Chris Part
.
เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมได้มาเหยียบบ้านหลังนี้ บ้านไม้ที่คงความเป็นไทยช่วงปลายยุคสมัยรัชกาลที่เจ็ดไว้เป็นอย่างดียังคงสวยงามเสมอ แต่ผมไม่มีเวลาได้ชื่นชมมากมายเท่าไหร่ เพราะเหตุผลที่ผมกลับมาที่นี่อีกครั้งไม่ใช่เพราะมาชื่นชมความสวยงาม แต่มาเพราะมีธุระสำคัญกับเจ้าของบ้านต่างหาก
“สวัสดีครับคุณวัลลภ”
“สวัสดี มากันแล้วหรือ นั่งรอก่อนนะ ผมให้คนขึ้นไปตามพิมพ์ลงมาแล้ว”
ผมและป๊ากับม้านั่งลงตามที่เจ้าบ้านเชื้อเชิญ คุณวัลลภมีสีหน้าที่ดีกว่าครั้งก่อน ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยน และมีรอยยิ้มบาง ๆ
“คริสไปหาพรีมมาแล้วใช่ไหม พรีมเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไปมาแล้วครับ” ผมเอ่ยตอบอย่างสุภาพ “พรีมดูมีความสุขดี เธอทำงานกับเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่ง และอาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทที่ชื่อแซนดี้”
“อ๋อ เพื่อนคนนั้นนี่เอง เห้อ พอได้ยินว่าลูกมีความสุขแค่นี้ฉันก็ดีใจแล้วล่ะ คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ได้หวังอะไรนอกจากความสุขของลูกหรอก จริงไหมครับคุณก้องเกียรติ คุณศศิวิมล” ประโยคหลังคุณวัลลภหันไปพูดกับป๊าและม้าของผม ซึ่งทั้งสองคนก็พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยกับคำพูดนั้น ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหม่าม้าเอื้อมมือมาลูบหลังเบา ๆ
จริง ๆ แล้วหม่าม้ายังไม่ค่อยพอใจอยู่บ้างที่ผมหาเรื่องเข้าตัวแบบนี้ แต่พอผมเล่าเรื่องของพรีมให้ฟังบ่อย ๆ เข้าท่านก็ดูอ่อนลงเรื่อย ๆ แถมยังดูตื่นเต้นที่จะได้มีหลานอีก อันที่จริงหม่าม้าของผมเป็นคนโกรธง่ายหายเร็วอยู่แล้ว และเพราะแบบนี้เองผมถึงรู้สึกผิดที่ทำให้หม่าม้าต้องผิดหวัง ผมได้แต่ให้คำมั่นกับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ป๊ากับม้าต้องทุกข์ใจเพราะการกระทำที่ไม่รู้จักโตของตัวเองอีก
อีกอย่าง...หลังจากนี้ผมต้องเป็นพ่อคน ผมจะทำตัวเหลาะแหละเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ผมมีทั้งลูกและภรรยาให้ต้องรับผิดชอบ ถึงเวลาที่ผู้ชายเหลวแหลกคนหนึ่งจะปรับปรุงตัวเสียที
“อ้าว พิมพ์มาแล้ว” คุณวัลลภพูดขึ้นเมื่อเห็นภรรยาของตัวเองเดินเข้ามาในห้อง ผมลุกขึ้นยืนและยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมที่สุดเท่าที่จะทำได้ ป๊ากับม้าผมก็ยืนขึ้นเช่นกัน แม้จะยังหน้าตึง ๆ อยู่บ้างเพราะคราวที่แล้วคุณพิมพ์นภาทำไว้แสบเหลือเกิน แต่เพราะเป็นมารยาทจึงเลี่ยงไม่ได้
“สวัสดีครับคุณน้า”
“สวัสดี” คุณพิมพ์นภายกมือขึ้นรับไหว้ผมด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนเดินไปข้างคุณวัลลภ “นั่งเถอะค่ะ”
“ครับ”
“ที่มาวันนี้ จะมาพูดเรื่องของหนูพรีมน่ะครับ” เมื่อนั่งลงกันเรียบร้อย รอให้คนรับใช้ที่เอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟกลับออกไป ป๊าก็พูดเรื่องสำคัญทันที ส่วนหม่าม้านั่งเงียบกริบ ท่านบอกแต่แรกแล้วว่าวันนี้จะพูดให้น้อยที่สุด กลัวทำให้เสียเรื่องเพราะไม่ชอบหน้าคุณพิมพ์นภาเท่าไหร่
“ค่ะ”
“ลูกชายผมเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลีย ไปเจอหนูพรีมมาแล้วครับ ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันเรียบร้อย รวมถึงพูดคุยเรื่องงานแต่งงานด้วย...”
“...” คุณพิมพ์นภาไม่ได้ตอบอะไร แต่ผมสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปเป็นระยะ ยิ่งตอนที่ป๊าพูดว่าผมไปเจอพรีมมาแล้วสีหน้าเธอดูสนอกสนใจมากเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
อันที่จริงคุณพิมพ์นภาก็คงมีความรักและเป็นห่วงลูกเหมือนคนเป็นแม่ทั่วไป แต่คอที่ชูอยู่ของเธอไม่สามารถลดลงมาได้ละมั้ง เธอเลยไม่ยอมพูดหรือแสดงอะไรที่ตรงกับใจออกมาบ้าง
“ผมเลยอยากจะมาสู่ขอหนูพรีมให้ลูกชายอย่างเป็นทางการจากคุณวัลลภ และคุณพิมพ์นภา ไม่ทราบว่าพวกคุณมีความเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ”
“ตัวผมไม่คัดค้านอยู่แล้ว เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้วค้านไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าพรีมตกลง ผมก็ตกลง”
“แล้วคุณพิมพ์...”
“ฉันมีความเห็นเดียวกับคุณวัลลภค่ะ” คุณพิมพ์นภาตอบมาแค่นั้น ทำให้ป๊าที่กำลังอ้าปากพูดชะงักไป
จริง ๆ ไม่ใช่แค่ป๊า แต่ทั้งหม่าม้าและผมก็ชะงักค้างไปเหมือนกัน ไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะง่ายดายขนาดนี้ ก่อนมาที่นี่ผมเตรียมบทพูดโน้มน้าวใจว่าที่แม่ยายไว้เต็มหน้ากระดาษเอสี่ แต่กลับไม่ได้ใช้แม้แต่ประโยคเดียว
“แล้วเรื่องสินสอด คุณพิมพ์กับคุณวัลลภคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ”
“เรื่องนี้คงแล้วแต่พิมพ์เขาครับ”
“เอาตามที่ฝั่งคุณเห็นชอบเถอะค่ะ”
“แต่ผมมีเรื่องอยากแจ้งนะครับ” ผมเอ่ยขึ้นมา คุณพิมพ์นภาเลยเบนสายตากลับมาหาผม “พรีมขอร้องให้จัดงานแต่งเล็ก ๆ เราพูดคุยกันแล้วว่าฤกษ์สะดวกที่จะจัดงานคือแปดมีนา ซึ่งตอนนั้นพรีมท้องได้เกือบสี่เดือนแล้ว ผมเองก็กลัวว่าพรีมจะเหนื่อยเกินไป เลยเห็นด้วยกับเรื่องที่เธออยากจัดงานแบบเล็ก ๆ ครับ”
คุณพิมพ์นภาเงียบไปเมื่อได้ยินแบบนั้น ผมไม่แปลกใจที่เธอจะลังเล เพราะตระกูลของเธอมีชื่อเสียงค่อนข้างมาก การจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ดูจะเสียเกียรติวงศ์ตระกูลอยู่ไม่น้อย
“ถึงแม้จะเป็นงานเล็ก ๆ แต่ก็จะมีพิธีรีตองครบตั้งแต่เลี้ยงพระ แห่ขันหมาก รดน้ำสังข์ จดทะเบียนสมรส และงานเลี้ยงตอนเย็น จะมีเพิ่มขึ้นมาหน่อยคือต้องมีพิธียกน้ำชาตามธรรมเนียมของบ้านผมด้วย แต่ใช้เวลาไม่นานครับ”
ผมอธิบายให้คุณวัลลภและคุณพิมพ์นภาเห็นภาพชัดขึ้น พิธีการต่าง ๆ ผมนั่งหาข้อมูลและเขียนลงกระดาษจนละเอียดยิบ แถมยังนั่งท่องจนจำได้ขึ้นใจมาทั้งคืน เพราะแบบนี้เลยทำให้ผมได้รู้ว่าแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นี่ยังไม่ได้ลงมือจัดงานอะไรเลยด้วยซ้ำยังยุ่งยากขนาดนี้ การแต่งงานทั้งแบบไทยและจีนมีอะไรยิบย่อยเยอะแยะไปหมด ผมเลยตัดพิธีของจีนเหลือแค่ยกน้ำชาที่สำคัญที่สุดไว้ ซึ่งป๊ากับหม่าม้าก็เห็นด้วย พวกท่านกลัวว่าพรีมจะเหนื่อยเกินไป
ผมบอกแล้วว่าพวกท่านใจอ่อนแล้ว เชื่อสิว่าต้องเห่อลูกสะใภ้มากแน่ ๆ พรีมยิ่งสวยหวานถูกใจหม่าม้าเสียด้วยสิ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด