ฉินจุนยิ้มและพูดว่า “อาสะใภ้รอง นี่คือบ้านของเรา คุณอารองต่อไปก็อยู่ที่นี่นะครับ”
ไช่หยานก็ตาโตขึ้นมา “นี่. นี่คือบ้านของเธอเหรอ?”
สถานที่ใหญ่โตเช่นนี้ ไกลสุดลูกหูลูกตา สะพานเล็กๆที่เต็มไปด้วยน้ำและนก มันพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าเป็นวิวระดับAAAAAที่ดีเยี่ยม สถานที่แบบนี้มันคือบ้านของเค้าอย่างงั้นเหรอ?
ไช่หยานมองดู นี่มันเป็นครั้งแรกเลย ที่แท้มันก็คือการสร้างบ้านที่หรูหราขนาดนี้เลยเหรอ?
เค้าขับรถวนไปรอบๆ ให้อารองเลือกบ้านเองและอาศัยอยู่ที่นั่น
เรียกแม่บ้านคอยบริการตลอด
“อาสะใภ้รอง มีอะไรก็บอกพวกแม่บ้านได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
ไช่หยานก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของเธอดูหงอย ตระกูลฉินไม่ใช่ว่ากำลังตกต่ำอย่างงั้นเหรอ ทำไมคุณชายตระกูลฉินถึงได้ยังร้ายกายแบบนี้?
ฉินจุนเริ่มหยิบตำราโบราณออกมาอ่าน โรคของอารองนี่ มันเป็นโรคที่รักษายากจริงๆ
เพราะอาการป่วยมันยาวนานเกินไป ความเจ็บป่วยเมื่อสิบปีก่อนแล้วก็ยังจะมีโรคประจำตัวอยู่อีก มันทำให้ร่างกายของอารองมีปัญหาทั้งหมด แต่การรักษามันก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรขนาดนั้น
หลังจากที่ผ่านไปสองสามชั่วโมง ในที่สุดลุงรองฉินก็ฟื้นขึ้นมา เค้าแทบจะลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปหมดแล้ว ฉินจุนก็ให้ยาเค้ากิน
“อารอง ดื่มยาก่อนแล้วฉันจะฝังเข็มให้คุณ อาการมันจะดีขึ้นในอีกสองสามวัน”
อาการเจ็บป่วยแบบนี้มันจะรีบร้อนไม่ได้ ดังนั้นฉินจุนก็เลยเตรียมที่จะรักษาอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป โดยหวังว่าจะรักษาอารองของเค้าอย่างดีที่สุด
หลังจากที่อารองฟื้นขึ้นมาแล้ว ฉินจุนเรียกคนสองสามคนเข้ามาตัดผมให้อารอง จัดการกับรอยฟกช้ำบนร่างกายของเค้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว เค้าก็ดูเปลี่ยนไปในทันที
ถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ได้นั่งหลังตรง แต่ท่าทีกับสติของเค้ามันก็ดูฟื้นคืนกลับมาแล้วเล็กน้อย
ไช่หยานก็มองตาค้าง ดูเหมือนว่าฉินจุนจะพูดถูก เมื่อสิบปีที่แล้ว เหล่าฉินเค้าจะต้องกลายเป็นที่แข็งแกร่ง
อาการของอารองนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้แต่ฉินจุนเองก็พบว่ามันค่อนข้างยุ่งยาก เค้าเรียนหมอกับอาจารย์อาวุโสมาแล้วหลายคนผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงในตงไห่รวมถึงหนังสือทั้งห้องสมุด
ฉินจุนยังคงต้องการหนังสืออีก ท้ายที่สุดแล้วสมองของเค้ามันก็ไม่ใช่เครื่องจักร โรคที่ไม่ได้หาเจอกันได้ง่ายๆแบบนี้ มันต้องการความรู้ในหนังสือเพื่อยืนยัน
นอกจากหนังสือการแพทย์ในหอสมุด ผู้เชี่ยวชาญในเมืองก็ย้ายของสะสมจากบ้านออกมาด้วย นี่มันก็รวมไปถึงตำราโบราณหลายเล่ม ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสเหล่านี้ก็เก็บไว้เป็นของส่วนตัวที่บ้าน ตอนนี้พวกมันก็อยู่ในบ้านของฉิน
ฉินจุนกับคนอื่นๆ เริ่มค้นคว้าหนังสือในห้องสมุด เมื่อทุกคนเห็นความกระตือรือร้นของอาจารย์ฉิน พวกเค้าต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับรายละเอียดของผู้ป่วยรายนี้
ฉินจุนก็พูดสั้นๆขึ้นมาว่า เกี่ยวกับอาการของอารองฉินรวมถึงภาวะชีพจร ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
เกรงว่าการที่จะรักษาให้หายจากโรคเรื้อรังที่เป็นมากว่าสิบปีนี่เป็นเรื่องยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นความจำเสื่อมแบบนี้มันก็ถือได้ว่าเป็นปัญหาทางจิตอย่างหนึ่ง คนไข้เองก็เจ็บปวดกับความทรงจำในอดีตแล้วก็ยังจะมาได้รับบาดเจ็บอีก
ฉินจุนก็เข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นเค้าก็เลยไม่กังวลอะไร แต่ค่อยๆคิดหาทางแก้ไข
เค้าเชื่อว่าไม่มีโรคใดในโลกนี้ที่จะรักษาไม่หาย ถ้ามันไม่หายขาดจริงๆ ฉินจุนก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแบกหน้าไปขอให้อาจารย์ของเค้าลงมาจากเขา
แต่ก่อนหน้านั้นเค้าเองก็หวังว่าเค้าจะสามารถช่วยรักษาอาการของลุงรองได้ด้วยตัวเองก่อน
…
หลังจากที่ลุงรองฉินได้สติ เค้าก็เดินไปในคฤหาสน์ชิงเหมยกับไช่หยาน เมื่อเห็นว่าอารมณ์ของอารองฉินดูมั่นคง ไช่หยานก็พูดขึ้นมาว่า
“คุณฟื้นแล้ว งั้นฉันจะไปทำงานก่อน”
ลุงรองฉินก็ไม่พูดอะไร เค้าพยักหน้าขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง