“มีคนหลายคนเขาว่ากันว่า บางคนอยู่เพื่อใช้ชีวิต แต่บางคนอยู่เพื่อมีชีวิต”
“พี่รองแต่ก่อนพี่เป็นถึงคุณหนูเศรษฐีเชียวนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะตกอับ แต่ก็ไม่น่าจะขัดสนถึงขนาดนี่มั้ง”
เกาฟางอ้าปากพูดก็เปรียบเทียบถังหมิ่นกับชีวิตเมื่อก่อน ถังหมิ่นแต่ก่อนนั้นสูงส่ง เป็นถึงคุณหนูรองแห่งตระกูลถัง มีทั้งเงินและอิทธิพล ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
แต่ว่าตอนนี้กลับกลายเป็นแค่คนธรรมดา ขนาดตระกูลถังยังไม่ยอมรับเธอเลย ครอบครัวสามคนพ่อแม่ลูกต้องมาใช้ชีวิตกันอยู่ในบ้านเล็กเท่ารูหนูแบบนี้ ใช้ชีวิตธรรมดาอย่างสุด ๆ
ถังหมิ่นกลอกตาอีกครั้ง เอ่ยอย่างอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้วสิ เทียบกับน้องสามไม่ติดหรอก พวกเราใช้ชีวิตกันอย่างคนธรรมดา ๆ ก็พอใจแล้ว เดี๋ยวแนะนำก่อนนะ นี่เป็นหลานชายของฉัน ฉินจุน”
ฉินจุนเอ่ยทักทายป้าสามอย่างสุภาพ นี่ถือเป็นการควบคุมอารมณ์ตัวเองแล้วถือว่าได้รับการสั่งสอนจากที่บ้าน
เกาฟางชะงัก “นี่มันคุณชายฉินนั่นน่ะเหรอ?พวกเธอยังติดต่อกันอยู่อีกเหรอ พี่สองพี่นี่สุดยอดจริง ๆ เลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลฉินล่ะก็……เห้อช่างเถอะ”
คนอย่างเกาฟางไม่เข้าใจเรื่องครอบครัวหรอก ในสายตาของเธอ มีเพียงคนที่มีประโยชน์ต่อเธอเท่านั้นถึงจะนับเป็นญาติ
อย่างฉินจุนอย่างนี้ ทำให้เธอต้องโดนไล่ออกจากตระกูลถัง ถ้าเปลี่ยนเป็นเกาฟางเจอแบบเธอ ก็คงตัดขาดกับฉินจุนไปนานแล้ว
ที่ด้านหลังของเกาฟางยังมีอีกสองคนตามมาด้วย เป็นชายคนหญิงคน ต่างก็ยังเป็นวัยรุ่นกันทั้งคู่ เขามาในบ้านตั้งนานแล้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เกาฟางจึงเอ่ยแนะนำ
“นี่คือถิงถิง เป็นลูกสะใภ้ของฉันเอง ถิงถิง ถ้านับตามญาติแล้วหนูต้องเรียกเขาว่าป้าสอง”
ถิงถิงเพียงแค่เหลือบมองถังหมิ่นนิ่ง ๆ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ “สวัสดีค่ะ”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างขมวดคิ้วมุ่น ยัยถิงถิงคนนี้นี่ไม่มีมารยาทเลย ขนาดแนะนำแล้วว่าเธอมีฐานะเป็นป้าสอง เธอกลับเอ่ยแค่สวัสดี
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่กลับทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอไม่ให้ความเคารพ
เกาฟางยิ้มบาง ๆ “พวกเธออย่าตำหนิเลย พอดีที่บ้านของลูกสะใภ้ฉันมีกฎค่อนข้างเข้มงวด ถ้าไม่ได้เป็นญาติกันโดยตรง ก็ห้ามนับคนอื่นว่าเป็นญาติกัน”
หลินเยวี่ยเหยาชะงักเธอไม่เข้าใจ
“ทำไมกันคะ?”
เกาฟางยิ้มแล้วเอ่ย “ก็ลูกสะใภ้ของฉันมาจากตระกูลเศรษฐี ถ้าหากมีคนมาพูดซี้ซั้วว่าเป็นญาติกัน ใช้ชื่อของเธอไปทำเรื่องอะไรไม่ดี มันก็จะส่งผลกระทบต่อตระกูลของเธอ”
หลินเยวี่ยเหยากลอกตามองบน เธอล่ะเอือมระอาหมดคำจะพูดจริง ๆ อันที่จริงเธอไม่จำเป็นต้องถามคำถามนี้ แต่เพื่อเปิดโอกาสให้เกาฟางได้โอ้อวดเสียหน่อย
ตระกูลเศรษฐีที่ไหนกัน ต้องเว่อร์ขนาดนี้เชียวเหรอ?
ต่อให้เป็นสี่ตระกูลใหญ่แบบในอดีตก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย?
เกาฟางรู้สึกว่าสถานการณ์มันเริ่มอึดอัด เธอจึงเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
“พวกพี่กำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ?เมื่อกี้ตอนเดินเข้ามาฉันได้ยินเสียงพวกพี่คุยกันครึกครื้นเชียว?”
ถังหมิ่นเอ่ย “กำลังคุยกันเรื่องแต่งงานของหลานชายฉันน่ะ หลานชายฉันจะไปสู่ขอแล้ว”
เกาฟางได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“อ๋อ?จะแต่งงานแล้ว?ฐานะทางบ้านผู้หญิงเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?”
ลูกชายของเกาฟางได้แต่งงานกับหญิงสาวตระกูลเศรษฐี เพราะฉะนั้นเธอจึงรู้สึกสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ
เธอรู้สึกว่าถ้าหากคนอื่นไปแต่งงานกับหญิงสาวครอบครัวธรรมดา ๆ ถือว่าไร้ความสามารถ
ถังหมิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง “ฉันเองก็ยังไม่รู้เหมือนกัน กำลังคุยกันเรื่องนี้พอดี เสี่ยวจุน รีบบอกมาเลยนะแฟนคนนี้ของหลานที่บ้านเขาทำอะไร?”
ฉินจุนคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่อยากพูดออกไป
เพราะถึงอย่างไรหลิ่วชิงชิงก็เป็นคนมีชื่อเสียง ถ้าหากเกาฟางเอาไปพูดมั่วซั่วออกไป อาจจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อคนอื่นได้ง่าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง