Pream Part
.
ฉันค่อย ๆ เดินเข้าบ้านที่คุ้นเคย ขาฉันสั่นเล็กน้อยจนต้องหยุดพัก แต่ก็พยายามที่จะก้าวต่ออย่างมั่นคง บ้านที่ไม่ได้กลับมาแค่เดือนกว่ามีสภาพไม่ต่างกับครั้งสุดท้ายที่ฉันเดินจากมาเท่าไหร่ แต่ในความรู้สึกมันเหมือนว่าฉันไม่ได้กลับมาเหยียบที่นี่เนิ่นนาน อาจจะเป็นเพราะ...ฉันจากไปโดยที่มีความผิดติดตัวละมั้ง... ฉันหนีไป โดยที่ทิ้งความจริงไว้เบื้องหลังอย่างคนขี้ขลาด
แต่สุดท้ายฉันก็ได้เรียนรู้แล้วว่าไม่มีใครที่จะหนีความผิดที่ก่อไว้ได้ตลอดไป ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าบ้าน...
“คุณพรีม...”
“แม่เพียร”
คนแรกที่ฉันเจอคือแม่เพียร แม่เพียรยืนมองฉันอย่างไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงดี ฉันเองก็ทำตัวไม่ถูก อยากจะเดินเข้าไปออดอ้อนเหมือนที่เคยทำแต่ก็ไม่กล้าพอ แม่เพียรยืนจ้องฉันแบบนั้นจนดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางทั้งสองข้างเอ่อไปด้วยน้ำตา
“แม่เพียรขา” ฉันตัดสินใจเอ่ยเรียกแม่เพียรเหมือนตอนที่ฉันยังเด็ก เวลาที่ทำอะไรผิดมาฉันมักจะเรียกแม่เพียรที่กำลังโกรธแบบนี้เสมอเพื่อให้แม่เพียรใจอ่อน
“คุณพรีม” และแม่เพียรก็ใจอ่อนให้ฉันตลอด ไม่เว้นแม้กระทั่งตอนนี้ หญิงที่ใกล้หกสิบเต็มทนรีบเดินเร็ว ๆ เข้ามาหาฉัน ก่อนกระโจนเข้าหาอ้อมแขนที่ฉันเปิดกว้างไว้รอ “คุณพรีมของเพียร”
ฉันกอดร่างที่เริ่มโรยแรงลงทุกวันอย่างทะนุถนอม ค่อย ๆ หลับตาลงเพื่อซึมซับความอบอุ่นคุ้นเคยที่ได้มาตั้งแต่เกิด แม่เพียรไม่ใช่แม่ก็เหมือนแม่ ไม่ได้คลอดฉันมาแต่ก็เลี้ยงดู ทั้งดุ และปลอบโยนตั้งแต่เล็กจนโต
“พรีม”
เสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยเรียกทำให้ฉันผละออกจากอ้อมแขนของแม่เพียร และหันไปมองบันไดของบ้านที่มีร่างสูงใหญ่ยืนอยู่
“คุณพ่อ” ฉันเรียกท่าน ก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นว่าใครอีกคนกำลังเดินลงมาจากบ้านเช่นกัน “คุณแม่...”
“กลับมาแล้วเหรอ” แม่เอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่ได้มีที่ท่าไม่พอใจ ท่านพูดเหมือนทุกครั้งที่ฉันกลับมาบ้านหลังจากที่ออกไปข้างนอกมา
“ค่ะ” ฉันได้แต่ตอบกลับไปเสียงเบา
“แล้วเพียรร้องไห้ทำไม” แม่หันไปถามแม่เพียรที่ยืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ แม่เพียรส่ายหน้าไปมา มือไม้พยายามเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่หยุด จนสุดท้ายฉันต้องโอบเอวหนา ๆ นั้นไว้
“แม่เพียรไม่ร้องนะคะ”
“ฮึก! คุณพรีม ฮือ”
“เอ้า ไปกันใหญ่เลย” พ่อพูดออกมาขำ ๆ ใบหน้าของท่านยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี และเพราะแบบนั้นบรรยากาศในบ้านจึงดูผ่อนคลายลง “พรีมกลับมาบ้านทั้งที ร้องไห้ต้อนรับใช้ได้ที่ไหน ป่านนี้เหลนที่อยู่ในท้องขำคนแก่ขี้แยเอิ้กอ้ากกันแล้วกระมัง”
“จะ...จริงด้วยค่ะ” แม่เพียรหยุดร้องไห้ทันทีแม้จะยังสะอื้นไม่หยุด ก่อนจะหลุบตามองที่หน้าท้องของฉัน “คุณหนูน้อยทั้งสองคนกี่เดือนแล้วคะคุณพรีม”
“สามเดือนแล้วค่ะ กินเก่งมาก ๆ จนพรีมเริ่มอ้วนแล้ว” ฉันตอบยิ้ม ๆ พลางจับมือของแม่เพียรมาวางที่หน้าท้องที่เริ่มป่องของตัวเองด้วย
“หลานพ่อได้พรีมมาเต็ม ๆ เลยรู้ไหม ตอนที่แม่เขาท้องเราแม่ก็กินไม่หยุด พอพ่อเริ่มห้ามแม่ก็เอาแต่บอกว่าพรีมหิว ไม่รู้ว่าเป็นข้ออ้างหรือเปล่า” พ่อเล่าความทรงจำออกมาพร้อมรอยยิ้ม แถมหันไปส่งยิ้มให้แม่ที่เริ่มทำหน้าไม่ถูกด้วย แม่พยายามมองไปทางอื่น แต่ฉันก็ยังสังเกตเห็นว่าใบหูของท่านขึ้นสีแดงจัด
อย่าบอกนะว่าแม่กำลัง...เขิน
“แล้วจะยืนคุยตรงนี้อีกนานไหม ไปนั่งคุยดี ๆ กันสิ” ว่าจบแม่ก็เดินนำเข้าห้องนั่งเล่นไปทันที พ่อเดินหัวเราะหึ ๆ ตามหลัง แต่ยังไม่วายแอบกระซิบกับฉันว่า
“แม่เขาเขินน่ะ”
สรุปว่าแม่กำลังเขินอยู่จริง ๆ สินะ ฉันไม่เคยเห็นมุมนี้ของแม่มาก่อนเลย เหมือนกำลังได้รู้จักแม่อีกคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนอย่างไงอย่างนั้น
“คุณพรีมอยากทานอะไรไหมคะ” แม่เพียรถามหลังจากที่พ่อและแม่เดินเข้าห้องนั่งเล่นไปแล้ว
“เอาน้ำส้มกับคุกกี้ค่ะ”
“ได้ค-“
“ไม่ได้ครับ” แม่เพียรยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นเสียก่อน ฉันขมวดคิ้ว ก่อนจะหันไปมองมารผจญที่เริ่มออกฤทธิ์อีกแล้ว
“คุณคริส มาด้วยเหรอคะ” แม่เพียรรับไหว้คริส ก่อนจะเอ่ยถามออกมา คำพูดคำจาที่ดูเหมือนสนิทกันยิ่งทำให้ฉันขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ อีตานี่มาบ้านฉันกี่ครั้งแล้วเนี่ย
“ปล่อยพรีมไว้คนเดียวไม่ได้หรอกครับ ไม่งั้นก็เรียกหาคุกกี้ไม่หยุด แม่เพียรครับ” คริสมองหน้าฉันอย่างกวนประสาท ก่อนจะหันไปเรียกแม่เพียร เดี๋ยวนะ แม่เพียรนี่ฉันเรียกได้คนเดียวนะ ผู้ชายคนนี้ถือสิทธิ์อะไรมาเรียกแม่เพียรซ้ำกับฉัน
“คะ?”
“ให้พรีมทานได้แค่ผลไม้นี้นะครับ” เขายื่นถุงผลไม้ที่แวะซื้อก่อนเข้ามาให้แม่เพียร “เพราะวันนี้พรีมทานคุกกี้เกินที่กำหนดไว้แล้ว ต้องทานผักและผลไม้เยอะ ๆ จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องขับถ่าย”
“นี่! มาพูดอะไรแบบนี้ตรงนี้” ฉันรีบขัดทันที เพราะแซนดี้แท้ ๆ ที่เผาว่าช่วงนี้ฉันน้ำหนักขึ้นเกินกว่าที่หมอบอก แถมยังท้องผูกเพราะไม่ยอมกินผักและผลไม้ คริสถึงได้เข้มงวดเรื่องการกินกับฉันขนาดนี้ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ มีเพื่อนเพื่อนก็เข้าข้างคนอื่นมากกว่าเพื่อนตัวเอง
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันจัดให้นะคะ”
“แม่เพียรขา”
“ทำตามที่คุณคริสบอกเถอะค่ะ เพื่อสุขภาพ เพื่อลูกนะคะ” พอแม่เพียรพูดแบบนั้นฉันก็พูดไม่ออก ได้แต่ส่งค้อนให้คริสที่เดี๋ยวนี้ชักจุ้นจ้านเหลือเกิน ก่อนจะเดินเข้าห้องนั่งเล่นไป รับรู้ว่าผู้ชายวุ่นวายคนนั้นเดินตามเข้ามา แต่ก็ไม่ได้หันไปห้ามอะไร
“สวัสดีครับคุณน้า”
“อ้าว คริสมาด้วยหรือ” พ่อทักทายคริสอย่างเป็นกันเอง ตอกย้ำให้ฉันมั่นใจว่าคริสคงเข้านอกออกในบ้านหลังนี้จนสนิทกับคนในบ้านไปหมดแล้ว
“ครับ” คริสตอบก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด