ภายใต้การจับจ้องอย่างคาดหวังของทุกคน ฉินจุนก็เดินออกมาจากหลังเวที เขาสวมเสื้อกาวน์สีขาว เนกไทสีน้ำเงิน และสวมหน้ากากบนใบหน้า
ทันใดนั้นทุกคนก็ต้องผิดหวัง ศาสตราจารย์ฉินผู้นี้ลึกลับมาก สวมหน้ากากเนี่ยนะ?
หลินเยวี่ยเหยาก็อยากรู้อยากเห็นมากเช่นกัน แต่เธอก็มองเห็นใบหน้าของศาสตราจารย์ฉินไม่ชัด เธอจึงก็ค่อนข้างผิดหวัง
ที่ฉินจุนใส่หน้ากาก นอกจากจะสามารถปกปิดตัวตนของตัวเองได้แล้ว ยังมีข้อดีอีกอย่างคือเขาสามารถปกปิดอายุของตัวเองได้
หากขึ้นมาแล้วให้ผู้เชี่ยวชาญที่อาวุโสเหล่านั้นเห็นใบหน้าเด็กของเขา มันคงจะต้องใช้เวลามากในการอธิบาย
ฉินจุนขึ้นมานั่งบนแท่นเวทีหลัก และพูดจาฉะฉาน
“แพทย์แผนจีนโบราณเป็นการใส่ใจรักษาอาการจากต้นเหตุ”
“ถ้าหากสามารถรักษาได้จากสาเหตุแก่นแท้ของโรค มันจะเป็นวิธีที่เร็วที่สุด ง่ายที่สุด และเป็นอันตรายกับร่างกายน้อยที่สุด”
“ยกตัวอย่างเช่น มีคนไข้รายหนึ่งมักมีอาการลำไส้อักเสบ ไม่ว่าจะรักษาอย่างไรก็ยังป่วยอยู่บ่อยๆ แต่หลังจากวินิจฉัยพบว่าผู้ป่วยชอบทานอาหารรสเผ็ด และชอบดื่มน้ำเย็น”
“นี่ก็สามารถหาสาเหตุของโรคได้ หากสาเหตุของโรคไม่หายไป โรคก็จะไม่มีวันหาย ดังนั้นตราบใดที่ผู้ป่วยเลิกทานอาหารรสเผ็ด และน้ำเย็น อาการก็จะหายได้เองโดยไม่ต้องใช้ยา”
“เมื่อเทียบกับแพทย์แผนตะวันตกแล้ว ทั้งให้คุณกินยา และปล่อยให้คุณกินเผ็ดและดื่มน้ำเย็นได้ตามใจ แบบนี้จะยิ่งทำให้ร่างกายของคุณมีแต่แย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นการรักษาโรคจากต้นตอของสาเหตุจึงเป็นความตั้งใจดั้งเดิมของการแพทย์แผนจีน”
เมื่อฉินจุนพูดจบ ผู้ชมที่อยู่ด้านล่างเวทีก็ปรบมือทันที รวมถึงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสหลายคนบนเวทีก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
แพทย์อาวุโสซุนชางไห่แห่งโรงพยาบาลมะเร็งพูดเสียงเบา “ผู้อาวุโสเหยียน ผมได้ยินมาว่าคุณเคยเจอกับชายผู้นี้แล้วเหรอครับ? เขาเป็นยังไงบ้าง?”
ผู้อาวุโสเหยียนถอนหายใจ บนใบหน้ามีสีหน้าชื่นชมยินดี และยกนิ้วโป้งขึ้นมา
“อย่ามองว่าเขายังเด็กเลย เขามีความสามารถจริงๆ”
ซุนชางไห่ขมวดคิ้ว “ยังเด็ก? เด็กแค่ไหนกัน? เขายังเด็กกว่าข่งฝานหลินอีกเหรอ?”
ตอนนี้ข่งฝานหลินยืนอยู่ข้างหลังหลินจุนในฐานะผู้ช่วย ทุกคนต่างก็สงสัยอย่างมากเพราะข่งฝานหลินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนจีนที่อายุน้อยที่สุดในแวดวงนี้แล้ว หลายคนต่างก็เอาเขาเป็นแบบอย่าง สามารถเป็นผู้เชี่ยวชาญการแพทย์แผนจีนก่อนอายุ 45 ได้ก็คือชีวิตที่ใฝ่ฝันแล้ว
แต่ฟังจากคำพูดของผู้อาวุโสเหยียนก็ดูเหมือนศาสตราจารย์ฉินคนนี้จะอายุน้อยกว่าข่งฝานหลินอีกนะ?
ผู้อาวุโสเหยียนพยักหน้า พูดด้วยใบหน้าขี้เล่น
“อายุน้อยกว่าข่งฝานหลินเยอะ ศาสตราจารย์ฉินอายุยังไม่ถึง 30 เลย”
“อะไรนะ!”
ทันใดนั้นทุกคนก็ตกใจมาก อายุยังไม่ถึง 30 ?
ล้อเล่นเหรอ แพทย์แผนจีนที่อายุยังไม่ถึง 30 ก็กล้าเรียกตัวเองว่าศาสตราจารย์เหรอ?
อายุไม่ถึง 30 ปี ถึงจะเริ่มเรียนแพทย์ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่แต่ก็ใช้เวลาแค่ 20 ปีกว่าๆ จะมาเทียบกับพวกเขาที่เข้าวงการนี้มา 50 หรือ 60 ปีได้เหรอ? คนแบบนี้จะมาเป็นหัวหน้าแพทย์ผู้บรรยายหลักได้อย่างไร?
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของผู้อาวุโสเหยียนทำให้ทุกคนไม่พอใจมาก ฉินจุนยังเด็กเกินไปที่จะทำให้คนอื่นๆ เชื่อถือและศรัทธา
ทุกคนต่างกระซิบกระซาบกัน แต่ไม่ได้ก่อความวุ่นวายมากนัก เพราะยังไงนี่ก็เป็นการออกอากาศสด
ฉินจุนอธิบายทฤษฎีง่ายๆ ในตอนแรกทุกคนก็ค่อนข้างมั่นใจและเห็นด้วยกับเขา แต่เมื่อได้ยินเกี่ยวกับอายุของฉินจุนแล้ว พวกเขาก็รู้สึกทันทีว่าเขาท่องจำสิ่งเหล่านี้มาพูด
พิธีกรเสี่ยวหลานพูด “ศาสตราจารย์ฉินได้พูดเกี่ยวกับทฤษฎีต่างๆ มากมายแล้ว ต่อไปพวกเราเชิญผู้ป่วยท่านหนึ่งขึ้นมาลองรักษาจริงกันเลยดีกว่าค่ะ มาดูกันว่าการแพทย์แผนจีนจะรักษาโรคได้อย่างไร”
“เชิญคนไข้ด้านบนเวทีค่ะ”
เมื่อสิ้นเสียงของเสี่ยวหลาน ชายชราคนหนึ่งก็เดินขากะเผลกขึ้นมาบนเวที
ชายชราคนนี้ดูเหมือนจะอายุมากกว่าหกสิบปี ใบหน้าของเขาแดงก่ำ แต่ในขณะที่เขาเดินขากะเผลกนั้นใบหน้าของเขาก็แสดงออกว่าเจ็บปวด
ผู้ป่วยเดินไปนั่งลงข้างฉินจุน ฉินจุนมองขึ้นลงอย่างพิจารณาและถามคนไข้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง