Pream Part
.
“ฉันขอกลับไปเคลียร์โปรเจกต์จบให้เรียบร้อยก่อน แล้วจะกลับมารับเธอ”
เขาเอ่ยบอกกับฉันก่อนที่จะบินกลับประเทศไทย
“ฝากดูแลพรีมด้วยนะแซนดี้”
และหันไปบอกแซนดี้ที่ช่วงนี้ดูเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ไม่เห็นต้องฝงฝากอะไรกับใครเลย ฉันดูแลตัวเองได้เหอะ*
.
.
“เหม่ออะไรพิมมี่” ซาร่าสะกิดไหล่ฉันเบา ๆ ฉันกระพริบตาสองทีเพื่อเรียกสติที่หลุดลอยไปให้กลับมา ก่อนจะหันไปตอบอีกฝ่าย
“เปล่า”
“นึกว่าเครียดอะไร ดูเหม่อลอยผิดปกติ”
“ไม่ได้เครียดอะไรหรอก” ฉันโกหก อันที่จริงช่วงนี้ก็ไม่ได้คิดมากจนถึงขั้นเครียดจริง ๆ นั่นแหละ แต่มันก็มีเรื่องในหัวที่ต้องคิดมากมายจนเผลอเหม่อบ่อย ๆ ไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เอาซะเลย “บอสกลับมาวันไหนเหรอ”
“พรุ่งนี้”
“โอเค ขอบใจนะ” ฉันยิ้มให้ซาร่า ก่อนจะหันกลับมาทำงานต่อ แต่หัวก็ยังคิดถึงอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่หยุด
หลังจากที่ฉันโทรไปบอกคริสเรื่องแต่งงาน เช้าวันต่อมาเขาก็มาหาฉันด้วยสีหน้าที่สดชื่นกว่าวันก่อน ๆ แต่เพราะว่าฉันต้องทำงานเขาจึงมาส่งฉันและกลับไปที่อพาร์ทเมนท์ของตัวเอง รอจนฉันเลิกงานก็มารับ และกลับไปคุยกันต่อที่บ้าน
เขามารับมาส่งฉันทุกวันในช่วงที่เขาอยู่ที่ซิดนีย์ ทั้ง ๆ ที่ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้อง แต่คริสกลับทำตัวเป็นผู้ชายที่หน้ามึนมากที่สุดในโลก เพราะเขาไม่ได้สนใจแม้ฉันออกปากจะไล่ แถมยังลอยหน้าลอยตายิ้มโชว์ลักยิ้มทั้งสองข้างให้อีก อันที่จริงมันไม่ชินเลยที่มีคนมารับมาส่งแบบนี้ ซาร่าและนีน่ารวมถึงพนักงานคนอื่น ๆ เห็นคริสกันหมดแล้ว แต่พวกเธอไม่ได้มีคำถามเพราะคงคิดไปแล้วว่าคริสคือพ่อของลูกฉัน คือพวกเธอไม่รู้มาก่อนน่ะว่าทีแรกฉันท้องไม่มีพ่อ เรื่องนี้แม้แต่บอสเองก็ไม่รู้ และบอสก็เป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้ว่าฉันมีพ่อของลูกมาเทียวรับเทียวส่งแบบนี้ เพราะเจ้าตัวบินไปงานแฟชั่นโชว์ที่ต่างประเทศ กลับพรุ่งนี้อย่างที่ซาร่าบอก
ตอนแรกที่คุยกับคริส ฉันเสนอให้เขาและฉันจดทะเบียนสมรสกันก็พอ ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย แต่คริสไม่ยอม เขายกแม่ของฉันขึ้นมาอ้าง เลยทำให้ฉันปฏิเสธไม่ได้ แต่ก็คริสเองก็ยอมทำตามที่ฉันขอด้วยการจัดงานเล็ก ๆ เชิญแค่คนสนิทเหมือนกัน เรียกได้ว่ายอมเจอกันคนละครึ่งทาง แม้คริสจะค่อนข้าง...หน้ามึน แต่เขาก็เอาใจฉันพอสมควร อาจจะเพราะว่าฉันกำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ด้วยก็ได้ แต่ก็ถือเป็นข้อดี หมดปัญหาไปหนึ่งอย่าง
งานแต่งของเราใช้ฤกษ์สะดวก คริสส่งโปรเจกต์จบช่วงกลางเดือนกุมภา และงานแต่งจะจัดขึ้นช่วงต้นอาทิตย์ที่สองของเดือนมีนา เพราะถ้านานกว่านี้ท้องฉันคงโตจนทำให้วงศ์ตระกูลขายหน้า เขาบอกฉันว่าจะเตรียมงานคร่าว ๆ ไปก่อน เมื่อทำธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้วจะบินมารับฉันไปเตรียมตัว และลองชุดแต่งงาน ซึ่งฉันต้องบินไปตั้งแต่กลางกุมภา กว่าจะได้กลับมาก็กลางมีนา และนี่แหละที่เป็นปัญหาใหญ่....
ฉันเพิ่งเข้ามางานที่นี่ได้ไม่นาน ไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ แต่ต้องลางานเป็นเดือนแบบนี้ แม้บอสจะใจดีแค่ไหนแต่ก็คงไม่พอใจอยู่เหมือนกัน ยิ่งช่วงนี้ต้องเร่งโปรเจกต์ที่กำลังทำให้เสร็จด้วย ทางเดียวที่จะพอทำให้บอสผ่อนปรนลงได้คือฉันต้องแก้แบบออกมาให้ทันก่อนบินกลับไทย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“เหม่ออีกแล้ว”
“โทษทีจ้ะ”
ฉันสะบัดหัวเบา ๆ ไล่ความคิดทั้งหมดออกไป ก่อนจะตั้งใจทำงานต่อ ไม่ให้ซาร่าเดินมาบ่นได้เป็นรอบที่สาม
.
.
Chris : ฉันถึงไทยแล้วนะ
Pream : อืม
ฉันตอบข้อความอีกฝ่ายไปเรียบ ๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามันเรียบเกินไปจึงกดพิมพ์เพิ่มอีกนิดหน่อย
Pream : ดีแล้ว
Chris : ที่นู่นดึกแล้วใช่ไหม
Pream : สามทุ่มแล้ว
Chris : เธอจะเข้านอนกี่โมง
Pream : หลังคุยกับนายเสร็จ
Chris : งั้นเหรอ...
Chris : พรีม
Pream : ว่า
Chris : พรุ่งนี้ฉันจะให้ป๊ากับม้าเข้าไปขอเธอจากแม่ของเธอนะ
Pream : เหรอ...
ฉันตอบได้แค่นั้น เพราะไม่รู้จะตอบอะไรมากกว่านี้ดี จนถึงวันนี้ฉันยังไม่กล้าโทรกลับไปหาแม่เลยด้วยซ้ำ ฉันเอาแต่หนีปัญหาไปเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันไม่มีทางหนีพ้น
Chris : อันที่จริงเธอน่าจะกลับไทยมาพร้อมฉัน จะได้สู่ขอให้ถูกต้อง นี่จะขอลูกสาวเขา แต่เจ้าตัวกลับอยู่อีกประเทศ
คริสบ่นมายืดยาว ช่วงที่เขาเทียวมารับมาส่งฉันเขาพูดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ฉันยืนยันที่จะบินตามไปทีหลัง สุดท้ายเขาก็ยอมตามใจแม้จะไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่
Pream : ไม่ได้ ฉันต้องทำงาน
Chris : เดี๋ยวเธอก็ต้องกลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว ลาออกเลยก็ได้นะ
Pream : ใครบอกว่าฉันจะกลับไปอยู่ที่ไทย
ฉันพิมพ์ถามกลับไปด้วยความงุนงง ไม่เคยพูดซักคำว่าจะกลับไปอยู่ที่ไทย ทำไมคริสถึงได้คิดแบบนั้น
ฉันยอมแต่งงานกับคริสก็จริง แต่ฉันไม่คิดจะกลับไปอยู่ที่ไทยหลังจากแต่งงาน เพราะเหตุผลเดียวกับที่บอกพ่อกับแม่ไป ที่นี่สามารถต่อยอดอาชีพของฉันได้มากกว่า ดูง่าย ๆ อย่างที่ฉันกลับไปที่ไทยก็ต้องไปทำงานที่ไม่ตรงสาย แต่พอมาอยู่ที่นี่เพียงไม่นานก็จะได้มีเสื้อผ้าที่ออกแบบเองวางขายในตลาดแล้ว ฉันไม่ได้คิดจะอยู่ที่ออสเตรเลียถาวร แต่อย่างน้อยขอให้ประสบความสำเร็จกับอาชีพมากพอก่อนถึงจะกลับไปอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี่แน่
คริสอ่านข้อความนั้นแล้ว เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมา รอจนเกือบห้านาทีก็ยังเงียบกริบ ฉันจึงตัดสินใจวางมือถือและเอนตัวลงนอน เตรียมตัวพักผ่อน
ติ๊ด ติ๊ด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด