ผู้รักษาสุดแกร่ง นิยาย บท 599

สรุปบท บทที่ 599 ไวน์ปลอม: ผู้รักษาสุดแกร่ง

ตอน บทที่ 599 ไวน์ปลอม จาก ผู้รักษาสุดแกร่ง – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 599 ไวน์ปลอม คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายการโต้แย้ง ผู้รักษาสุดแกร่ง ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ฟู้เสียวเซวี่ยพอได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที ใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา มุมปากของเธอโค้งลง แววตาทั้งสองข้างเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ฉินจุน ที่นี่ก็มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น ไม่เห็นมีอะไรต้องสร้างภาพใส่กันเลย”

ฉินจุนยิ้มอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่ได้เอ่ยอธิบายอะไร เข้าใจผิดก็เข้าใจผิดกันไปเถอะ

เจ้าของรถคันนี้แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ฉินจุนอยู่แล้ว ชื่อที่อยู่บนใบทะเบียนรถน่าจะเป็นชื่อของผู้ช่วยหลิ่วชิงชิง

ส่วนเรื่องการโอนกรรมสิทธิ์นั้นเขามองว่ามันไม่ได้จำเป็น ก็แค่รถคันเดียวก็เท่านั้น ไม่ว่าจะในมุมมองของหลิ่วชิงชิงหรือว่าฉินจุน พวกเขาต่างก็มองว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ไม่ได้จำเป็นอะไรเพราะฉะนั้นจึงไม่ได้มีใครสนใจอะไร

มีแค่พวกเพื่อนสมัยเรียนหัวสูงพวกนี้เท่านั้นแหละที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ขนาดนั้น

“ฮ่าฮ่า พวกรถเช่าน่ะชอบใช้ทะเบียนปลอม ฉันแนะนำให้นายเปลี่ยนร้านเช่ารถนะ เจ้าของเลขทะเบียนนี้น่ะฉันรู้จัก เป็นเลขทะเบียนของเจ้านายฉัน ถ้าหากตำรวจจราจรมาเห็นเข้า มากสุดก็อาจจะแค่ปรับนาย แต่ถ้าเพื่อนของท่านประธานฉันมาเห็นเข้า นายหมดหนทางทำมาหากินแน่!”

พูดจบ ฟู้เสียวเซวี่ยก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา

ถึงแม้ว่าการได้หักหน้าฉินจุนในเรื่องนี้จะทำให้เธอมีความสุข แต่ว่าก็ไม่จำเป็นจะต้องกัดไม่ปล่อยพูดไม่เลิก

ฟู้เสียวเซวี่ยในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอยู่เหนือฉินจุนในทุก ๆ ด้าน

ไม่ว่าจะเรื่องฐานะการเงิน แวดวงสังคมคนรู้จัก หรือว่าโลกทัศน์ของเธอ ต่างก็เหนือกว่าฉินจุนอยู่หลายขุม

การได้กดหัวฉินจุนรอบด้านแบบนี้ ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกับฉินจุนนั้นอยู่คนละระดับกัน ความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอสะใจเป็นบ้า

ฟู้เสียวเซวี่ยหยิบขวดไวน์ขึ้นมาเปิด

“ไวน์Lafite พวกเธอไม่น่าจะเคยดื่มกันมาก่อนนะ?มาทุกคนมาชิมเร็ว”

พอเห็นขวดไวน์Lafiteขวดนี้เข้า ทุกคนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“ว้าว นี่มันไวน์Lafiteจริงด้วยอะ เคยเห็นแต่คนอื่นเขากินในทีวี ฉันไม่เคยกินมาก่อนเลย”

“นั่นสิ ฉันก็ไม่เคยกินมาก่อนเหมือนกัน ไวน์ดี ๆ แพง ๆ แบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าพวกไวน์ปี 1992 หรือ 1982 ราคาขวดละหลายหมื่น ฉันล่ะจ่ายไม่ไหวจริง ๆ ”

“ใช่ ๆ คราวนี้ได้อาศัยบารมีของประธานฟู้ พวกเรารีบมาชิมกันเร็ว”

“……”

การได้มาทานอาหารกับเสี่ยวฟู้เหมือนทำให้พวกเขาได้เปิดโลกกว้าง ทั้งได้ฟังเรื่องซุบซิบของประธานหลิ่ว แถมยังได้ดื่มไวน์แพง ๆ แบบนี้อีกด้วย

เสี่ยวฟู้รินไวน์ให้ทุกคนดื่มคนละแก้ว พอมาถึงตาของฉินจุน เธอก็จงใจเอ่ยถาม

“นายจะดื่มเหรอ?ดูเหมือนว่าเหล้าจะไม่พอน่ะสิ”

ทุกคนต่างรู้ดีว่า เสี่ยวฟู้จงใจทำให้ฉินจุนลำบาก ให้ฉินจุนรู้สึกอับอายต่อหน้าคนอื่น

คนอื่นตั้งมากมายต่างได้กิน แต่ดันมาไม่พอตอนแก้วของฉินจุน เธอก็แค่อยากจะให้ฉินจุนได้รับรู้รสชาติของความรู้สึกอึดอัดนี้บ้าง

ฉินจุนส่ายหน้า “หึหึ ฉันไม่ดื่มก็ได้ ฉันเองก็ไม่ได้ชอบดื่มไวน์ปลอม”

พอฉินจุนพูดจบ หน้าของเสี่ยวฟู้ก็ชาแข็งทื่อไปเลย ทั้งห้องอาหารก็เงียบลงทันที

ทุกคนต่างแสดงสีหน้าแปลกใจ

“ไวน์ปลอม?”

“ไอ้คนแซ่ฉิน นายพูดมาให้เคลียร์ ๆ เลยนะ ไวน์ของฉันจะเป็นของปลอมได้ยังไง?”

เพื่อนคนอื่น ๆ เองก็ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่

“นั่นน่ะสิ ฉินจุนนายไม่เห็นต้องคิดเล็กคิดน้อยขนาดนี้เลย แค่ไม่มีไวน์รินให้นายแล้ว นายถึงกับต้องบอกว่าไวน์ของเสี่ยวฟู้เป็นของปลอมเลยเหรอ?”

“เหล่าฉินนายทำแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ ถ้ามันขนาดนั้นฉันแบ่งของฉันให้ครึ่งแก้วเอามั้ย?นายจะมาพูดแบบนี้มันไม่ได้นะ!”

“ฉันเคยเห็นในทีวีมาก่อน ไวน์Lafiteก็เป็นแบบนี้แหละ ทำไมฉันจะดูไม่ออกว่าเป็นของจริงหรือของปลอม?”

“……”

พอฉินจุนเอ่ยประโยคนั้นออกมา เหล่าเพื่อน ๆ ก็ต่างไม่พอใจกันใหญ่ โดยเฉพาะฟู้เสียวเซวี่ย

เธอเป็นถึงระดับไหนกัน เธอเป็นถึงตัวแทนหลักประจำภาคใต้เชียวนะ ถือว่าเป็นคนชนชั้นสูงในสังคมเลยก็ว่าได้

เธอเจอผู้คนผ่านโลกมากมาย หมอนี่ดันมาบอกว่าเธอดื่มไวน์ปลอม แบบนี้มันเท่ากับด่าเธอเลยไม่ใช่เหรอ?

ฟู้เสียวเซวี่ยรีบรินไวน์ให้ฉินจุนดื่มเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ย

“อะ นายชิมดู ฉันจะดูสิว่าไวน์นี้ของฉันจะเป็นของปลอมไปได้ยังไง?”

ฉินจุนยกแก้วไวน์ขึ้นมา ก่อนจะเอียงแก้วให้ทุกคนดูแล้วเอ่ย

ท่ามกลางสถานการณ์ตกอยู่ในความอึดอัดต่างคนต่างทำตัวไม่ถูก

ฉินจุนจึงเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นดื่มของฉันแล้วกัน”

พอไม่มีเหล้าแล้วก็ผิดหวังหน้าสลดกันเลยเหรอ?

ฉินจุนหยิบเหล้าออกมาสองขวด เป็นวิสกี้ทั้งสองขวดเลย ขวดหนึ่งเป็นสีเขียว อีกขวดเป็นสีเหลือง

พอเปิดขวดสีเขียวเขาก็รินให้เพื่อน ๆ คนละนิด

“ว้าว วิสกี้เลยเหรอ เหล้าอันนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง มันก็เป็นเหล้าอย่างดีเหมือนกันใช่ไหม?”

ฟู้เสียวเซวี่ยเหลือบมองก่อนจะส่งเสียงไม่พอใจ

“เหล้านี่ก็ต้องเป็นเหล้าดีอยู่แล้วสิ พวกเธอไม่เห็นปีที่ผลิตบนขวดเหรอ นี่มันเหล้าสามสิบกว่าปีเชียวนะ ฮึ!” ฟู้เสียวเซวี่ยเอ่ยอย่างกระแหนะกระแหน

พอรินเหล้าสีเขียวให้ทุกคนคนละนิดเดียวเสร็จ ฉินจุนก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมาควงไปมา

ฟู้เสียวเซวี่ยเห็นแบบนั้น ก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที

“ฉินจุนสรุปนายรู้เรื่องเหล้าจริง ๆ หรือเปล่า เมื่อกี๊ฉันยังเห็นนายทำเป็นรู้ดีอยู่เลย ที่แท้นายก็รู้แค่เรื่องไวน์แดงงั้นเหรอ?”

“นี่มันวิสกี้นะ ไม่จำเป็นต้องวอร์มก่อนดื่ม มีแค่ไวน์แดงเท่านั้นถึงจะต้องควงแก้วก่อน ให้ไวน์แดงในสัมผัสกับออกซิเจน เพื่อที่จะได้ลดความเปรี้ยวฝาดของตัวไวน์ลงไป”

“แต่วิสกี้มันไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น โดยเฉพาะวิสกี้ ซาวร์แบบนี้ ปกติมันก็รสชาติเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ อยู่แล้วดื่มได้เลย”

พูดจบ ฟู้เสียวเซวี่ยก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มหมดในคำเดียว

เพื่อนคนอื่น ๆ เห็นแบบนั้นเข้า ต่างก็ยกแก้วเหล้าขึ้น ไม่รู้ว่าจะฟังฝ่ายไหนดี

สายตาของทุกคนต่างหันไปมองที่ฉินจุน ราวกับว่ากำลังรอคำตอบจากเขา

ฉินจุนเอ่ย “นี่คือเลม่อน มิ้นต์ มาการิต้า มันเป็นแค่เหล้าธรรมดา ๆ ราคาถูก โดยปกติพวกบาร์เทนเดอร์จะใช้กัน”

“และเนื่องจากวิสกี้ขวดนี้มีอายุมากแล้ว รสชาติของมันจึงเผ็ดมาก การใช้เลม่อน มิ้นต์ มาการิต้านี้ล้างถ้วยสามารถลดรสชาติเผ็ดร้อนนี้ได้”

พูดจบ ฉินจุนก็เทเหล้าในแก้วทิ้ง

“เหล้าอันนี้ไม่ได้ให้พวกเธอกิน แต่เอาไว้ให้พวกเธอวนมันเพื่อล้างแก้วเฉย ๆ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ผู้รักษาสุดแกร่ง