Chris Part
.
หลังจากที่คุยกันเสร็จแซนดี้ก็อนุญาตให้ผมเข้ามาในบ้าน ส่วนตัวเธอขอตัวไปที่บริษัท อ้างว่าต้องเข้าไปเคลียร์งานนิดหน่อย อันที่จริงผมแอบคิดว่าเธอแค่ต้องการจะเปิดโอกาสให้ผมได้คุยกับพรีมตามลำพังนั่นแหละ แต่คงไม่อยากให้ดูโจ่งแจ้งไป ก็เลยยกเรื่องงานมาอ้าง
ภายในบ้านมีขนาดเล็กและแคบไม่ต่างจากที่เห็นจากภายนอก แต่กลับตกแต่งและจัดวางข้าวของอย่างเป็นระเบียบไม่ได้รู้สึกว่ารกหรือเกะกะเลย ผมยืนหมุนอยู่ตรงกลางบ้านอย่างคนทำอะไรไม่ถูกอยู่แบบนั้นพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนโซฟาตัวนุ่มที่ตั้งอยู่
ฟุ่บ
“แซนดี้ ไม่ได้ไปข้างนอกหรอกเหรอ” เสียงเรียกที่ดังมาจากห้องขวามือทำให้ผมรีบเด้งตัวขึ้นจากโซฟาที่เพิ่งนั่งไป คนข้างในคงคิดว่าผมคือแซนดี้เพื่อนของเธอ
แกร๊ก
“แซน...นาย เข้ามาได้ยังไง” ดวงตาสวยเบิกกว้างทันทีที่เห็นว่าคนที่ยืนงงอยู่ในบ้านหลังนี้ไม่ใช่เพื่อนตัวเอง เธอทำท่าจะกลับเข้าไปในห้องของตัวเองอีกครั้ง แต่ผมรีบเข้าไปยึดประตูบานนั้นไว้แน่น
“พรีม อย่าหนี”
“ต้องหนีสิ นายบุกรุกบ้านฉันอยู่นะ!”
“ฉันไม่ได้บุกรุก”
“แล้วเข้ามาได้ยังไงเล่า! ผีเปิดประตูให้หรือไง”
“ไม่ใช่ผี แต่แซนดี้ให้เข้ามาต่างหาก”
“ว่ายังไงนะ!”
“ออกมานั่งคุยกันดี ๆ ก่อน แซนดี้บอกว่าเธอลุกขึ้นมาอ้วกตั้งแต่ตีสี่ยังไม่ได้กินอะไร ไม่กลัวลูกหิวเหรอ” ผมยกเรื่องลูกขึ้นพูดเหมือนที่เธอเคยทำกับผม พรีมนิ่งไปซักพัก ก่อนจะยอมปล่อยประตูที่ยื้อแย่งกับผม และเดินไปที่อีกส่วนของบ้าน
“แซนดี้นะแซนดี้ หักหลังกันได้ลง คอยดูเถอะ”
เสียงบ่นพึมพำของอีกฝ่ายทำให้ผมเริ่มกลัวแทนแซนดี้ แต่เรื่องนี้ตัวใครตัวมันก็แล้วกันนะ เพราะขนาดตัวผมยังเอาไม่รอดเลย...
“ฉันทำให้” ผมรีบอาสาทันทีเมื่อเห็นว่าพรีมกำลังเตรียมมื้อเช้าสไตล์อเมริกันง่าย ๆ ใบหน้าสวยยอมหันกลับมามอง ก่อนจะเอ่ยออกมาสั้น ๆ
“ไม่ต้องมายุ่ง”
จบ โอเค ผมไม่ยุ่งก็ได้
ผมเลิกวุ่นวายกับพรีมที่กำลังทอดไส้กรอกอยู่ และหันมาล้างผลไม้ที่ซื้อมาเพื่อไว้ให้อีกฝ่ายกินหลังมื้อเช้า ในเมื่อพรีมไม่อยากให้ช่วยผมก็จะไม่เซ้าซี้ เพราะจากที่อ่านมาคนท้องจะหงุดหงิดง่ายมาก ไม่ควรขัดใจเธอเป็นอันขาด
“ทำอะไรอะ”
“ล้างผลไม้ไง” ผมหันกลับไปตอบอีกฝ่ายพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น พรีมดูสนอกสนใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ “มะม่วงเปรี้ยว อยากกินไหม”
“ไม่เห็นอยากกินเลย” พรีมตอบก่อนจะหันไปทอดไส้กรอกต่อ ผมหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อถูกปฏิเสธแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยแบบนั้น แต่สุดท้ายก็หันกลับมาล้างผลไม้ต่อ ล้างและหันไว้ให้ก่อนแล้วกัน เธอจะกินไม่กินก็ไม่เป็นไร
อันที่จริงการหั่นผลไม้ก็เป็นเรื่องที่ไกลตัวผมเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรการปอกและหั่นมะม่วงถึงได้ผ่านไปได้ด้วยดีโดยที่นิ้วมือผมยังอยู่ครบ ผมจัดการยกผลไม้ทั้งหมดที่เตรียมไว้ไปให้อีกฝ่ายที่นั่งกัดไส้กรอกอยู่ พรีมปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะหันไปจัดการอาหารของตัวเองต่อโดยไม่สนใจผมอีก
“...”
เพิ่งเคยโดนผู้หญิงเมินขนาดนี้ ผมพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งมองอีกฝ่ายจัดการอาหารอย่างเงียบ ๆ พรีมไม่สนใจผมจริง ๆ เพราะเธอไม่คิดที่จะทำมื้อเช้าเผื่อผมเลยด้วยซ้ำ โชคดีที่ผมหาอะไรกินมาก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้นั่งท้องร้องให้ขายขี้หน้า
“ไม่มีใครเคยบอกเหรอว่าอย่ามานั่งมองคนอื่นกินข้าวแบบนี้ เสียมารยาท”
“ก็ฉันไม่รู้จะทำอะไร”
“กลับบ้านนายไปซะสิ มานั่งเสียเวลาอยู่ตรงนี้ทำไม” พรีมเสนอทางออกให้ทันที ซึ่งมันก็คือการไล่ให้ผมไปไกล ๆ นั่นแหละ ผมได้แต่นั่งหน้าชาแล้วชาอีก แต่ก็หน้าด้านพอที่จะไม่บ้าจี้หนีกลับไปจริง ๆ เพียงแค่เธอออกปากไล่
“กลับได้ยังไง เมียกับลูกอยู่ที่นี่”
“เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว” พรีมถอนหายใจออกมา “โอเค สองคนในท้องฉันคือลูกของนาย แต่ก็ไม่ได้แปลว่านายจะเหมารวมว่าฉันเป็นเมียนายได้”
“ตะ...”
“เลิกพูด ฉันเวียนหัว”
“...” ผมหุบปากฉับ สุดท้ายก็ได้แต่นั่งมองนู่นนี่นั่นไปเรื่อย พูดก็ไม่ได้ มองหน้าก็ไม่ได้ คนท้องนี่เอาใจยากจริง ๆ
พรีมนั่งจัดการอาหารของตัวเองไปเงียบ ๆ เธอไม่ได้เอ่ยไล่ผมอีกเพราะคงเบื่อที่จะพูด แต่ก็ทำเหมือนว่าผมไร้ตัวตน เธอลุกขึ้นเดินไปล้างทำความสะอาดจานและครัวโดยที่ไม่ร้องขอความช่วยเหลือจากใคร ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อหยิบเอกสารและโน๊ตบุ๊คออกมานั่งทำงานที่โซฟา ผลไม้ที่ผมปอกไว้ไม่ได้ถูกแตะแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาและเอาผลไม้ทั้งหมดใส่กล่องเก็บเข้าตู้เย็นไป
“...”
ผมกลับมานั่งที่โต๊ะกินข้าวเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนมุมนั่งเป็นมุมที่สามารถมองเห็นอีกฝ่ายที่นั่งทำงานอยู่ได้ เสียงพิมพ์งานก๊อกแก๊กของเธอเหมือนขับกล่อมให้ผมเคลิบเคลิ้ม อีกทั้งเมื่อคืนผมได้นอนไปไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ เพียงไม่นานหนังตาทั้งสองข้างก็หนักจนแบกไว้ไม่ไหว ขอพักสายตาซักสิบนาทีก็แล้วกัน...
.
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด