PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด นิยาย บท 7

Pream Part

.

“วันนี้แม่พรีมกลับมาบ้านเหรอเพียร”

“ค่ะ คุณพรีมรออยู่ในห้องอาหารแล้วค่ะ”

“อืม”

เสียงสนทนาของแม่และแม่เพียรทำให้ฉันรีบนั่งตัวตรง เวลาทุ่มตรงไม่ขาดไม่เกินทั้งพ่อและแม่ก็เดินเข้ามา ฉันยกมือไหว้พวกท่าน พ่อส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ก่อนจะนั่งลงตรงหัวโต๊ะ ส่วนแม่เพียงแค่พยักหน้ารับเล็กน้อยและนั่งลงตรงข้ามกับฉัน

“เป็นยังไงเรา ปกติกลับบ้านแค่เสาร์อาทิตย์ ทำไมวันนี้กลับบ้านล่ะ” พ่อเป็นคนเอ่ยถามขึ้นก่อน ใบหน้าหล่อเหลาของท่านมีรอยยิ้มอยู่เสมอเป็นภาพที่เคยชินสำหรับฉันไปแล้ว

“หนูมีเรื่องต้องคุยกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ แต่ทานข้าวก่อนจะดีกว่า” ฉันบอกไปแบบนั้นเพราะรู้ดีว่าแม่ไม่ชอบให้พูดคุยกันระหว่างทานข้าว ท่านถือว่าเป็นกิริยาที่ไม่สุภาพ

“เอาอย่างนั้นก็ได้” พูดจบพ่อก็ลงมือทานอาหารทันที ฉันเองก็ไม่ต่างกัน กับข้าวบางอย่างส่งกลิ่นรบกวนจนท้องไส้เริ่มปั่นป่วน แต่พอได้ลิ้มรสแกงส้มรสเปรี้ยว ๆ เผ็ด ๆ ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่นานมื้อค่ำที่แสนเรียบง่ายก็ผ่านพ้นไป แม่มองฉันที่ไม่แตะอาหารอย่างอื่นนอกจากแกงส้มหลายครั้งแต่ก็ไม่คิดจะเอ่ยถาม ฉันเองก็ได้แต่หลบตาท่านเพราะกลัวว่าจะถูกจับสังเกตเอาได้

“มีอะไรจะคุยกับพ่อกับแม่อีกเรา” เราสามคนพากันเดินมาที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งเป็นห้องเดียวกับที่ฉันบอกพวกท่านว่าจะไม่หมั้นกับพี่มาเฟีย และวันนี้ฉันจะใช้เป็นสถานที่บอกเรื่องสำคัญกับท่านทั้งสองอีกครั้ง

พ่อและแม่นั่งลงบนโซฟาตัวยาว ส่วนฉันเองก็นั่งลงบนโซฟาตัวเล็ก มือทั้งสองข้างวางประสานอยู่บนตักอย่างเรียบร้อย แต่ภายใต้ความเรียบร้อยที่ไม่มีใครเห็นนั้นมันเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อด้วยความวิตก

“หนู...” พ่อและแม่มองมาอย่างสนใจเมื่อฉันเริ่มเอ่ยพูด “คือ...หนูจะกลับไปทำงานและเรียนต่อที่ออสเตรเลียค่ะ”

“ทำไม งานที่ไทยไม่ชอบเหรอ” แม่เอ่ยถามด้วยเสียงที่เรียบนิ่ง แต่ดวงตาคู่สวยจ้องมองมาที่ฉันไม่ลดละเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่าง ซึ่งวัวสันหลังหวะแบบฉันไม่กล้าสบตาท่านจึงได้แต่ก้มมองมือตัวเองเพราะไม่รู้ว่าจะเอาสายตาไปไว้ตรงไหน

“มันไม่ใช่สายที่หนูเรียนมาค่ะคุณแม่ ถ้าหนูอยู่ที่นั่นจะต่อยอดได้มากกว่า อีกอย่าง...ก่อนเรียนจบก็มีแบรนด์ที่หนูชอบมาทาบทามให้ไปทำงานด้วย หนูเลยไม่อยากเสียโอกาสน่ะค่ะ”

“เหตุผลมีแค่นั้นเหรอ” คำถามของแม่ทำให้ฉันเผลอกำกระโปรงตัวเองแน่น ก่อนจะปล่อยออกเมื่อรู้ตัวว่ากำลังแสดงท่าทีมีพิรุธออกไป

“แค่นี้ค่ะ”

“แล้วจะไปเมื่อไหร่”

“มะรืนค่ะ”

“มะรืน??? ทำไมมันเร็วแบบนี้พรีม” คราวนี้เป็นพ่อที่ตกใจเมื่อฉันบอกแบบนั้น อันที่จริงฉันยังไม่ได้เตรียมอะไรเลย ตั๋วเครื่องบินยังไม่มี กระเป๋าก็ยังไม่ได้เก็บ มีแค่วีซ่าที่ตอนนี้ยังเหลืออยู่เลยไม่ต้องทำวีซ่าใหม่ให้ยุ่งยาก ส่วนเรื่องงานก็คงต้องยอมเสียเครดิตลาออกกะทันหัน เพราะฉันไม่มีเวลาแล้ว ช่วงนี้ฉันแพ้ท้องค่อนข้างหนัก อีกไม่นานพ่อกับแม่ต้องสงสัยแน่ ๆ ว่าฉันเป็นอะไรถึงมีอาการแปลก ๆ แบบนี้ ฉันต้องรีบกลับที่ไปออสเตรเลียให้เร็วที่สุด

“ลูกอยากไปก็ปล่อยให้เขาไปสิคะ แม่พรีมโตแล้ว ตัดสินใจอะไรได้เองแล้ว” แม่บอกพ่อด้วยเสียงเรียบนิ่ง แต่ดวงตาคู่นั่นยังคงจ้องมองฉันอยู่เหมือนเดิม “แค่ไม่ไปทำให้ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลเสียหายก็พอ”

คำพูดของแม่ทำให้ใจฉันหล่นวูบ เด็กที่มีความผิดแบบฉันร้อนรนจนไม่กล้าสบตาใคร ฉันเดาไม่ออกเลยว่าถ้าแม่รู้ว่าลูกสาวคนเดียวใจแตกจนท้องไม่มีพ่อแบบนี้ แม่จะผิดหวังและเสียใจแค่ไหน

“แต่มันเร็วเกินไป ลูกเพิ่งกลับมาได้แค่สองเดือนเองนะคุณพิมพ์”

“ลูกตัดสินใจแล้ว เราห้ามอะไรไม่ได้หรอกค่ะ” แม่หันไปพูดกับพ่อ และนั่นทำให้ฉันหายใจได้สะดวกขึ้นบ้างเมื่อไม่ถูกจ้อง วันนี้โชคดีที่แม่เข้าใจและช่วยพูดกับพ่อให้ เพราะถ้าแม่ไม่เข้าใจและแย้งเหมือนที่พ่อกำลังทำฉันคงสู้สองเสียงไม่ได้

“พ่อต้องคิดถึงลูกมากแน่ ๆ”

“หนูจะโทรหาทุกวันค่ะ” ฉันพูดก่อนจะเข้าไปกอดพ่อเพื่อซึมซับไออุ่น หลังจากนี้ฉันต้องออกไปเผชิญโลกกว้างตามลำพังกับลูกอีกสองคน และฉันไม่รู้ว่าถ้าทุกคนรู้ความลับที่ฉันซ่อนไว้ พ่อและแม่จะโกรธเกลียดจนไม่อยากแตะเนื้อต้องตัวฉันหรือเปล่า

ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ

.

.

ซิดนีย์ ออสเตรเลีย

.

“ฮายพิมมี่ เวลคัมทูซิดนีย์อีกครั้งนะ” เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนสนิททำให้ฉันหันกลับไปมอง ก่อนจะหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าของเสียงกำลังวิ่งเข้ามาหา ฉันอ้าแขนรับร่างที่ใหญ่กว่าตามเชื่อชาติของอีกฝ่ายเข้ามากอดแน่น

เธอคนนี้ชื่อแซนดี้ แซนดี้คือหญิงสาวสัญชาติออสซี่อายุมากกว่าฉันหนึ่งปี เธอเป็นคนออสเตรเลียแท้ ๆ ทั้งแต่เกิด แต่ไปเติบโตที่นอร์เวย์และกลับมาอยู่ออสเตรเลียช่วงไฮสกูล ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ฉันเข้าเรียนไฮสกูลพอดี พอต่างคนต่างไม่มีเพื่อนเลยตัดสินใจคบหากัน สุดท้ายก็เป็นเพื่อนกันมานานถึงเจ็ดปีเต็ม

แซนดี้นิสัยดีมาก เธอเป็นคนอารมณ์ดี พูดเก่ง และรักเพื่อนเหมือนครอบครัว เป็นคนตรง ๆ ใครดีมาก็จะดีตอบ แต่ถ้าร้ายมาแซนดี้ก็ไม่เคยกลัว หลายครั้งที่ฉันถูกรังแกเพราะการเหยียดเชื้อชาติ ก็ได้แซนดี้นี่แหละที่คอยช่วยไว้ ถ้าชีวิตฉันไม่มีแซนดี้ก็คงไม่มีทางมีความสุขได้ขนาดนี้

สมัยเรียนแม่สั่งให้ฉันไปพักกับญาติที่แม่ไว้ใจเลยทำให้ฉันไม่ได้พักหอกับแซนดี้ แต่ครั้งนี้ฉันมาที่นี่ด้วยความอิสระ แม่ไม่ได้บังคับอะไรฉันเลย แม้จะอดแปลกใจไม่ได้ที่แม่ตามใจและปล่อยฉันผิดปกติ แต่ฉันก็ดีใจที่มันเป็นแบบนี้ นกน้อยตัวนี้จะได้ออกจากกรงบ้างเสียที

“อยู่ ๆ ก็กลับมา ไม่ทันได้เตรียมอะไรเลย” แซนดี้ว่าพลางเก็บของในบ้านพักให้เข้าที่ อันที่จริงมันไม่ได้รกมาก แต่แซนดี้รู้ดีว่าฉันเป็นคนเจ้าระเบียบและแพ้ฝุ่น เธอจึงอยากเตรียมทุกอย่างให้พร้อมเพื่อต้อนรับฉัน แซนดี้แสนดีแบบนี้เสมอ

“ไม่เห็นต้องเตรียมอะไรเลยนี่นา...”

“ไม่ได้หรอก พิมมี่คือเพื่อนรักของฉัน ฉันก็ต้องดูแลและต้อนรับพิมมี่เป็นอย่างดีสิ”

“อย่างนั้นเหรอ” ฉันถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอ่ยเรื่องที่ทำให้ต้องรีบบินมาอยู่ที่นี่ออกไป “แบบนี้จะช่วยดูแลคนเพิ่มอีกสองคนได้ไหมน้า”

“พูดอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย” แซนดี้มองฉันด้วยความงุนงง ฉันยิ้มกว้างกว่าเดิมก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ที่เก็บไว้กับตัวตลอดเวลาส่งให้เพื่อนสนิท

แซนดี้รับกระดาษแผ่นนั้นไปคลี่ดูด้วยความสงสัย ก่อนที่ดวงตาสีเทาอมฟ้าจะเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ “พะ...พิมมี่ นี่มัน...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด