“…ต่อให้มีสิบสองชะตาฟ้าในครอบครอง กระทั่งได้ครอบครองชะตาฟ้ามากกว่านี้ มันก็เป็นได้แค่มดปลวกที่แข็งแกร่งตัวหนึ่งเท่านั้น มดปลวกแต่ละตัวที่สามารถทำกร่างอยู่แต่ในรังมดเท่านั้น การเป็นราชันเซียน มันแค่เริ่มต้นก้าวเดินเท่านั้น เส้นทางที่สุดแสนจะยาวไกลรอพวกเขาอยู่ นี่คือภารกิจของราชันเซียน และเป็นการแสวงหาของราชันเซียน ไม่เสียทีที่เกิดมาชาตินี้ ไม่ผิดต่อสัจธรรม!” ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ถึงกับทอดถอนใจด้วยความกลัดกลุ้ม
สำหรับคำพูดลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่นั้น ไม่ว่าจะเป็นราชันซื่อตี้ หรือกับพวกของราชันสวรรค์ต้าวหลงสิบสององค์ที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง พวกเขาอาศัยความนิ่งเงียบในการแสดงความเคารพสูงสุดแก่บรรดาจอมราชันที่ก้าวขึ้นสู่การเดินทางไกลครั้งสุดท้าย
ไม่ว่าจะเป็็็นศัตรูหรือไม่ก็ตาม แต่ว่า พวกเขาในฐานะจอมราชันไม่สามารถแสดงความเห็นด้วยกับคำพูดของหลี่ชิเย่มากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว เฉกเช่นหลี่ชิเย่ได้พูดเอาไว้อย่างนั้น จอมราชันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นการก้าวเดินเท่านั้น ยังคงมีหนทางที่ยาวไกลมาก เป็นการเดินทางไกลสุดท้ายรอคอยพวกเขาอยู่ข้างหน้า
กล่าวสำหรับจอมราชันหรือราชันเซียนแล้ว ในขณะที่ยังไม่ได้สืบทอดชะตาฟ้า เป้าหมายของทุกคนคือได้เป็นจอมราชัน ได้เป็นราชันเซียน สิ่งที่ตามหาคือชะตาฟ้า
ครั้นได้เป็นจอมราชันจริงๆ แล้ว จอมราชันยังคงไม่ได้หยุดการก้าวเดิน ยังคงตามหาให้ได้ครอบครองชะตาฟ้ามากกว่าเดิมอีก
แต่ทว่า เมื่อวันหนึ่งสามารถก้าวไปถึงที่สุดของขีดจำกัด ได้ยืนอยู่จุดสูงสุด ได้ครอบครองสิบสองชะตาฟ้าอย่างแท้จริงแล้ว แต่ บรรดาจอมราชันกลับไม่ได้หยุดการก้าวเดินของพวกเขา ในเวลานี้พวกเขาจึงได้ก้าวขึ้นบนเส้นทางที่ยาวไกลสุดเปรียบเปรยเป็นการเดินทางไกลสุดท้ายอย่างแท้จริง มันเป็นการเลือกของเหล่าจอมราชัน และมันก็คือภารกิจของบรรดาจอมราชัน
การเป็นราชันเซียน เป็นจอมราชัน เป็นเซียนหวาง ใช่เพียงแค่ต้องการชะตาฟ้า และใช่ว่าเพียงต้องการปราศจากผู้ต่อกรหมื่นยุค!
“ข้าขอแสดงความเคารพสูงสุดให้กับบรรดาปรัชญาเมธีจอมราชันที่หาญกล้าก้าวสู่การเดินทางไกล” ต่อให้เป็นราชันซื่อตี้ จอมราชันผู้ซึ่งมีสิบสองชะตาฟ้าอยู่ในครอบครองก็มีท่าทีที่เคร่งขรึมจริงจัง กล่าวขึ้นช้าๆ ด้วยท่าที่ที่หนักแน่จริงจังยิ่งนัก
ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตร ผู้ที่อยู่บนเส้นทางสายนี้ล้วนแล้วแต่ทรงคุณค่าเพียงพอให้จอมราชันทั้งหมดได้ให้ความเคารพอยู่แล้ว
หลี่ชิเย่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านี้ รู้สึกสลดภายในใจ ครั้งนั้นราชันเซียนหมิงเหรินริเริ่มการศึกครั้งที่ห้าเวลานั้น เขาเองก็เข้าร่วมอยู่ในนั้นด้วย มันคือสงครามที่โหดเหี้ยมทารุณยิ่งนักครั้งหนึ่ง! แม้จะกล่าวว่า ขณะอยู่เก้าแดนเขาเคยแยกทางแบบไม่เข้าใจกันกับราชันเซียนหมิงเหริน แต่ขณะอยู่แดนที่สิบไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เขาก็จะยืนอยู่ข้างอีกาทมิฬอย่างมั่นคง ศึกล่าสังหารราชันก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด
ครั้งนั้น ราชันเซียนหมิงเหรินเป็นผู้ริเริ่มการศึกครั้งสุดท้ายครั้งที่ห้า ตัวเขารู้ดีแก่ใจแล้วว่าผลจะออกมาเป็นเช่นใดแล้ว แต่เขาก็ยังก้าวเดินไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล เนื่องจากนี่คือเส้นทางที่เหล่าราชันเซียนจะต้องผ่าน!
ส่วนราชันเซียนฉวี่เจินผู้ริเริ่มการศึกครั้งสุดท้ายครั้งที่หกนั้น ในขณะนั้นหลี่ชิเย่ในฐานะอีกาทมิฬไม่ได้อยู่ที่แดนสิบ เขากำลังอยู่เก้าแดน แต่การสั่นสะเทือนของฟ้าดินที่เกิดขึ้น อีกาทมิฬที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ก็รู้แล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่แดนสิบ แม้ตัวเขาจะอยู่ที่เก้าแดนก็ตาม
ดังนั้น เวลานี้เมื่อราชันซื่อตี้บอกความจริงเรื่องนี้กับปาก หลี่ชิเย่ก็ไม่รู้สึกเหนือความคาดคิด เขาเพียงรู้สึกสลดภายในใจเท่านั้น
“ถ้าหากเจ้าไม่ได้มีคำสั่งเสียใดๆ ล่ะก็ ควรเดินทางได้แล้วหละ” หลังจากที่ราชันซื่อตี้และบรรดาจอมราชันอีกสิบสององค์อาศัยความนิ่งเงียบเป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อบรรดาเหล่าจอมราชันที่ก้าวเดินบนเส้นทางสายนี้แล้ว ท่าทีราชันซื่อตี้เย็นชากล่าวขึ้นมาเชื่องช้า เสียงของเขาเปี่ยมด้วยอานาจบารมี เหมือนว่าขณะที่เขาพูดคำๆ นี้ออกมาได้ตัดสินความเป็นความตายของหลี่ชิเย่เอาไว้แล้ว!
“คำสั่งเสีย?” หลี่ชิเย่ เผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น และเอ่ยขึ้นเชื่องช้าว่า “ตาเฒ่าเฉี่ยน ถ้าหากเจ้าเห็นว่าข้าน่ะตายแล้วจริงๆ งั้นก็ดี ข้าจะพูดคำสั่งเสียออกมาสักคำก็แล้วกัน คำสั่งเสียคำนี้ว่าข้าจะมีความปรารถนาอะไร แต่ข้าต้องการให้เจ้านำเอาคำๆ นี้ไปให้กับตัวเอง ให้กับบรรดาราชันและเหล่าเทพของแดนสิบ โดยเฉพาะหากเจ้าสามารถพบเจอราชันเทพชิงมู่ ก็ให้บอกเขาว่า อเวจียังคงไม่ได้ถูกทำลาย อีกทั้งพวกเจ้าเองก็เข้าใจเป็นอย่างดีว่า อเวจีน่าจะยังคงมีราชันเซียนถึงเก้าองค์หลบซ่อนตัวอยู่ในเก้าแดน ซ่อนตัวอยู่ภายในมิติมหัศจรรย์!”
พลันที่หลี่ชิเย่พูดคำๆ นี้ออกมา สายตาของราชันซื่อตี้เยือกเย็นมากยิ่งขึ้นไปอีก จอมราชันทั้งสิบสององค์ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็มีแววตาที่เยือกเย็นลงไม่น้อย จอมราชันที่เคยผ่านสงครามในครั้งนั้นรู้ว่าสิ่งนี้บ่งบอกถึงอะไร ต่อให้จอมราชันที่ไม่ได้ผ่านสงครามในครั้งนั้นก็รับรู่เช่นกันว่าบ่งบอกถึงสิ่งใด เรื่องราวเรื่องนี้เล่าลือท่ามกลางจอมราชันและเซียนหวางตลอดมา
“เจ้าขบคิดอยู่เก้าแดนมายุคแล้วยุคเล่า ที่สุดกลับไม่สามารถฆ่าล้างเผ่าพันธุ์อเวจีให้สิ้นซาก” ราชันซื่อตี้กล่าวขึ้นมาช้าๆ
หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “ตาเฒ่าเฉี่ยน เมื่อเจ้าพูดแบบนี้ข้าควรจะรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งหรือเปล่านะ เจ้าที่เป็นท่านพ่อตาของข้าดูจะให้ความสำคัญข้ามากเลยนะ คิดว่าข้าจะต้องจัดการถอนรากถอนโคนอเวจีจนสิ้นในเก้าแดนได้แน่นอน!”
เคยมีการเล่าลือกันว่า ครั้งนั้นเจ้าขึ้นมาที่แดนสิบขอคำชี้แนะวิธีกำจัดอเวจีมาก่อน” ราชันซื่อตี้กล่าวขึ้นช้าๆ “กระทั่งลือกันว่าเจ้าพบกับราชันเทพชิงมู่มาก่อน!”
“ดูท่าเจ้านี่จะให้ความสำคัญกับลูกเขยอย่างข้ามากเลยนะเนี่ย” หลี่ชิเย่พูดหยอกล้อว่า “เสียดาย ในโลกนี้ไหนเลยจะมีเรื่องง่ายดายเช่นนี้ ครั้งนั้น ราชันเทพชิงมู่ได้มีบัญชาลงมาให้ฆ่าอเวจีโดยไม่มีละเว้น บรรดาราชันและเหล่าเทพของแดนสิบยกกำลังออกมาทั้งหมดยังไม่สามารถถอนรากถอนโคนอเวจีได้หมด เมื่อเขามีมิติมหัศจรรย์อยู่ในมือ บรรดาราชันและเหล่าเทพของแดนสิบมิใช่มองตาปริบๆ ปล่อยให้อเวจีหนีลงไปยังเก้าแดนรึ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...