PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด นิยาย บท 45

Chris Part

.

“แน่ใจนะว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับลูกสาวเจ้าสัวธันเลยจริง ๆ”

“ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอจริง ๆ ครับป๊า ผมสาบานได้” ผมจ้องตาป๊านิ่ง ๆ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ป๊าเองก็มองกลับมาด้วยสายตาเดียวกัน ผ่านไปซักพักจึงพยักหน้าเบา ๆ เป็นเชิงว่าท่านเชื่อในสิ่งที่ผมพูด

หลังจากที่พรีมเดินเข้าไปดูพอใจ ผมที่ตั้งใจว่าจะเดินตามพรีมไปก็ถูกหม่าม้าขวางไว้เสียก่อน ผมรู้ว่าหม่าม้าต้องการคำอธิบาย แต่ผมก็อยากเข้าไปอธิบายเรื่องนี้ให้พรีมฟังเหมือนกัน

.

“ม้า ผมต้องคุยกับพรีม”

“ม้ารู้ แต่ตอนนี้หนูพรีมยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง ให้เวลาเธอหน่อย”

“แต่...”

“ฉันเห็นด้วย ถ้าพรีมเดินหนีแบบนี้ไม่ได้แปลว่าเขาไม่อยากฟังหรือไม่อยากคุย แต่พรีมกำลังต้องการเวลาได้ทบทวนตัวเอง ตอนนี้พอใจก็ร้องอยู่ด้วย ค่อยคุยกันเถอะ”

“...”

“เชื่อฉันสิ ฉันเป็นแม่ของพรีมเขานะ”

.

สุดท้ายผมยอมจำนนต่อคุณพิมพ์นภา เราทั้งห้าคนย้ายมานั่งคุยกันที่โต๊ะกินข้าว เสียงร้องไห้ของพอใจดังขึ้นเกือบสิบนาที ทุกคนล้วนกังวลเพราะพอใจไม่เคยร้องไห้นานขนาดนี้มาก่อน แต่สุดท้ายเสียงนั้นก็เงียบลง ผมจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ผู้ใหญ่ทั้งสี่ฟัง ตั้งแต่ที่ผมไปทำงานแทนป๊า ได้เจอกับคุณนัญ และเรื่องที่พรีมได้รับข้อความปริศนา รวมถึงเรื่องที่ผมคุยกับคุณนัญเมื่อกี้นี้ด้วย เว้นแต่ผมยังไม่ได้เล่าว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา เพราะอยากจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

ผมบอกกับทุกคนอย่างมั่นใจว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณนัญเลย แต่ป๊าก็ยังถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ซึ่งผมก็ตอบกลับไปอย่างหนักแน่นกว่าครั้งแรก ไม่มีอะไรที่ผมจะมั่นใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอจริง ๆ ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้

“แล้วกับลูกฉันล่ะ เธอรู้สึกอะไรบ้างไหม”

"ผม..." คำถามของคุณพิมพ์นภาก็ทำให้ผมชะงักไป ผมตอบไม่ได้ เพราะผมไม่เคยมานั่งทบทวนความรู้สึกตัวเองเลยว่ารู้สึกยังไงกับพรีม ผมแค่...มีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเธอ ผมยังรู้สึกว่าพรีมเข้ามาเติมเต็มทุกอย่างโดยที่ผมไม่ต้องมองหาใครเหมือนเดิม ต่อให้มีโอกาสได้เจอผู้หญิงสวยที่สมบูรณ์แบบอย่างคุณนัญก็ตาม แต่มันคือความรักหรือเปล่า? ผมเองก็ไม่แน่ใจ...

“ผม...ไม่มั่นใจ” สีหน้าผิดหวังของคุณพ่อและคุณพิมพ์นภาทำให้ผมรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ผมเองก็อยากพูดคำที่ทุกคนอยากได้ยินออกไป แต่ผมก็ไม่อยากโกหกตัวเอง และไม่อยากโกหกคนอื่นด้วย

“มองเขาตาเชื่อมทุกวัน ยังไม่มั่นใจอะไรอีก” เป็นป๊าที่เอ่ยขึ้นก่อน ผมรีบหันกลับไปหาท่าน

“แล้วผมรู้สึกยังไงกับพรีมล่ะป๊า ผม...ไม่รู้”

“เดี๋ยวก่อนนะ” คุณพ่อเอ่ยขัด ท่านขมวดคิ้วจนยุ่งเหยิง “สรุปว่าไม่มั่นใจ หรือไม่รู้”

“ไม่มั่นใจครับ...ผมหมายถึง ผมไม่เคยรักใครมาก่อน”

“เฮ้อ...” ป๊าถอนหายใจ เอนหลังพิงพนักพิงเก้าอี้เหมือนคนหมดแรง

“ได้ข่าวว่าเจ้าชู้มากมาก่อน แต่ไม่เคยรักใคร?” คุณพิมพ์นภาถามเหมือนไม่อยากเชื่อ ผมได้แต่โอดครวญอยู่ในใจ คนเจ้าชู้ไม่ได้แปลว่าจะต้องรักผู้หญิงทุกคนที่นอนด้วยเสียหน่อยนี่ครับ

“ลูกชายผมมันไม่เคยรักใครหรอกครับ ไหลไปเรื่อย แฟนซักคนก็ไม่เคยมี เรื่องผู้หญิงน่ะเก่ง แต่เรื่องความรักเข้าขั้นติดลบ” ไม่รู้ว่าป๊าพูดเพื่อให้ผมดูดีขึ้นหรือแย่ลง เพราะตอนนี้คุณพิมพ์นภากำลังทำสีหน้าปั้นยาก จนผมกลัวว่าเธอจะกลับมามีอคติกับผมอีกครั้ง

“ถ้าอย่างนั้นคริสรู้สึกยังไงกับพรีมบ้าง พ่อหมายถึง...เวลาอยู่ด้วยกันแล้วเป็นยังไง”

“ผม...” ผมนิ่งคิด อยู่กับพรีมแล้วรู้สึกยังไงน่ะเหรอ?

"แค่ตอบตามความรู้สึก ไม่ต้องตอบเพื่อเอาใจใครนะ"

“ครับ" ผมพยักหน้ารับ เพราะผมไม่คิดจะตอบเพื่อเอาใจใครอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นผมคงตอบว่ารักพรีมไปตั้งแต่แรก "เวลาอยู่กับพรีม ผมมีความสุขมากครับ ผมชอบแกล้งให้เธอเขิน เพราะตอนเธอเขินจนหน้าแดงจะน่ารักมาก ผมอยากอยู่ใกล้พรีมตลอดเวลา อยากกอด อยากหอม แต่พอพรีมร้องไห้ผมรู้สึกเสียใจยิ่งกว่า ยิ่งถ้าเธอร้องไห้เพราะผม ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่กับตัวเอง”

“...”

“แต่ผมไม่มั่นใจ...”

“ขนาดนี้แล้วยังจะไม่มั่นใจอะไรอีก!”

ป็อก!

“โอ้ย! ม้า ดีดหน้าผากผมทำไม” ผมยกมือขึ้นกุมหน้าผากตัวเองแน่น ร้องโอดโอยออกมา มันเจ็บจริง ๆ เพราะหม่าม้าไม่ออมแรงเลย

“ดีดไล่ความฉลาดน้อยออกไปไง เอาอีกซักทีดีไหม!” หม่าม้าทำท่าจะดีดหน้าผากผมอีกครั้ง แต่พอเห็นผมทำคอหดท่านก็ลดมือลง “เรื่องอื่นน่ะฉลาดนัก แต่เรื่องความรู้สึกตัวเองทำไมถึงไม่รู้”

“ก็ผมไม่รู้จริง ๆ นี่ครับ”

“ไม่รู้ แต่ก็ควรเอะใจบ้าง ที่พูดมาเมื่อกี้น่ะ ไม่แปลกใจหรือไงว่าทำไมตัวเองรู้สึกแบบนั้นกับหนูพรีมเขา เราน่ะ รักหนูพรีมจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว” หม่าม้าแทบจะตบเข่าฉาดอย่างมั่นใจ ส่วนผมก็ได้แต่มองท่านเหมือนหมางงที่กำลังหลงทาง จนหม่าม้าต้องถอนหายใจออกมาแรง ๆ “คริส... อยู่กับใครแล้วมีความสุข อยู่กับใครแล้วอยากใกล้ชิดเขาตลอดเวลา อยู่กับใครแล้วเราไม่ต้องการอะไรหรือใครอีก แบบนี้แหละ...ที่เขาเรียกว่าความรัก หรือจะบอกว่าเราเคยรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนที่เคยควงมาก่อน?”

“ไม่เคยครับ”

“ถ้าอย่างนั้นหม่าม้าก็มั่นใจว่าคริสรักหนูพรีมแล้ว แค่ยังไม่รู้ตัว”

“จริงหรือครับ?” แม้หม่าม้าจะมั่นใจแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองอยู่ดี

“ลองคิดดูดี ๆ ว่าเรารักหนูพรีมเหมือนที่หม่าม้าเขามั่นใจจริงไหม” ป๊าตบไหล่ผมเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับหม่าม้า “ป๊ากับม้าไปนอนก่อน หวังว่าลูกของป๊าจะหาคำตอบให้ตัวเองได้นะ”

“ฝันดีครับป๊า ม้า” ผมมองป๊ากับหม่าม้าที่เดินเข้าห้องของพวกท่านไป โดยที่ทิ้งคำถามไว้ให้ผมหาคำตอบ

“คริส ถ้าคริสไม่ได้รักลูกสาวพ่อพ่อก็ไม่ว่า เพราะพ่อรู้อยู่แล้วว่าทั้งสองคนแต่งงานกันเพราะอะไร” ผมพยักหน้ารับ คุณพ่อเอื้อมมือมาบีบไหล่ผมเบา ๆ “แต่ถ้ารัก...ก็ควรบอกพรีมเขา การกระทำสำคัญกว่าคำพูดก็จริง แต่ผู้หญิงส่วนมากก็อยากเห็นทั้งการกระทำ ทั้งอยากได้ยินคำพูดเพื่อยืนยันว่าไม่ได้คิดไปเองด้วยกันทั้งนั้น”

“ครับ”

“พ่อกับคุณพิมพ์จะไปนอนแล้วเหมือนกัน ช่วงนี้งานยุ่งใช่ไหม อย่าลืมพักผ่อนด้วยล่ะ” คุณพ่อตบไหล่ผมสองที ก่อนจะเดินเข้าห้องไป คุณพิมพ์นภาเองก็ลุกขึ้น เธอหันมาสบตาผมแค่เสี้ยววินาที ก่อนจะเดินตามหลังสามีของตัวเองไปโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

เมื่ออยู่คนเดียวผมก็กลับมานั่งหาคำตอบของคำถามที่ป๊าทิ้งไว้ นึกย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาที่เกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายกับชีวิตผม ตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูก ตอนนั้นผมคิดแค่เพียงอย่างเดียวว่าจะแต่งงานกับพรีมเพื่อให้ลูกมีพ่อและแม่พร้อมหน้า เพราะผมไม่คิดว่าตัวเองจะรักใครได้อยู่แล้ว การที่จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อม แถมยังเป็นแม่ของลูกแบบพรีมก็ไม่ได้เสียหายอะไร

แต่พอแต่งงานกันจริง ๆ ความรู้สึกของผมก็เริ่มหลากหลายขึ้น ผมเริ่มคิดถึงเรื่องของพรีมจากที่ตอนแรกคิดถึงแค่เรื่องลูกอย่างเดียว เริ่มรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู่กับพรีม ได้หยอกเย้าให้เธออาย ได้กอด ได้สัมผัส ผมมีความสุขจนผมรู้สึกว่าไม่ต้องการผู้หญิงคนไหนอีก

“มึงอาจจะแค่เป็นคนที่รู้หน้าที่ของตัวเอง รู้ว่าตัวเองเป็นพ่อของลูก เป็นสามี ก็เลยทำหน้าที่ตรงนั้นอย่างเต็มที่ ทั้งดูแล เอาใจใส่ และคอยย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าห้ามสนใจใคร ให้หยุดอยู่ที่พรีมเพราะพรีมคือเมียและแม่ของลูก แต่จริง ๆ แล้วมึงไม่ได้คิดแบบนั้น พอวันหนึ่งถ้ามึงเจอคนที่เข้ากับมึงได้ หรือคนที่มึงรักจริง ๆ มึงก็จะรู้ว่ารักกับหน้าที่มันไม่เหมือนกันเลย”

จู่ ๆ คำพูดของมาเฟียก็ดังขึ้นมาในหัว หรือว่าที่ผมรู้สึกกับพรีมทั้งหมด จะเป็นเพราะหน้าที่จริง ๆ

“หรือที่มึงไม่รู้สึกอะไรตอนที่เขาบอกคิดถึง อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้มึงยังมีเขาอยู่ พรีมเลยเป็นเหมือนของตายที่ไม่ว่ามึงจะกลับไปหาเขาเมื่อไหร่เขาก็ยังรอมึงอยู่ที่เดิมเสมอ มึงก็เลยชะล่าใจไง แต่เมื่อไหร่ที่มึงกำลังจะเสียเขาไป วันนั้นมึงจะรู้สึก”

PLAYBOY : 44 1

PLAYBOY : 44 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: PLAYBOY คุณพ่อฝึกหัด