหัวเราะอย่างสมเพชออกมา “เรื่องตลกจริง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เด็กน้อยแบบนี้ก็สามารถเรียกตัวเองว่าเป็นปรมาจารย์?ถ้าบอกว่าเป็นปรมาจารย์ คุณหมอที่ฉันเชิญมาต่างหาก ถึงจะเรียกว่าปรมาจารย์ของจริง”
พูดไปเฝิงชูเหวินก็ทำการแนะนำชายวัย 50 กว่า ๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้าง ท่าทางดูเหมือนพวกนักพรต สวมใส่ชุดคล้าย ๆ กี่เพ้าแต่เป็นของผู้ชาย ร่างกายซูบผอม ไว้เครายาวผมสีดอกเลา แค่เห็นก็ดูมีออร่า
“ท่านนี้สิถึงเรียกว่าผู้เชี่ยวชาญของจริง มีใบรับรองแพทย์ระดับประเทศ เขาคือผู้สืบทอดของหลี่ฉือเจิน หลี่เจี้ยนหง!”
สีหน้าของหลี่เจี้ยนหงเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มองฉินจุนพร้อมกับเอ่ยถาม
“เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนาย กล้ามารักษาคนอื่น เล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้?นายมีใบรับรองประกอบวิชาชีพแพทย์ไหม?มีใบรับรองแพทย์สูงสุดไหม?มีใบรับรองแพทย์ระดับประเทศไหมล่ะ?ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ที่หลี่เจี้ยนหงทะนงตนขนาดนี้ก็เพราะเขามีความสามารถจริง แพทย์ระดับประเทศ ทั้งประเทศนั้นมีเพียงไม่กี่คน ต่างก็เป็นแพทย์มือฉมังจากแต่ละภูมิภาค
ได้ยินดังนั้น ฉินจุนเพียงแค่ยิ้มบาง ๆ ออกมา “จริงอยู่ที่ว่าผมไม่ใช่แพทย์ระดับประเทศจริง แต่ว่าที่คลินิกของผมก็มีแพทย์ระดับประเทศคนหนึ่ง”
ข่งฝานหลินเป็นแพทย์ระดับประเทศ เป็นแพทย์ระดับประเทศที่อายุน้อยที่สุด ถ้าหากวัดระดับความสามารถกันแล้ว ข่งฝานหลินนั้นเก่งกว่าเขามาก
พอฉินจุนเอ่ยจบ หลี่เจี้ยนหงก็ชะงัก จากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ไอ้เด็กน้อย นายนี่ขี้คุยใช้ได้แฮะ นายจะบอกว่า นายรู้จักแพทย์ระดับประเทศคนหนึ่งที่เขาทำงานให้นายอย่างนั้นเหรอ?”
“ถูกต้องครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!ฉันทำงานวงการแพทย์มานานหลายปี ก็เคยเห็นคนโอ้อวดมาบ้าง แต่ขี้โม้แบบนายขนาดนี้ ฉันเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก”
“เอาล่ะพอละ พวกตัวประกอบอย่างนาย ไม่ต้องมาหลอกคนอื่นเขาที่นี่ รีบไสหัวไปซะ อาการป่วยของท่านผู้เฒ่าเฝิง มีฉันรักษาคนเดียวก็พอแล้ว”
หวังอี้สุ่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างมองซ้ายมองขวาด้วยสีหน้าลำบากใจก่อนจะเอ่ย
“น้องเฝิง ท่านปรมาจารย์ฉินท่านนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ขนาดหมอสองท่านนี้ยังนับถือเขามาก ๆ เลย ถ้าไม่เชื่อนายก็ลองถามดู”
นายแพทย์สองคนที่ยืนอยู่ด้านข้างก็รีบพยักหน้ารัว ๆ
หลี่เจี้ยนหงเอ่ย “ล้อเล่นอะไรกัน? ฉันได้ยินเมื่อสักครู่ที่หมอนี่บอกว่าจะฝังเข็มให้ท่านผู้เฒ่าเฝิง ฉันก็รู้แล้วว่าหมอนี่ไม่ได้เก่งอะไร”
“ตอนนี้ท่านผู้เฒ่าเฝิงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร พลังหยางในตับกำลังปะทุ ถ้าหากฝังเข็มลงไป ก็จะทำให้สูญเสียลมปราณอย่างรุนแรง จะยิ่งทำให้อาการป่วยทรุดหนักเข้าไปอีก ไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้ พวกคุณไม่ควรเชื่อจะดีกว่า”
ฉินจุนจึงส่งเสียงอย่างไม่พอใจ “น่าเสียดายที่คุณเป็นถึงแพทย์ระดับประเทศ แต่รู้เพียงแค่ว่าถ้าใช้เข็มจะทำให้พลังหยางในตับปะทุ แต่กลับไม่รู้ว่าการฝังเข็มที่ด้านหลังจะช่วยดับร้อนในตับ”
หลี่เจี้ยนหงหัวเราะอย่างสมเพช “ถ้าจะฝังเข็มที่หลังเพื่อดับความร้อนในตับ จากสถิติแล้ว มีเพียงการฝังเข็มแบบไท่อี่เท่านั้นที่จะสามารถทำได้ นายไม่ต้องมาสอนฉัน ถ้าไอเด็กน้อยอย่างนายเชี่ยวชาญการฝังเข็มแบบไท่อี่ ตอนนี้ฉันยิ่งสงสัยเข้าไปใหญ่ว่านายกำลังหลอกลวงคนอื่น”
สองพี่น้องตระกูลเฝิงต่างมองซ้ายมองขวาด้วยสีหน้าลำบากใจ เรื่องเกี่ยวกับการแพทย์พวกเขาเองก็ไม่รู้เรื่อง จึงไม่กล้าที่จะแทรก พวกเขารู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายต่างพูดถูก แต่ก็ไม่รู้ว่าใครพูดถูกมากกว่ากัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง