ท่ามกลางสายสำนักราชันเซียนเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะเป็นแคว้นเจ้าลัทธิของร้อยชาติพันธุ์ แม้ว่าเหล่าสำนักราชันเซียนเหล่านี้จะไม่ได้ส่งผู้ยิ่งใหญ่มาอวยพรวันเกิด แต่พวกเขาก็ได้ส่งศิษย์มาแทน ย่อมบ่งบอกว่าบรรดาแคว้นเจ้าลัทธิของร้อยชาติพันธุ์จำนวนไม่น้อยยังคงไม่ลืมผลงานของจอมเทพท่าซิงที่ได้มอบให้กับร้อยชาติพันธุ์
ความจริงแล้ว เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิดของเผิงยวี่ที่มีแขกมาอวยพรวันเกิดมากมายถึงเพียงนี้ เนื่องจากบรรพบุรุษของพวกเขาได้ปลีกตัวออกจากโลกปัจจุบันไปอาศัยอยู่ในแดนแห่งการสืบค้นที่ห่างไกลออกไป เกรงว่าวันฉลองวันเกิดของเขา เขาก็คงไม่ปรากฏตัวออกมา ด้วยเหตุนี้เอง ทางเจ้าภาพผู้จัดงานวันเกิดจึงไม่ได้เชิญผู้ใดมางานวันเกิดในครั้งนี้ ตระกูลเผิงของพวกเขาตั้งใจไว้ว่าจะมีเพียงลูกหลานของตระกูลที่อวยพรวันเกิดจากระยะไกลให้กับบรรพบุรุษของพวกเขาเท่านั้น
เวลานี้ ปรากฏมีแขกมาอวยพรกันเป็นจำนวนมากเช่นนี้ ก็เป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิดของเผิงยวี่
สายสำนักราชันเซียนที่เดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิดส่วนใหญ่จะเป็นสำนักของร้อยชาติพันธุ์ เป็นสำนักของเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพมีเพียงส่วนน้อย อย่างน้อยก็ทำให้พวกของเผิงยวี่รู้สึกโล่งอกอย่างลับๆ อยู่บ้าง อย่างน้องที่สุดในบรรดาผู้บำเพ็ญตนที่มาอวยพรวันเกิดให้กับบรรพบุรุษของพวกเขาส่วนใหญ่ยังมาด้วยความจริงใจ
ถ้าหากสำนักที่มาอวยพรวันเกิดส่วนใหญ่เป็นเผ่าสวรรค์ เผ่ามาร และเผ่าเทพล่ะก็ คงไม่ได้หวังดีต่อตระกูลเผิงของพวกเขาแล้ว เกรงว่าคงเป็นฝูงสุนัขจิ้งจอกที่แอบรอจังหวะเพื่อล่าเหยื่อ เป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขาต้องการแบ่งตระกูลเผิงที่เปรียบประดุจชิ้นเนื้อหวานมันชิ้นนี้
แม้ว่าในบรรดาแขกที่เดินทางมาอวยพรวันเกิดส่วนใหญ่จะมาอวยพรให้กับจอมเทพท่าซิงจริงๆ แต่ยังคงไม่สามารถทำให้ตระกูลเผิงวางใจได้ เบื้องหน้าแม้จะเปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่งความสุข แต่ลับหลังยังคงเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่
ถ้าหากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในงานฉลองวันเกิดในครั้งนี้ล่ะก็ รับรองว่าต้องทำให้ตระกูลเผิงของพวกเขากลายเป็นจุดสนใจ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ จะส่งผลกระทบต่อตระกูลเผิงของพวกเขาอย่างยิ่ง กระทั่งทำให้ตระกูลเผิงพวกเขาล่มสลายลงได้ ไม่แน่นักฝ่ายที่เป็นมิตรในอดีตอาจจะฉวยโอกาสงับชิ้นเนื้อหวานมันอย่างตระกูลเผิงพวกเขาเข้าให้ก็เป็นได้
จะอย่างไรเสีย ตระกูลเผิงของพวกเขามีทรัพย์สมบัติอยู่เป็นจำนวนไม่น้อยในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร ขณะที่เมืองสวรรค์นอกอาณาจักรจุดเริ่มต้นที่เดินทางไปยังแดนแห่งการสืบค้น แต่ละเดือนแต่ละปีก็จะมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาเริ่มต้นออกเดินทางที่ตรงนี้ ลองนึกภาพดู มาวันหนึ่งตระกูลเผิงของพวกเขาพลันพ่ายแพ้จาการถูกโจมตี จะมีผู้คนจำนวนเท่าไรที่ต้องการได้ครอบครองอย่างยิ่งต่อทรัพย์สมบัติที่ตระกูลเผิงมีอยู่ในเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ผู้เป็นมิตรในเวลาปรกติก็อาจจะแว้งกัดสักคำก็เป็นได้
สองวันต่อจากนี้ ทุกระดับชั้นในตระกูลเผิงต่างมีจิตใจที่หนักอึ้งเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้สีหน้าที่แสดงออกมาจะเปี่ยมด้วยบรรยากาศที่เป็นความสุขล้น แต่ศิษย์ทุกระดับชั้นทุกคนล้วนแล้วแต่เตรียมพร้อมที่จะปกป้องสำนักเอาไว้
ในที่สุดก็มาถึงวันงานจนได้ ก่อนเริ่มงานเลี้ยง บรรดาแขกที่มาอวยพรวันเกิดต่างก็มาร่วมโดยพร้อมเพรียงกัน
ขณะที่จัดงานเลี้ยงใหญ่ มีการประดับโคมไฟไปทั่วงาน ศิษย์ทุกคนของตระกูลเผิงต่างสวมใส่ชุดแดง คอยอำนวยความสะดวกให้กับแขก อาหารชั้นเลิศต่างๆ ถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะทีละอย่างๆ
หลังจากงานเลี้ยงตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว บรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างทยอยกันเข้าไปภายในงาน ขณะที่ยอดฝีมือที่มีระดับของตระกูลเผิง และระดับบรรพบุรุษต่างเข้าไปร่วมโต๊ะกับแขก
แม้จะกล่าวว่า บรรดายอดฝีมือและระดับบรรพบุรุษได้เข้าร่วมในงานเลี้ยงด้วยตัวเอง หากจะกล่าวให้ถูกต้อง พวกเขาต้องการป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น
บรรพบุรุษที่ยังมีแข็งแกร่งมากที่สุดและยังคงมีชีวิตอยู่ก็ได้มาร่วมงานเลี้ยงด้วยตนเอง บรรพบุรุษผู้นี้คือทวดบรรพบุรุษของตระกูลเผิง มีชื่อว่าเผิงเย่ เขามีผมสีเงิน ดวงตาคู่นั้นแลดูแหลมคมยิ่งนัก
นอกเหนือจากจอมเทพท่าซิงที่ปลีกตัวออกจากโลกปัจจุบันไม่ปรากฏตัวออกมาแล้ว เขาก็คือระดับบรรพบุรุษที่พอจะดูได้ของตระกูลเผิงแล้ว
เผิงเย่คือระดับบรรพบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเผิง เป็นยอดฝีมือที่มีพลังอยู่ในระดับสวรรค์สัจธรรม มีพลังขมุกขมัวแปดร้อยล้านลิตรอยู่ในครอบครอง ด้วยกำลังเช่นนี้ ในบรรดาผู้บำเพ็ญตนธรรมดาถือเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดแล้ว ท่ามกลางผู้บำเพ็ญตนธรรมดายากจะมีผู้ต่อกรได้แล้ว
แม้เผิงเย่จะดูมีกำลังวังชาดีมาก แต่ว่าเขามีอายุมากแล้ว พลังลมปราณไม่สู้ดีนัก ปรกติแล้วจะไม่ค่อยปรากฏตัวออกมา ไม่สนใจเรื่องราวต่างๆ แต่ว่า มาคราวนี้เขาจำเป็นต้องออกมาคุมด้วยตนเอง มิฉะนั้นแล้ว บรรดายอดฝีมือ และระดับบรรพบุรุษอื่นๆ ของตระกูลเผิงไม่สามารถควบคุมสถานการณ์เช่นนี้ได้
เผิงเย่นั่งอยู่ด้านบน ทำให้บรรดาแขกที่ทยอยเดินเข้ามางานตามลำดับต่างรู้สึกให้ความเคารพไม่น้อย จะอย่างไรเสียการมีบรรพบุรุษระดับสวรรค์สัจธรรมอำนวยการจัดงานย่อมไม่เหมือนเดิม กำลังที่กล้าแข็งถูกจัดวางอยู่ ณ ที่ตรงนี้ ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนใดๆ ก็ต้องชั่งน้ำหนักตนเองเสียก่อน
ยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวแปดร้อยล้านลิตรอยู่ในงาน เว้นแต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดของสวรรค์สัจธรรม หรือจอมเทพออกหน้า มิฉะนั้นล่ะก็ ยอดฝีมือคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ไม่อาจดูแคลนได้
แม้ว่าแขกที่อยู่ในงานจำนวนมากล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ของสายสำนักราชันเซียน แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่เป็นศิษย์ระดับทั่วไป ไม่ใด้เป็นประเภทยอดฝีมือหรือผู้ยิ่งใหญ่ ดังนั้น เมื่อเห็นเผิงเย่ที่เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับสวรรค์สัจธรรมแล้ว พวกเขาต่างให้ความเคารพ
ความจริงแล้ว ยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมที่มีพลังขมุกขมัวแปดร้อยล้านลิตร ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดในสิบสามทวีปก็นับเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง และเป็นยอดฝีมือที่ระดับผู้สมควรได้รับความเคารพสูงสุด
แน่นอน หากเทียบกับจอมเทพแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เลย
กษัตริย์เทียนหวงได้เข้าร่วมงานแล้วเช่นกัน เขานั่งอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าสุด ขณะที่ผู้ที่นั่งร่วมโต๊ะมีเพียงตงกงเจิ้งเท่านั้น แขกคนอื่นๆ ล้วนแล้วแต่ไม่กล้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับเขา จะอย่างไรเสีย บรรดาแขกซึ่งส่วนใหญ่มาจากสายสำนักราชันเซียนจะเป็นศิษย์ระดับธรรมดา ขณะที่กษัตริย์เทียนหวงเป็นระดับกษัตริย์ของสายสำนักราชันเซียน ยิ่งกว่านั้น ยังมีฐานะเป็นพ่อตาของจินเก๋อ ฐานะของเขาจึงสูงส่งมาก
ครั้นตงกงเจิ้งพูดคำๆ นี้ออกมา ทำให้ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์พยักหน้ากัน ความจริงแล้ว แขกที่อยู่ในงานเลี้ยงล้วนแล้วแต่มาจากสถานที่ต่างๆ ในชิงโจว ปรกติแล้วจะไม่รู้จักกัน วันนี้สามารถมาอยู่ร่วมกันแล้วได้ทำความรู้จักกันก็นับเป็นโอกาสที่ไม่เลวนัก
แน่นอน ขณะที่ตงกงเจิ้งพูดเช่นนี้ ดวงตาคู่นั้นของเขากลับจ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่ ซึ่งนั่งอยู่บริเวณมุมอับที่ไม่เป็นที่สะดุดตานั่น ขณะที่กษัตริย์เทียนหวงจ้องมองดูหลี่ชิเย่และคู่ดวงตาเผยปณิธานการฆ่าออกมา ตงกงเจิ้งก็เข้าใจได้ทันทีว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรแล้ว
การที่ตงกงเจิ้งจงใจหาเรื่อง ทำให้ภายในใจของเผิงยวี่เต้นกระตุกทีหนึ่ง เขารู้ว่ากำลังจะเกิดเรื่องใหญ่ แต่ว่า นาทีนี้คิดจะหลบก็หลบไม่ได้แล้ว
ในขณะนี้ เผิงยวี่เองก็รู้ว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แล้ว เขาสบตากับทวดบรรพบุรุษเผิงเย่ แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่ทราบว่าพี่ตงกงต้องการรู้จักกับสหายท่านใด?”
“สหายท่านนี้มีท่าทางฮึกเหิมเหนือผู้ใด ข้าคิดว่าคงต้องมีชาติกำเนิดจากสำนักใหญ่ พี่เผิงช่วยแนะนำให้บ้างเป็นไร” ในเวลานี้ ตงกงเจิ้งได้เดินเข้าหาหลี่ชิเย่
สำหรับตงกงเจิ้งที่ต้องการหาเรื่อง กษัตริย์เทียนหวงที่จ้องดั่งพยัคฆ์ที่ต้องการตะครุบเหยื่อ หลี่ชิเย่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขานั่งตัวตรงอยู่ที่ตรงนั้นไม่พูดสักคำ เพียงแฝงด้วยรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าเท่านั้น
“หลี่ชิเย่…” เวลานี้เผิงยวี่ยังไม่ทันพูดอะไรออกมา กษัตริย์เทียนหวงได้ชิงพูดออกมาแล้ว เขาลุกขึ้นยืนทันที น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นถึงขีดสุด ดวงตาคู่นั้นของเขาพวยพุ่งเป็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัวออกมา จ้องเขม็งไปที่หลี่ชิเย่
บรรดาแขกจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดของกษัตริย์เทียนหวง หลังจากได้สติกลับมา จึงมีแขกจำนวนไม่น้อยต่างวิพากวิจารณ์กันลับๆ ด้วยเสียงแผ่วเบา
“เขา เขาก็คือคนโหดอันดับหนึ่งคนนั้นรึ?” มีผู้ที่เคยได้ยินชื่อของหลี่ชิเย่ แต่ไม่เคยได้เห็นหลี่ชิเย่มาก่อน หลายคนยังเข้าใจว่า คนโหดอันดับหนึ่งหน้าตาจะต้องเหมือนผีห่าซาตานหน้าตาดุร้าย ไม่นึกเลยว่าจะเป็นผู้ที่มีหน้าตาธรรมดาเช่นนี้
ผู้คนจำนวนมากนึกไม่ถึงว่าคนโหดอันดับหนึ่งจะอยู่ตรงนี้เอง อีกทั้งยังนั่งอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตาเลย
……………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...