ตอน PLAYBOY : 15 จาก PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
PLAYBOY : 15 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายนิยายสำหรับผู้ใหญ่ PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด ที่เขียนโดย Cherr เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
Pream Part
.
“ฉันขอกลับไปเคลียร์โปรเจกต์จบให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะกลับมารับเธอ”
เขาเอ่ยบอกกับฉันก่อนที่จะบินกลับประเทศไทย
“ฝากดูแลพรีมด้วยนะแซนดี้”
และหันไปบอกแซนดี้ที่ช่วงนี้ดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่เห็นต้องฝงฝากอะไรกับใครเลย ฉันดูแลตัวเองได้เหอะ*
.
.
“เหม่ออะไรพิมมี่” ซาร่าสะกิดไหล่ฉันเบา ๆ ฉันกระพริบตาสองทีเพื่อเรียกสติที่หลุดลอยไปให้กลับมา ก่อนจะหันไปตอบอีกฝ่าย
“เปล่า”
“นึกว่าเครียดอะไร ดูเหม่อลอยผิดปกติ”
“ไม่ได้เครียดอะไรหรอก” ฉันโกหก อันที่จริงช่วงนี้ก็ไม่ได้คิดมากจนถึงขั้นเครียดจริง ๆ นั่นแหละ แต่มันก็มีเรื่องในหัวที่ต้องคิดมากมายจนเผลอเหม่อบ่อย ๆ ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เอาซะเลย “บอสกลับมาวันไหนเหรอ”
“พรุ่งนี้”
“โอเค ขอบใจนะ” ฉันยิ้มให้ซาร่า ก่อนจะหันกลับมาทำงานต่อ แต่หัวก็ยังคิดถึงอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่หยุด
หลังจากที่ฉันโทรไปบอกคริสเรื่องแต่งงาน เช้าวันต่อมาเขาก็มาหาฉันด้วยสีหน้าที่สดชื่นกว่าวันก่อน ๆ แต่เพราะว่าฉันต้องทำงานเขาจึงมาส่งฉันและกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ของตัวเอง รอจนฉันเลิกงานก็มารับ และกลับไปคุยกันต่อที่บ้าน
เขามารับมาส่งฉันทุกวันในช่วงที่เขาอยู่ที่ซิดนีย์ ทั้ง ๆ ที่ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้อง แต่คริสกลับทำตัวเป็นผู้ชายที่หน้ามึนมากที่สุดในโลก เพราะเขาไม่ได้สนใจแม้ฉันออกปากจะไล่ แถมยังลอยหน้าลอยตายิ้มโชว์ลักยิ้มทั้งสองข้างให้อีก อันที่จริงมันไม่ชินเลยที่มีคนมารับมาส่งแบบนี้ ซาร่าและนีน่ารวมถึงพนักงานคนอื่น ๆ เห็นคริสกันหมดแล้ว แต่พวกเธอไม่ได้มีคำถามเพราะคงคิดไปแล้วว่าคริสคือพ่อของลูกฉัน คือพวกเธอไม่รู้มาก่อนน่ะว่าทีแรกฉันท้องไม่มีพ่อ เรื่องนี้แม้แต่บอสเองก็ไม่รู้ และบอสก็เป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่าฉันมีพ่อของลูกมาเทียวรับเทียวส่งแบบนี้ เพราะเจ้าตัวบินไปงานแฟชั่นโชว์ที่ต่างประเทศ กลับพรุ่งนี้อย่างที่ซาร่าบอก
ตอนแรกที่คุยกับคริส ฉันเสนอให้เขาและฉันจดทะเบียนสมรสกันก็พอ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย แต่คริสไม่ยอม เขายกแม่ของฉันขึ้นมาอ้าง เลยทำให้ฉันปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็คริสเองก็ยอมทำตามที่ฉันขอด้วยการจัดงานเล็ก ๆ เชิญแค่คนสนิทเหมือนกัน เรียกได้ว่ายอมเจอกันคนละครึ่งทาง แม้คริสจะค่อนข้าง...หน้ามึน แต่เขาก็เอาใจฉันพอสมควร อาจจะเพราะว่าฉันกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ด้วยก็ได้ แต่ก็ถือเป็นข้อดี หมดปัญหาไปหนึ่งอย่าง
งานแต่งของเราใช้ฤกษ์สะดวก คริสส่งโปรเจกต์จบช่วงกลางเดือนกุมภา และงานแต่งจะจัดขึ้นช่วงต้นอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนา เพราะถ้านานกว่านี้ท้องฉันคงโตจนทำให้วงศ์ตระกูลขายหน้า เขาบอกฉันว่าจะเตรียมงานคร่าว ๆ ไปก่อน เมื่อทำธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้วจะบินมารับฉันไปเตรียมตัว และลองชุดแต่งงาน ซึ่งฉันต้องบินไปตั้งแต่กลางกุมภา กว่าจะได้กลับมาก็กลางมีนา และนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่....
ฉันเพิ่งเข้ามางานที่นี่ได้ไม่นาน ไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องลางานเป็นเดือนแบบนี้ แม้บอสจะใจดีแค่ไหนแต่ก็คงไม่พอใจอยู่เหมือนกัน ยิ่งช่วงนี้ต้องเร่งโปรเจกต์ที่กำลังทำให้เสร็จด้วย ทางเดียวที่จะพอทำให้บอสผ่อนปรนลงได้คือฉันต้องแก้แบบออกมาให้ทันก่อนบินกลับไทย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“เหม่ออีกแล้ว”
“โทษทีจ้ะ”
ฉันสะบัดหัวเบา ๆ ไล่ความคิดทั้งหมดออกไป ก่อนจะตั้งใจทำงานต่อ ไม่ให้ซาร่าเดินมาบ่นได้เป็นรอบที่สาม
.
.
Chris : ฉันถึงไทยแล้วนะ
Pream : อืม
ฉันตอบข้อความอีกฝ่ายไปเรียบ ๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามันเรียบเกินไปจึงกดพิมพ์เพิ่มอีกนิดหน่อย
Pream : ดีแล้ว
Chris : ที่นู่นดึกแล้วใช่ไหม
Pream : สามทุ่มแล้ว
Chris : เธอจะเข้านอนกี่โมง
Pream : หลังคุยกับนายเสร็จ
Chris : งั้นเหรอ...
Chris : พรีม
Pream : ว่า
Chris : พรุ่งนี้ฉันจะให้ป๊ากับม้าเข้าไปขอเธอจากแม่ของเธอนะ
Pream : เหรอ...
ฉันตอบได้แค่นั้น เพราะไม่รู้จะตอบอะไรมากกว่านี้ดี จนถึงวันนี้ฉันยังไม่กล้าโทรกลับไปหาแม่เลยด้วยซ้ำ ฉันเอาแต่หนีปัญหาไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีทางหนีพ้น
Chris : อันที่จริงเธอน่าจะกลับไทยมาพร้อมฉัน จะได้สู่ขอให้ถูกต้อง นี่จะขอลูกสาวเขา แต่เจ้าตัวกลับอยู่อีกประเทศ
คริสบ่นมายืดยาว ช่วงที่เขาเทียวมารับมาส่งฉันเขาพูดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ฉันยืนยันที่จะบินตามไปทีหลัง สุดท้ายเขาก็ยอมตามใจแม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
Pream : ไม่ได้ ฉันต้องทำงาน
Chris : เดี๋ยวเธอก็ต้องกลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว ลาออกเลยก็ได้นะ
Pream : ใครบอกว่าฉันจะกลับไปอยู่ที่ไทย
ฉันพิมพ์ถามกลับไปด้วยความงุนงง ไม่เคยพูดซักคำว่าจะกลับไปอยู่ที่ไทย ทำไมคริสถึงได้คิดแบบนั้น
ฉันยอมแต่งงานกับคริสก็จริง แต่ฉันไม่คิดจะกลับไปอยู่ที่ไทยหลังจากแต่งงาน เพราะเหตุผลเดียวกับที่บอกพ่อกับแม่ไป ที่นี่สามารถต่อยอดอาชีพของฉันได้มากกว่า ดูง่าย ๆ อย่างที่ฉันกลับไปที่ไทยก็ต้องไปทำงานที่ไม่ตรงสาย แต่พอมาอยู่ที่นี่เพียงไม่นานก็จะได้มีเสื้อผ้าที่ออกแบบเองวางขายในตลาดแล้ว ฉันไม่ได้คิดจะอยู่ที่ออสเตรเลียถาวร แต่อย่างน้อยขอให้ประสบความสำเร็จกับอาชีพมากพอก่อนถึงจะกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี่แน่
คริสอ่านข้อความนั้นแล้ว เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา รอจนเกือบห้านาทีก็ยังเงียบกริบ ฉันจึงตัดสินใจวางมือถือและเอนตัวลงนอน เตรียมตัวพักผ่อน
ติ๊ด ติ๊ด
.
.
“ลาเดือนหนึ่งเลยเหรอ”
“ค่ะบอส” ฉันไม่กล้าสบตาสีฟ้าสดใสนั่นหลังจากพูดเรื่องสำคัญไป ได้แต่มองแฟ้มของเขาบนโต๊ะอย่างไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงไหนดี การเอ่ยขอลางานเป็นเดือนทั้ง ๆ ที่ตัวเองยังทำงานได้ไม่ถึงเดือนทำให้ฉันประหม่า กลัวว่าจะทำให้เขาไม่พอใจได้ ซึ่งเขามีสิทธิ์ไม่พอใจได้เต็มที่เลยด้วยซ้ำ
“เหตุผลล่ะ” นิโคลัสเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม “อย่าเข้าใจผิดว่าผมจุ้นจ้านเลยนะพิมมี่ ปกติถ้าลางานแค่สองสามวันผมไม่เคยถามวุ่นวายอยู่แล้ว แต่นี่คุณขอลานานมาก ผมจำเป็นต้องรู้เหตุผลของคุณ”
“ฉันเข้าใจค่ะบอส” ฉันบอกออกไป เข้าใจนิโคลัสดีเพราะถ้าเป็นฉันก็ต้องถามเหมือนกัน “คือฉันลากลับไปแต่งงานน่ะค่ะ”
“แต่งงาน?”
“ค่ะ”
“อ๋อ แต่งงานกับพ่อของลูกสินะ”
“ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับ
“อันที่จริง อย่าหาว่างั้นงี้เลยนะ ผมไม่เคยเห็นสามีคุณมาก่อน ก็เลยคิดไปเองว่าคุณเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวน่ะ ขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะบอส” ฉันตอบพร้อมยิ้มแหย เพราะที่เขาคิดไว้มันก็ไม่ได้ผิดนักหรอก เพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว
“ผมให้คุณลาได้ แต่งงานเมื่อไหร่นะ”
“วันที่แปดเดือนมีนาค่ะ”
“บัญชีเขาจะคิดเงินเดือนลำบากถ้าคุณลาแบบนั้น เอาเป็นว่าผมอนุญาตให้คุณลาได้ถึงปลายมีนา เผื่อฮันนีมูนด้วยไง แต่เดือนมีนาจะไม่ได้เงินเดือนนะ โอเคไหม”
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะบอส” อันที่จริงฉันไม่ได้คิดเรื่องฮันนีมูนไว้เลย แต่ได้หยุดยาวก็ดีเหมือนกัน เพราะช่วงงานแต่คงเหนื่อยมาก แถมฉันตั้งท้องอยู่แบบนี้ด้วย
“ส่วนโปรเจกต์ คุณจะพับไว้ก่อน หรือคุยงานทางเมล์ดี ผมได้หมดนะ แต่กลัวว่าคุณจะเหนื่อยเกินไป”
“คุยทางเมล์ก็ได้ค่ะบอส เดี๋ยวงานจะเสร็จไม่ทันที่บอสวางแผนไว้ ส่วนมากงานแต่งเขา...เอ่อ ฉันหมายถึงสามีของฉันน่ะค่ะ เขาเป็นคนจัดการ เพราะฉันท้องอยู่”
“เอางั้นก็ได้” นิโคลัสยิ้มออกมาจนได้ ลักยิ้มที่แก้มของเขาทำให้ฉันคิดถึงผู้ชายอีกคนอีกแล้ว “สามีคุณดูเป็นคนดีมากนะ แต่ผมจะไม่พูดว่ายินดีด้วยนะตอนนี้หรอก เพราะผมจะไปยินดีกับคุณที่งานแต่งของคุณ”
ฉันหัวเราะออกมาเมื่อเขาหยอกล้อแบบนั้น เพราะนิโคลัสเป็นคนอารมณ์ดี เขาเลยไม่ค่อยเครียดและทำให้คนรอบกายคลายเครียดไปด้วย
“งั้นฉันคงไม่ต้องพิมพ์บัตรเชิญให้บอส เพราะเชิญตอนนี้เลยได้ใช่ไหมคะ”
“เอางั้นก็ได้นะ” นิโคลัสยักไหล่
สุดท้ายเราสองคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน บรรยากาศในห้องผ่อนคลายลงจนความกังวลที่มีทั้งหมดค่อย ๆ จางหายไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด