มีรถขับเข้ามาอีกครั้ง และคนที่ลงจากรถก็คือเมิ่งเหวินกัง
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับประธานหลิ่ว”
ทั้งสองก็จับมือและทักทายกันแบบง่ายๆ ทั้งคู่ก็เป็นนักธุรกิจของตงไห่ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไปมาหาสู่กันบ้าง
เมิ่งเหวินกังพูด “ผมเป็นตัวแทนของครอบครัวฝ่ายชาย นำสินสอดมาให้ครับ”
งานคัดลายมือ และภาพวาดล้ำค่าทุกชนิด นาฬิกาล้ำค่า หยกทองและเงินเป็นตั้ง สินสอดทองหมั้นมากมาย
หลังจากส่งมอบเสร็จ เมิ่งเหวินกังก็รีบบอกให้คนขับรถขับรถออกไป อย่าขวางทางตรงนี้
จากนั้นก็ตามมาด้วยผู้บริหารซุน เถียนเจียอิ้น หวังจินไห่ เหลยหง ต้วนเป่าตง เพ่ยเหลียง
ผู้คนจากทุกสาขาอาชีพมาเพื่อมอบของสินสอดทองหมั้น และทั้งลานก็เต็มไปด้วยทรัพย์สิน เหมือนจัดนิทรรศการอัญมณีล้ำค่า
ชิวหยวนฮวาตะลึง นี่มันอะไรกัน นี่มันฟุ่มเฟือยเกินไปหรือเปล่า?
เหอเนี่ยนอิง เมิ่งเหวินกัง เถียนเจียอิ้น ผู้ประกอบการรายใหญ่เหล่านี้อยู่ในระดับเดียวกับหลิ่วชิงชิง
พวกเขาเปลี่ยนขึ้นมาเป็นบุคคลที่รวยที่สุดเกือบทุกสองหรือสามปี และหากธุรกิจใดมีผลิตภัณฑ์ยอดนิยม ก็จะกลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุด สลับกันไปมา ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจึงอยู่ในระดับเดียวกัน
ไม่ต้องพูดถึงผู้บริหารซุน และหวังจินไห่ ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาเลย ทำได้แค่คอยประจบเขาเท่านั้น
ผู้คนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้าได้กดตระกูลหลิ่วลงได้อย่างสมบูรณ์
ความรู้สึกเหนือกว่าของชิวหยวนฮวาได้หายไปอย่างสมบูรณ์
ทุกคนต่างก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าภูมิหลังของฉินจุนจะยิ่งใหญ่ขนาดนี้!
“คุณยังมีความลับที่ฉันไม่รู้อีกเยอะแค่ไหน?”
ฉินจุนยิ้มบางๆ “คุณรู้จักผมดีเหรอไง?”
หลิ่วชิงชิงมองไปที่ดวงตาของฉินจุนด้วยแววตาสดใส
“ฉันต้องการรู้จักคุณอย่างช้าๆ”
ฉินจุนผงะ “ช้าๆ เหรอ? ช้าแค่ไหน?”
ทันใดนั้นหลิ่วชิงชิงก็คว้ามือของฉินจุนไว้ แก้มของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ก้มศีรษะลง สบตากับเขา และทั้งสองก็มองหน้ากัน
“ต้องใช้เวลาทั้งชีวิต”
…….
งานพบปะมอบสินสอดวันนี้กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่มาก การรวมตัวของผู้มีอิทธิพลจำนวนมากก็เป็นที่ฮือฮาไปทั่วประเทศแล้ว
หลังจากที่หลิ่วชิงชิงยุ่งกับการรับแขก คนเหล่านี้เดิมทีเป็นนักธุรกิจระดับเดียวกันที่มีโอกาสเคยได้มาร่วมมือกัน แต่ตอนนี้พวกเขากลับเป็นครอบครัวของฉินจุน เธอจึงไม่กล้าละเลย
เหอเนี่ยนอิงและคนอื่นๆ ก็ผ่อนคลายมาก ไม่มีการวางท่าใดๆ ราวกับว่าเป็นสมาชิกในครอบครัวปกติดื่มกับพ่อและลุงของหลิ่วชิงชิงอย่างเต็มใจ และมีความสุขมาก
ภาพความสุข และกลมเกลียวกันนี้ช่างน่าประทับใจจริงๆ
ฉินจุนคิดในใจว่าถ้าคนในตระกูลฉินยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะดี
ทุกคนต่างก็ความสนุกสนาน ฉินจุนหยิบเหล้าขึ้นมาหนึ่งแก้ว มองดวงจันทร์ และดื่มจนหมดในคราวเดียว
เหล้าแก้วนี้ดื่มกับจันทร์เพื่อขอให้คนตระกูลฉินได้พักผ่อนอย่างสงบสุขในที่แสนไกล
หลังจากดื่มจนหมด จู่ๆ ร่างที่อ่อนนุ่มก็เอนตัวเข้ามา
หลิ่วชิงชิงมองมาด้วยสายตาลึกซึ้ง และพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
“คุณมานั่งมองจันทร์อยู่คนเดียวที่นี่นี่เอง ไม่มาช่วยฉันรับแขกเลยนะ ฉันยุ่งจะตายแล้ว”
น้ำเสียงของหลิ่วชิงชิงมีความออดอ้อน เกรงว่าคงจะไม่มีใครเคยเห็นหญิงสาวที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศทำท่าออดอ้อน
ฉินจุนยิ้มและกล่าวว่า “คนพวกนั้นไม่จำเป็นต้องต้อนรับหรอก ปล่อยให้พวกเขาหากินเอง”
หลิ่วชิงชิงกลอกตาใส่ และพูดอย่างเคืองๆ
“นั่นเป็นเพื่อนคุณหนิ ฉันก็ต้องดูแลอย่างดีสิ ฉันมีมารยาท นั่นเป็นการไว้หน้าคุณนะ”
ฉินจุนมองหลิ่วชิงชิงที่ดูจริงจัง และพูดด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง