[ ขอโทษที่ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ ]
เตชินพึมพำในใจ พิมที่เดินออกไป ในใจเธอไม่เลิกคิดที่จะหย่ากับเขาเลย
เพราะเธอไม่อยากเป็นฮองเฮาแม้จะสูงส่งแต่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย
ในขณะที่ฮ่องเต้กำลังมีความสุขอยู่กับสนมแต่ฮองเฮากลับอยู่อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจ
ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่จะมองชายอื่น เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็พึมพำในใจว่า
[ แต่งได้ ก็หย่าได้ แต่จะมีลูกไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่ฮองเฮาที่ต้องใช้ลูกในการรักษาอำนาจ ]
เธอรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่เตชินยังไม่พูดออกมา มีบางอย่างที่เตชินเก็บไว้ในใจ
ตอนแรกที่เธอขอให้เขาขอเธอแต่งงาน เขาปฏิเสธเธอแบบไม่ต้องคิดเลย
จุดนี้เธอสงสัย ว่าเขาจะเอาเด็กไปทำอะไร
ที่เขาอยากได้ลูกที่เกิดจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากเธอ ด้วยเหตุผลของเขา เธอก็พอเข้าใจได้
แต่ที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่รอมีลูกกับคนที่เขาอยากแต่งงานด้วยในอนาคต
[ แล้วมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายทำไม ในเมื่อไม่ได้รักฉันเลย เห็นแก่ตัว ]
เธอบ่นพึมพำในใจอย่างอารมณ์เสีย
เธอรู้สึกว่าตั้งแต่เตชินเข้ามาวุ่นวายในชีวิต
เธอก็เหมือนคนเป็นโรคไบโพลาร์
อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวอยากร้องให้จนอยากจะบ้าตาย
บางครั้งก้าวร้าวจนไม่อยากควบคุมจิตใจตนเองอยากจะเอาชนะเขาให้ได้
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา วันแต่งงานของพิมกับเตชินก็มาถึง
งานแต่งงานช่วงเช้าถูกจัดขึ้นที่บ้านตามประเพณีวัฒนธรรมพื้นเมือง
ช่วงบ่ายถูกจัดขึ้นที่โรงแรมในเมืองเชียงใหม่ แขกเหรื่อในงานต่างพากันทยอยเข้ามาในงานแล้วมานั่งโต๊ะที่ถูกจัดเตรียมไว้
แม่มะลิเดินมาหาลูกสาวแล้วกระซิบถามพิมเบาๆ
" ญาติทางฝั่งคุณเตชินจะไม่มีใครมาเลยทั้งเช้าและบ่ายเหรอลูก "
ได้ยินแม่ถามแบบนี้ พิมถึงกับพูดไม่ออก
เธอชะงักไปสามวิ
เธอรู้ดีว่าเตชินไม่ยินดีหรืออยากจะแต่งงานกับเธอหรอก
แต่ที่เขาขอเธอแต่งงานก็เพราะต้องการจะหยุดเธอไม่ให้หย่าก็เท่านั้น
แล้วเธอก็ฝืนยิ้มขึ้นเอ่ยกับแม่ว่า
" เขาไม่มาก็ดีแล้วค่ะแม่ ถ้ามาเราจะอึดอัดเปล่าๆมีแต่ฝั่งเราสบายใจกว่าเยอะจริงมั้ยคะ "
เห็นลูกสาวยิ้ม แม่มะลิก็ฝืนยิ้มตามแล้วเอ่ย
" อืม ถ้าคิดแบบนั้นก็ดีไปอีกแบบ ให้งานแต่งเสร็จสมบูรณ์ก็พอแล้ว
ส่วนคนอื่นจะเอาไปพูดหรือไปนินทายังไงก็ช่างเขาเถอะ
ขอแค่ลูกสาวแม่สบายใจมีความสุขก็พอแล้ว "
พ่อคำได้ยินดังนั้นก็เอ่ยปลอบภรรยาที่เครียดกับเรื่องนี้ว่า
" ไม่มีใครรู้หรอกแม่ ว่าพ่อแม่เจ้าบ่าวไม่มา
คุณเตชินเขาจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
แม่ไม่ต้องไปคิดมากหรือมัวแต่กังวลเรื่องนี้หรอก จะไม่มีใครสงสัยหรือเอ่ยถามแน่นอน แม่สบายใจได้ "
แม่มะลิพยักหน้าเบาๆ เขาไม่คิดว่าลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาจะได้แต่งงานกับผู้ชายแบบนี้
วันสำคัญของลูกสาวทั้งทีกลับเป็นวันที่เขาไม่มีความสุขเลย
ไม่นานก็ถึงคิวที่พ่อเจ้าสาวต้องเดินจูงมือเจ้าสาวไปให้เจ้าบ่าวที่ยืนรออยู่บนเวที
แม่มะลิมองลูกสาวที่เดินจับมือพ่อคำอย่างสง่างามราวกับหงส์ขาวในชุดเจ้าสาวอย่างขมขื่น
พ่อคำเองก็ฝืนยิ้มกลบเกลื่อนความขมขื่นในใจเช่นกัน
แม้จะไม่อยากยกลูกสาวให้เตชิน แต่ทั้งสองกลับจดทะเบียนสมรสกันก่อนแล้ว และยังอยู่ด้วยกันอีก
แม้จะอยากปิดก็คงปิดไม่มิด ถึงปิดมิดก็คง ปิดได้ไม่นาน เขาเองก็จนปัญญา
เตชินในชุดเจ้าบ่าวสีขาวยืนอยู่บนเวทีอย่างสง่างามดุจเจ้าชายในเทพนิยาย
ความเหมาะสมของทั้งคู่ราวกับกิ่งทองใบหยกสวยหล่อจนทำให้คนมัวแต่ชื่นชมบ่าวสาวอย่างไม่ละสายตา
จนไม่มีใครสนใจญาติหรือพ่อแม่ของเจ้าบ่าวเลย
ทำให้พ่อแม่ของพิมใจชื้นสบายใจขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีใครถามเรื่องนี้
ส่วนเตชิน เขาถึงกับตะลึงในความสวยสง่างามของเจ้าสาวเขา
ที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆบนพรหมแดง เธอสวยดุจเจ้าหญิง สง่างามราวกับราชินี
สวยหยดย้อยราวกับออกมาจากในภาพวาด
จนเขาพึมพำออกมาอย่างลืมตัว
" สวย สวยมาก สวยจริงๆ "
แววตาของเตชินจับจ้องบนตัวพิมอย่างไม่กะพริบราวกับต้องมนตร์สะกด
พ่อคำส่งพิมไปให้เตชินจากนั้นทั้งสองก็ยืนกล่าวบนเวทีตามที่พิธีกรได้ตระเตรียมไว้
ส่วนคนที่ทำหน้าที่เป็นญาติผู้ใหญ่ฝั่งเจ้าบ่าว คือพ่อแม่ของผู้ช่วยคัง
แขกในงานฝั่งเจ้าบ่าวก็เป็นญาติทางฝั่งผู้ช่วยคังที่จ้างมา ดังนั้นแขกเหรื่อในงานเลยไม่มีใครสงสัยอะไร
งานแต่งงานเสร็จสิ้น การถ่ายรูปร่วมเฟรมกันของกลุ่มเพื่อนๆพิมก็จบลง ทุกคนแยกย้ายกันกลับ
แม่ของพิมที่ไม่ค่อยพอใจในตัวลูกเขยจำเป็นอย่างเตชินเลย
เขาเดินเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแล้วเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
" พิมลูกไม่เป็นไรใช่มั้ย "
พิมมองแม่ที่กลัวเธอจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เธอก็เผยรอยยิ้มฝืนๆแล้วเอ่ย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ป่วนหัวใจท่านประธานเย็นชา