PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด นิยาย บท 33

Pream Part

.

“ผู้ชายนี่มันห่วยเหมือนกันทั้งโลกเลยไหม” เสียงตะโกนที่ดังขึ้นทำให้คริสที่กำลังยกน้ำออกมาให้แขกชะงักกึก ฉันหันไปส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้เขา คริสเองก็ได้แต่ส่งยิ้มกลับมาว่าไม่เป็นไร

“ใจเย็น ๆ ก่อน เป็นอะไร มาถึงก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่หยุด” ฉันลูบหลังของเพื่อน เมื่อเช้าที่แซนดี้โทรมาฉันคุยได้ไม่นานนัก เลยนัดว่าจะไปหาแซนดี้ที่บ้านในตอนเย็น แต่แซนดี้บอกว่าจะมาหาเองเมื่อเลิกงาน พอมาถึงเธอก็หน้าบึ้งไม่หยุด แถมยังด่าผู้ชายเสียงดังจนคริสสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีกเพราะเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้าน

“ตั้งแต่กลับมาจากไทย ฉันเดตกับผู้ชายสามคน สามคนแล้วนะที่ผลสุดท้ายมันก็ออกมาเป็นแบบเดิม เจ้าชู้! มั่ว! ไม่รู้จักพอ!! ผู้ชายมันก็ชั่วเหมือนกันทั้งโลกนั่นแหละ!”

“เดี๋ยวก่อนนะ” ฉันรีบยกมือห้ามให้แซนดี้หยุดพูด เพราะมีคำถามที่คาใจอยู่ “เธอบอกว่าเดตกับผู้ชายมาสามคนแล้ว?”

“อือ”

“ภายในเวลาไม่ถึงสองเดือนนี่นะ?”

“ใช่ คนแรกเดตได้อาทิตย์เดียวก็จับได้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้ว คนที่สองเดตได้สามวัน ออกเดตครั้งแรกเขาก็หวังจะลากฉันขึ้นห้องอย่างเดียว ฉันไม่ชอบ ส่วนคนสุดท้ายฉันเดตด้วยเกือบเดือน เกือบเดือนเลยนะ!” แซนดี้เริ่มอารมณ์ขึ้นอีกแล้ว ฉันยอมเงียบเพื่อให้เธอได้ระบายความรู้สึกออกมาให้หมด “เขาหล่อ เขารวย เขาเป็นสุภาพบุรุษ เราออกเดตกันตั้งสี่ครั้ง แต่เขาไม่เคยคิดที่จะทำอะไรฉันเลย จนครั้งสุดท้ายเราจูบกัน และหลังจากนั้นแค่วันเดียวฉันก็เห็นเขายืนจูบกับผู้หญิงอีกคนหน้าตาเฉย ทุเรศ!”

ฉันอ้าปากค้างเมื่อแซนดี้เล่าจบ จริง ๆ ฉันควรอ้าปากค้างตั้งแต่ที่แซนดี้บอกว่าออกเดตกับผู้ชายสามคนภายในเวลาไม่ถึงสองเดือนแล้ว เพราะแซนดี้ที่ฉันรู้จักประกาศตัวเองว่าเกลียดผู้ชายยิ่งกว่าอะไร และไม่เคยคิดที่จะคบหากับใคร แต่ทำไมจู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนไปแบบนี้ หรือเพราะว่าฉันที่เป็นเพื่อนคนเดียวหนีไปแต่งงานก่อน เธอเลยเหงาและอยากมีคนคุยบ้าง?

“เจ็บใจ ไม่น่ายอมจูบด้วยเลย” ถ้าเป็นฝรั่งคนอื่น ๆ คงไม่แคร์เรื่องจูบ แต่แซนดี้ที่ค่อนข้างหวงตัวและไม่ชอบถูกผู้ชายสัมผัสมันเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเธอยอมใครมากขนาดนั้นก็แปลว่าเธอไว้ใจคน ๆ นั้นมากจริง ๆ และเมื่อความไว้ใจถูกทำลายลงจึงไม่แปลกที่แซนดี้จะหัวเสียขนาดนี้

“เอาน่า มันผ่านไปแล้ว รู้ตอนนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ ดีกว่ารู้ตอนที่ยอมเขามากกว่านี้ไปแล้ว”

“มันก็ใช่ แต่ก็เจ็บใจอยู่ดีนี่นา” แซนดี้หน้างอ “ฉันไม่น่าอยากลองเดตเลย อยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว”

“ฉันก็อยากรู้ว่าทำไมเธออยากเดต เพราะฉันแต่งงานเหรอ?”

“เปล่า” พอแซนดี้ตอบมาแบบนั้นฉันก็ขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะฉันแต่งงานแล้วเพราะอะไร คนที่ขยาดกับผู้ชายเพราะฝังใจกับพฤติกรรมที่ไม่ดีของพ่อตัวเอง กลับอยากเดตกับใครซักคนกะทันหันโดยไม่มีเหตุผล มันเป็นไปได้เหรอ?

“แล้ว?”

“ก็แค่อยากลอง เผื่อโชคดี ได้เจอคนดี ๆ แบบคริสไง”

“แค่ก ๆ” คนที่ถูกพาดพิงถึงที่กำลังดื่มน้ำอยู่สำลักออกมาทันที ฉันรีบลูบหลังให้อีกฝ่าย คริสไอจนหน้าแดงก่ำไปหมด

“ทำไมล่ะ ไม่จริงเหรอ” แซนดี้ถามออกมาหน้าเหรอหรา ฉันได้แต่หัวเราะออกมาเบา ๆ คริสคงไม่ชินที่ถูกพูดถึงแบบนี้ละมั้ง

“การที่เราจะได้เจอคนดี ๆ ซักคนในชีวิตน่ะ เราไม่ต้องออกตามหาหรอก ถึงเวลาเขาก็มาเอง แค่เราเปิดใจให้เขาก็พอถ้าถึงเวลานั้น” ฉันพูดตามที่รู้สึก สำหรับฉันคริสเป็นผู้ชายที่ดี ดีมากจนรู้สึกผิดที่เคยตั้งแง่กับเขาไว้ แต่สุดท้ายฉันก็ดีใจที่ตัวเองยอมเปิดใจให้เขา ทุกวันนี้ฉันก็คิดไม่ออกเหมือนกัน ว่าถ้าไม่ได้แต่งงานกับคริส ฉันจะเจอผู้ชายที่ดีกว่านี้ไหม

“แล้วคนแบบไหนล่ะที่เราควรเปิดใจให้เขา”

“คนที่ดีกับเราทั้งต่อหน้าแล้วก็ลับหลังไง ไม่จำเป็นต้องมีข้อกำหนดเยอะแยะว่าต้องเป็นคนแบบนั้นแบบนี้ แค่เป็นคนที่ดีกับเราทั้งต่อหน้าและลับหลังก็พอ”

“ยากเลย” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อแซนดี้บ่นแบบนั้น เป็นคำตอบที่พูดง่ายแต่หาได้ยากจริง ๆ เพราะทุกวันนี้ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลับหลังฉันคริสเป็นแบบไหน แต่ฉันให้โอกาสเขา และอยากให้โอกาสตัวเองได้เปิดใจให้เขาบ้าง ดีกว่ามานั่งตั้งแง่ใส่กัน จนลูกโตก็ยังมานั่งจับผิดหวาดระแวงกัน ฉันว่าแบบนั้นมันไม่สนุก

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ถ้ามีคนเข้ามาแล้วเขาดีกับเราจริง ๆ ก็ลองเปิดใจดู ถึงจะผิดหวังแต่ก็ดีกว่าการที่เราไม่ได้ให้โอกาสตัวเอง”

“โอ้โหหหห” อยู่ ๆ แซนดี้ก็ร้องออกมา ฉันมองเธอด้วยความไม่เข้าใจ เจอคู่เดตไม่ดีจนเพี้ยนไปแล้วหรือยังไง “เพื่อนฉันกลายเป็นกูรูด้านความรักตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ”

“ฉัน...”

“หรือว่า...กำลังมีความรักน้า” แซนดี้ไม่พูดเปล่า เธอยังทำสายตาระยิบระยับมีเลศนัย แถมชี้หน้าฉันกับคริสสลับกันไปมาอีก ฉันหน้าร้อนฉ่า อ้าปากค้างเพราะพูดอะไรไม่ออก

ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเรามันคืออะไร ฉันมีความสุขที่ชีวิตในทุกวันนี้มีลูก มีคริส ฉันรู้สึกว่ามันเพียงพอแล้ว เหมือนว่าฉันได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์ของตัวเอง แบบนี้เรียกว่ารักหรือเปล่า

ก็อาจจะใช่ ฉันรักครอบครัวของฉัน

“พอได้แล้ว จะยิ้มอะไรนักหนา” ฉันตีแซนดี้ไปทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปตีแขนผู้ชายตัวตัวโตที่อมยิ้มบาง ๆ อยู่ “นี่ก็ด้วย”

“อ้าว ฉันผิดเหรอเนี่ย” คริสเบ้หน้า ลูบแขนตรงที่ฉันตีเบา ๆ อย่างสำออยสุดขีด ตีเบากว่าแมวสะกิดแต่ทำท่าเจ็บเหมือนฉันตีเขาแรงซะงั้น ไม่รู้ไปเรียนแอคติ้งมาจากไหน

“นายด้วยนั่นแหละ”

“พิมมี่เขาอายแล้วชอบลงไม้ลงมือน่ะ” ฉันอ้าปากค้างอีกครั้งเมื่อถูกใส่ร้ายซึ่ง ๆ หน้า ไม่ทันได้ตอบอะไรแซนดี้ก็พูดขึ้นอีก “แต่ฉันพูดจริง ๆ นะว่าคริสเป็นผู้ชายที่ดีคนหนึ่งเลย หรือว่าเธอไม่เห็นด้วย”

ฉันก็หันกลับไปมองหน้าคริส ผู้ชายหน้าหล่อที่มีเสน่ห์ด้วยลักยิ้มทั้งสองข้าง ทำให้ฉันถูกใจจนชวนเขาไปต่อ และก็เป็นต้นเหตุของเรื่องที่ยาวมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้ชายที่ฉันเคยคิดว่าเขาไม่มีทางรับผิดชอบลูก ซ้ำร้ายอาจจะให้เอาออกด้วยซ้ำ ผู้ชายที่ฉันคิดว่าเขาคงไม่มีทางเป็นพ่อ หรือเป็นสามีที่ดีได้ แต่ในวันนี้ฉันกลับไม่รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว

ยอมรับว่าตอนแรกฉันมั่นใจว่าฉันสามารถอุ้มท้องและเลี้ยงลูกทั้งสองคนได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาใคร แต่พอมีคริสเข้ามามันทำไห้ฉันรู้ว่าการตั้งท้องเพียงลำพัง หรือการเลี้ยงลูกแค่เพียงคนเดียวมันยากเกินไป ฉันไม่สามารถบีบนวดคลายความเมื่อยให้ตัวเองได้ทุกครั้ง ไม่สามารถเตือนตัวเองว่าต้องกินยาได้ทุกมื้อ และไม่สามารถลุกขึ้นมาหาข้าวกินได้ในวันที่แพ้ท้องหนัก และอีกหลาย ๆ อย่างที่ฉันไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่คริสทำให้ฉันได้

ฉันโชคดี เพราะถ้าผู้ชายในคืนนั้นไม่ใช่คริส ฉันก็คงท้องไม่มีพ่อ และคงต้องดูแลลูกคนเดียวไปจนแก่ และเพราะคริสเป็นคนดี คริสถึงยอมรับผิดชอบลูกรวมถึงตัวฉันในทันที เขาไม่ได้รับผิดชอบด้วยการแต่งงานให้มันจบ ๆ ไป แต่เขายังรับผิดชอบทุกอย่างที่เขาสามารถทำและแบ่งเบาฉันได้

“อืม คริสเขาเป็นคนดี ฉันโชคดีที่ได้เขาเป็นสามี” รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น ไม่ว่านานแค่ไหนฉันก็ยังยืนยันว่าชอบลักยิ้มของเขา ชอบเวลาที่เขายิ้มจนเกิดรอยบุ๋มขึ้นที่แก้มทั้งสองข้าง มันช่วยเสริมให้คริสมีเสน่ห์มากขึ้นจริง ๆ

เมื่อได้คำตอบที่พอใจแซนดี้ก็ชวนคุยเรื่องอื่น เพราะว่าช่วงนี้เราไม่ค่อยได้เจอกัน ทั้งฉันและแซนดี้ต่างก็งานยุ่งทั้งคู่ ฉันหัวเราะเมื่อแซนดี้เล่าเรื่องที่ทำงานตลก ๆ ให้ฟัง โดยที่มือข้างหนึ่งถูกใครบางคนจับไว้

คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าใคร

.

.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด