ตอน PLAYBOY : 33 จาก PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
PLAYBOY : 33 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายสำหรับผู้ใหญ่ PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด ที่เขียนโดย Cherr เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
Chris Part
.
ผมนอนไม่หลับ แม้ว่าไฟลท์จะยาวนานถึงสิบชั่วโมงผมก็นอนไม่หลับ ทั้งห่วงคนที่ประเทศไทย และห่วงคนที่รออยู่ที่ออสเตรเลีย
หลังจากที่พรีมเรียกสติผมกลับมาได้ ทั้งพรีมและผมก็รีบหาไฟลท์ที่เร็วที่สุด ผมได้ไฟลท์ในคืนนั้นเลย แต่พรีมไม่สามารถเดินทางมาด้วยได้ ทั้งเรื่องงานและสุขภาพ ผมเลยต้องกลับไทยคนเดียวทั้ง ๆ ที่ห่วงหน้าพะวงหลังอยู่แบบนี้
ผมฝากพรีมไว้กับแซนดี้ แซนดี้รับปากว่าจะดูแลพรีมให้ดีที่สุด มันไม่ได้สบายใจเท่าผมดูแลพรีมเองหรอก แต่ผมก็ทิ้งป๊าไม่ได้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
เมื่อเครื่องแลนดิ้งผมก็ทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เพียงไม่นานผมก็ขึ้นมาอยู่บนแท็กซี่เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล ระหว่างทางผมหยิบมือถือขึ้นมา ก่อนจะส่งข้อความไปให้พรีมที่คงกังวลอยู่เหมือนกัน
.
Chris : ถึงแล้วนะ อยู่บนแท็กซี่ กำลังไปหาป๊า
Pream : ดูแลตัวเองด้วยนะ ฝากขอโทษป๊ากับม้าด้วยที่ฉันกลับไปด้วยไม่ได้
Chris : ไม่ต้องกังวลทางนี้หรอก เธอดูแลตัวเองให้ดีก็พอ
Chris : ฉันถึงโรงพยาบาลแล้ว ไว้เยี่ยมป๊าเสร็จจะมาบอกว่าท่านเป็นยังไงบ้าง
Chris : ดูแลตัวเองด้วยนะ อย่าลืมกินยารู้ไหม
Pream : อืม นายก็เหมือนกันนะ
.
ผมเก็บมือถือเข้ากระเป๋า จ่ายค่าแท็กซี่และหยิบกระเป๋าใบไม่ใหญ่มากที่พกมาด้วย ผมไม่ได้เอาอะไรมาเลยนอกจากของสำคัญ เสื้อผ้าผมไม่ได้เอามาแม้แต่ตัวเดียว
“ผมอยากทราบว่าคุณก้องเกียรติ xxx พักอยู่ห้องไหนครับ” ผมถลาเข้าไปถามหาห้องที่ป๊าพักจากเจ้าหน้าที่ทันที ตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงที่ไทย ถ้าที่ซิดนีย์ก็น่าจะประมาณบ่ายสี่โมง และผมไม่ได้นอนมาเกือบสามสิบหกชั่วโมงแล้ว
“คุณก้องเกียรติ อยู่ที่ห้อง 807 ค่ะ”
“ขอบคุณครับ” ผมรีบเดินไปที่ลิฟต์ทันที ภาวนาให้ถึงชั้นแปดโดยเร็ว เพียงไม่นานลิฟต์ก็เปิดออกที่ชั้นแปด ผมเดินไปจนสุดทางเดินก็เจอกับห้อง 807 ที่ผมตามหา
ผลั๊ว!
“คริส?”
คนในห้องหันกลับมามองผมเป็นตาเดียว และทุกคนดูตกใจที่เห็นผมมายืนอยู่ตรงนี้ หม่าม้าเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ก่อน ท่านเดินเข้ามาจับมือจับแขนผมเหมือนอยากทดสอบว่าใช่ตัวจริงไหม
“ม้า”
“คริสมาได้ยังไง”
“ผมนั่งเครื่องบินมา ครีมโทรไปบอกว่าป๊าตกบันไดเลือดนอง”
“ห๊า!” เมื่อผมบอกแบบนั้นป๊ากับม้าก็อ้าปากค้าง ร้องอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนที่หม่าม้าจะหันไปครีมที่นั่งตัวลีบอยู่บนโซฟา
“ครีม ทำไมบอกพี่เขาแบบนั้น”
“ก็ม้าบอกให้หนูโทรบอกพี่คริสนี่คะ” ครีมตอบเสียงอ่อย ผมเองก็จำได้ว่าครีมบอกว่าหม่าม้าเป็นคนให้โทรมาบอก แถมบอกชื่อโรงพยาบาลเสร็จสรรพ
“ม้าให้โทรบอกข่าวเฉย ๆ ไม่ใช่ให้พี่เขากลับมาแบบนี้ แล้วเรื่องเลือดอะไรอีก”
“ก็หนูเห็นเลือดกองอยู่ตรงบันได”
“นั่นเลือดหมูที่เด็กในบ้านจะเอามาทำก๋วยเตี๋ยวน้ำตกให้กิน แต่ดันทำหล่นแตกเสียก่อน ป๊าก็ลื่นเพราะเลือดนั่นแหละ” เมื่อหม่าม้าเฉลยออกมาแบบนั้นครีมก็หน้าจ๋อยกว่าเดิม หันมายกมือไหว้ผมปลก ๆ
“ครีมขอโทษค่ะพี่คริส ตอนที่เห็นมันตกใจจริง ๆ ครีมมาถึงตอนที่คนพยุงป๊าออกไปแล้วเลือดเต็มตัว แล้วพอมาเห็นกองเลือดอีกก็เลยตื่นตูมจนสติแตก ไม่คิดว่าพี่จะกลับมาด้วย"
“ไม่เป็นไรหรอก” ผมถอนหายใจออกมา ไม่คิดจะเอาความน้อง ตอนนั้นครีมคงห่วงป๊ามากจนตื่นตูมไปหน่อย มานั่งโทษกันไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะตอนนี้ยังไงผมก็บินมาถึงที่นี่แล้ว “ป๊าเป็นอะไรมากไหมครับ เจ็บตรงไหน”
“เจ็บสะโพก ลงแรงอยู่เหมือนกัน หมองดเดินซักพักเลย ดีเหมือนกัน ป๊าจะได้พักบ้าง แถมมีคนมาดูแลด้วย” ป๊ายังคงยิ้มเหมือนเดิม ร่างกายที่ถูกลดการใช้ไม่ได้ทำให้ความมองโลกในแง่ดีของป๊าลดลงเลย
“แล้วแบบนี้ก็ต้องหยุดงานใช่ไหมครับ”
“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้วสิ เออ! ป๊าลืมไปเลยว่าช่วงนี้มีนัดคุยงานกับลูกค้าสำคัญ” ป๊าเริ่มหน้าซีดเมื่อนึกสิ่งสำคัญขึ้นได้ ลูกค้าคนนี้คงจะสำคัญมากจริง ๆ ถึงขั้นทำให้ป๊าหน้าซีดได้นี่ไม่ธรรมดาเลย
“ดีแล้วครับที่ผมกลับมา จะได้อยู่จัดการลูกค้าที่ป๊าติดพันไว้ให้ระหว่างรอป๊าหายดี” ผมตัดสินบอกออกไปแบบนั้น จะให้หนีกลับก่อนทั้ง ๆ ที่ร่างกายป๊ายังไม่สมบูรณ์ และกังวลกับเรื่องงานแบบนี้ก็ดูจะเป็นลูกที่เนรคุณไปหน่อย อยู่ช่วยจนกว่าป๊าจะหายดีแล้วค่อยกลับก็ได้
“แล้วหนูพรีมล่ะ”
“นั่นสิ หนูพรีมอยู่ที่นั่นคนเดียวนะคริส ทางนี้ม้าจัดการเองก็ได้” หม่าม้าไม่เห็นด้วยที่ผมจะอยู่ต่อ แต่ผมเองก็ไม่เห็นด้วยที่หม่าม้าจะเป็นคนคุยกับลูกค้าเหมือนกัน หม่าม้าไม่ถนัดงานตรงนี้เลยเพราะเป็นคนใจร้อน ถ้าลูกค้าเรื่องมากเยอะ ๆ เข้าคงปรี๊ดแตกจนเสียเรื่อง
“ผมฝากพรีมไว้กับแซนดี้ครับ ผมจะอยู่ช่วยที่นี่ก่อน หวังว่าเรื่องงานคงไม่นานจนต้องอยู่หลายอาทิตย์”
.
.
ซะที่ไหนล่ะ!
ผมถอนหายใจออกมา สองอาทิตย์กว่าแล้วที่ผมอยู่ที่ไทย แม้ว่าทั้งผมและพรีมจะวิดีโอคุยกันทุกวัน แต่มันก็ไม่เหมือนตอนที่ได้อยู่ด้วยกัน ผมคิดถึงพรีม คิดถึงลูก
ตอนนี้ผมอยู่ที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ผมมีนัดคุยงานกับลูกค้าคนสำคัญของป๊า ถึงแม้ว่าผมจะอยู่ที่นี่มาได้สองอาทิตย์กว่าแล้ว แต่ทุกครั้งที่คุยงานผมมักจะคุยผ่านผู้ช่วยของลูกค้ารายนี้ แต่นี่เป็นการคุยครั้งสำคัญ ลูกค้าที่ทำตัวลึกลับเหลือเกินจะเดินทางมาคุยด้วยตัวเอง ผมถอนหายใจครั้งที่ร้อยระหว่างรอ ได้แต่หวังว่าโปรเจกต์นี้จะจบลงโดยเร็ว
พอได้เข้ามาคุยงานเองผมถึงได้รู้ว่าทำไมป๊าต้องหน้าซีดขนาดนั้น เพราะนี่เป็นโปรเจกต์ยักษ์ระดับหมื่นล้าน การตกแต่งคอนโดหรูที่สร้างใหม่ใจกลางเมือง เป็นลักชัวรี่คอนโดที่มีมูลค่ามหาศาล ราคาห้องขั้นต่ำก็ห้าสิบล้านแล้ว นับว่าเป็นงานยักษ์ที่สุดที่บริษัทเคยได้มา ป๊าเทียวเข้าเทียวออกคุยงานอยู่สองเดือนเต็ม เสนอไอเดียที่คิดว่าดีที่สุด เหมาะกับความแพงและหรูหราของโครงการที่สุดไป และสุดท้ายลูกค้าก็เลือกเรา
อันที่จริงผมไม่ถนัดบริหาร ผมจบด้านการออกแบบมาโดยตรง ตอนอยู่ซิดนีย์ผมทำงานให้ป๊าด้วยการออกแบบและส่งไปให้ป๊าเพื่อให้ลูกค้าดูต่อไป และก็น่าตกใจที่งานของผมนี่แหละ ที่ทำให้ลูกค้ารายนี้เลือกบริษัทเรา
บอกเลยว่าผมโคตรภูมิใจ
“คุณกิตติกรครับ คุณธนัญญ์พัฒน์เดินทางมาถึงแล้วครับ”
“ครับ ๆ” ผมรีบลุกขึ้นทันทีที่คนของลูกค้าเข้ามากระซิบแบบนั้น ผมรู้มาบ้างว่าตระกูลนี้ค่อนข้างใหญ่โต แต่ก็ไม่คิดว่าจะเล่นใหญ่ถึงขั้นต้องทำอะไรแบบนี้ด้วย เริ่มเกร็งแล้วสิ
“ฉันเป็นลูกสาวคนเล็กค่ะ มีพี่ชายสองคน พี่สาวอีกคนหนึ่ง ครอบครัวเราเป็นครอบครัวใหญ่มาก ธุรกิจก็เยอะมากด้วย ลูกทุกคนรับผิดชอบหน้าที่กันคนละอย่างบางทียังไม่พอเลยค่ะ”
“ผมเคยคิดว่าธุรกิจผมใหญ่มาตลอด จนได้มาฟังธุรกิจของคุณนัญนี่แหละครับ” ผมหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่มด ต่อให้บริษัทมีรายได้กว่าร้อยล้านในแต่ละปี แต่พอมาเทียบกับตระกูลของคุณนัญที่มีรายได้หลายพันล้านในแต่ละปีแล้วเหมือนคนละขั้นจริง ๆ
“มันไม่ดีหรอกนะคะ เหนื่อย” คุณนัญถอนหายใจออกมา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเหมือนไม่อยากให้ผมไปสงสารหรือเห็นใจเธอ “ฉันเล่าให้ฟังหรือยังคะว่าพี่ชายคนรองฉันเจ้าชู้มาก มีเรื่องสาว ๆ เข้ามาไม่เว้นวันจนฉันไม่กล้าคบใคร กลัวเจอคนเจ้าชู้แบบพี่ชายตัวเองน่ะค่ะ”
“ยังไม่ได้เล่าครับ” ผมยิ้มบาง ๆ “แต่คนเจ้าชู้มีอยู่ทั่วไปจริง ๆ แม้แต่ผมเองก็เจ้าชู้เหมือนกัน”
“จริงเหรอคะ คุณคริสนี่นะคะเจ้าชู้”
“แค่เคยน่ะครับ เมื่อก่อนควงสาวอาทิตย์ละคนเลย” ผมเล่าเรื่องที่เคยเจ้าชู้ให้คุณนัญฟัง อันที่จริงแล้วมันก็ไม่น่าเล่าเท่าไหร่ แต่เพราะผมไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้วก็เลยเล่าออกมาได้ อดีตยังไงก็ไม่มีทางลบทิ้งได้อยู่แล้ว ก็แค่ต้องอยู่กับมันไป
“ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ”
“ทำไมครับ”
“เพราะคุณไม่ได้มองนัญแบบผู้ชายเจ้าชู้ที่นัญเคยเจอมาเลยน่ะสิคะ” สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ผมใจหวิวขึ้นมาแปลก ๆ ไหนจะคำพูดนั้นอีก “หรือว่านัญไม่สวยในสายตาคุณคะ”
“ไม่ใช่ครับ” คุณนัญเป็นผู้หญิงที่สวยมาก สวยจนเหมือนไม่มีอยู่จริง ครั้งแรกที่ได้เห็นผมยังอดตะลึงในความสวยของเธอไม่ได้เลย “คุณนัญเป็นคนสวยมากครับ”
“สวยแบบที่คุณชอบหรือเปล่าคะ” คุณนัญส่งรอยยิ้มหวานมาให้ มันทำให้ผมใจกระตุก เพราะนอกจากดวงตาที่สะกดคนได้แล้ว คุณนัญยังมีรอยยิ้มที่ทำให้คนมองเคลิบเคลิ้มได้อีก
“ผม...”
ตื้อดึง
ผมสะดุ้งเมื่อเสียงมือถือของตัวเองดังขึ้น ก่อนจะส่งยิ้มขอโทษขอโพยคุณนัญ ลืมปิดเสียงมือถือตอนออกมาคุยงานได้ยังไงนะ
“ไม่เป็นไรค่ะ ตอบก่อนเถอะ เผื่อเป็นธุระสำคัญ”
“ครับ”
.
Pream : ทำอะไรอยู่ ฉันกำลังจะนอนแล้วนะ
Chris : คุยงานกับลูกค้าน่ะ
Pream : เหรอ งั้นก็สู้ ๆ นะ จะได้รีบกลับมา
Pream : คิดถึง
ผมอ่านสองคำนั้นด้วยหัวใจที่เรียบนิ่ง ทั้ง ๆ ที่เป็นครั้งแรกที่ได้คำแบบนี้จากพรีม แต่ทำไมผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย
Chris : อืม ฝันดีนะ
ผมตอบไปแค่นั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด