ไป่หยาถอนหายใจเอ่ย
“ฉันเป็นพนักงานดูแลโกดังใช่ไหมล่ะ ต้องคอยดูแลโกดัง แต่วันนี้ฉันบังเอิญไปเห็นว่าผู้จัดการกำลังขโมยของ……”
“บริษัทของเราผลิตเครื่องสำอาง ผู้จัดการแอบขโมยเครื่องสำอางไปไม่น้อยเลย หลังจากนั้นเธอไม่มีใบเสร็จ พอฉันจับได้ เธอก็บอกฉันว่าอย่าเอาไปบอกใคร”
“เครื่องสำอางเหล่านั้นที่เธอขโมยไปอย่างน้อย ๆ ก็มีมูลค่ากว่าห้าหมื่นเชียวนะ เธอบอกว่าจะแบ่งให้ฉันครึ่งหนึ่ง แต่ฉันไม่เห็นด้วย จากนั้นเธอก็ยอมวางเครื่องสำอางแล้วเดินไป”
ทุกคนต่างพยักหน้า สีหน้าแสดงความชื่นชม
“เสี่ยวหยาทำถูกต้อง ในเมื่อเราเป็นคนดูแลโกดัง ก็ควรจะตรวจสอบคนพวกนี้ ห้ามไม่ให้ใครมาขโมยของของบริษัทไปได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะคนในบริษัทแบบนี้ยิ่งไม่ควรเข้าไปกันใหญ่”
ไป่หยาถอนหายใจอีกครั้งแล้วเอ่ย “เห้อ แต่ว่าเมื่อตอนบ่าย จู่ ๆ ท่านผู้บริหารของบริษัทมาตรวจดูโกดัง พบว่าในโกดังมีสินค้าหายไปจำนวนมาก ซึ่งไม่ตรงกับลิสต์รายการสินค้าเลย พอไปเช็กกล้องวงจรปิดก็ไม่พบอะไร มีเพื่อนร่วมงานหลายคนรายงานฉัน บอกว่าฉันเป็นคนขโมย ฉันก็เลยโดนไล่ออก……”
ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่น ๆ ได้ยินแบบนั้นสีหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความโมโหทันที
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นไปได้ ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าพวกเธอต่างหากที่เป็นคนขโมย ทำไมถึงใส่ร้ายเราแบบนี้?”
ไป่หยาถอนหายใจ “หนูเองก็หมดหนทาง พวกเขามีทั้งอำนาจและอิทธิพล พอหนูไปหาเรื่องพวกเขา พวกเขาก็เลยใส่ความหนู”
ทุกคนต่างพากันทอดถอนใจ เดี๋ยวนี้ความที่ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลนี่อยู่ยากจริง ๆ ขนาดว่าตั้งใจทำงานของตัวเองดี ๆ ในบริษัทยังถูกคนอื่นใส่ร้ายอีก เมืองใหญ่นี่อยู่ยากจริง ๆ
ฉินจุนรู้สึกว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่ว่าการทำงานก็เป็นแบบนี้แหละ หลาย ๆ ครั้งที่เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเราไม่ได้ทำผิด แต่เป็นเพราะทำให้หัวหน้าไม่พอใจ ต่อให้เราทำดีมากแค่ไหนก็คงจะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก
“เธอทำงานที่บริษัทไหน?”
ฉินจุนเอ่ยถามไปเฉย ๆ เผื่อไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีคนรู้จัก อาจจะช่วยพูดให้ได้
สาวน้อยเอ่ย “เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินค่ะ”
ฉินจุนชะงัก “เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน?เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินของหลิ่วชิงชิงน่ะเหรอ?”
ไป่หยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ พี่เขยก็รู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินเหรอ?อ่อใช่จริง เจ้านายของพวกเราตอนนี้เป็นถึงเศรษฐีระดับประเทศแล้ว ชื่อเสียงโด่งดังใคร ๆ ก็รู้จัก”
ตั้งแต่หลิ่วชิงชิงหายดี รวมถึงได้รับสูตรยารักษารอยแผลที่ฉินจุนให้เธอแล้ว เธอก็กลายเป็นมหาเศรษฐีระดับประเทศทันที เป็นอันดับหนึ่งของประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็กำลังเข้าใกล้เป็นอันดับหนึ่งของโลกแล้ว ตอนนี้เธอก้าวเข้าสู่มหาเศรษฐี 5 อันดับของโลกแล้ว ฐานะของเธอสูงส่งมาก ๆ
และเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินก็ยกระดับขึ้นสูงไปด้วย บริษัทมีการขยายตัว มีหลาย ๆ บริษัทที่กำลังจ้างงาน เพราะฉะนั้นสาวน้อยอย่างไป่หยาถึงได้มีโอกาสเป็นผู้ดูแลโกดัง
ฉินจุนเอ่ย “ฉันรู้จักเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินจริง เอาอย่างนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะช่วยพูดให้”
ทันใดนั้นสีหน้าของไป่หยาก็ดีใจขึ้นมาทันที “จริงเหรอคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะพี่เขย!”
ชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็เผยสีหน้าดีใจ “เสี่ยวจุนนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ รู้จักคนไปทั่วเลย ขนาดเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินยังรู้จักเลย เราต้องมองเขาใหม่จริง ๆ ”
“หึหึ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าบ้านของตาหวังน่ะได้ลูกเขยดี ใคร ๆ ก็อิจฉา”
พ่อของหวังตงเสวี่ยก็ยิ้มจนปากจะฉีกถึงใบหู วันนี้ฉินจุนทำให้เขาได้หน้ามาก ๆ
เพียงแต่ว่าหวังตงเสวี่ยรู้เป็นกังวลใจ เธอจริงแอบเอ่ยกับเขา “พี่ฉิน เรื่องนี้มันจะลำบากคนอื่นมากไปหรือเปล่า ถ้าไปรบกวนเขามากไปก็ไม่ต้องก็ได้นะ……”
ฉินจุนยิ้ม “ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย”
เช้าวันต่อมา ฉินจุนพาไป่หยามาถึงหน้าประตูของบริษัทเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน
ตอนนี้หลิ่วชิงชิงกลายเป็นมหาเศรษฐีของประเทศไปแล้ว เครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวินก็กลายเป็นธุรกิจแนวหน้าของมณฑลฮั่นตง จะว่าเป็นระดับประเทศก็ได้ ได้มาทำงานที่บริษัทนี้ถือว่าเก่งมาก ๆ แล้ว
แม้แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยของที่นี่ยังมีฐานะสูงเลย เงินเดือนของพวกเขาสูงกว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยทั่ว ๆ ไป
พอฉินจุนกับไป่หยาเดินลงมาจากรถแท็กซี่ พอทั้งสองคนเดินมาที่หน้าประตู ก็มีรปภ.รีบออกมาขวางทั้งสองคน
“มาทำอะไร ที่นี่คือเครื่องสำอางแบรนด์เฉิงยวิน ถ้าไม่ได้ทำการนัดห้ามเข้า”
การได้เป็นรปภ.ของที่นี่ ก็ทำให้พวกรู้สึกเหนือกว่าคนอื่นมาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง