ผู้เฒ่าผู้นี้คือกัปตันเรือนิรันดรนั่นเอง เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ไม่น่าแปลกใจอะไร กัปตันเรือนิรันดรเป็นผู้ที่ดูไปแล้วเป็นคนแก่ที่ธรรมดามาก เสมือนหนึ่งเป็นผู้เฒ่าที่อยู่ข้างบ้านอย่างนั้น ดูธรรมดายิ่งนัก
ถ้าหากใครคิดว่ากัปตันเรือนิรันดรเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง นั่นคือความผิดอย่างมหันต์ เรือนิรันดรคือเรืออะไร? เป็นเรืออันดับหนึ่งที่วิ่งไปมาระหว่างแดนแห่งการสืบค้น ในบรรดาเรือจำนวนนับไม่ถ้วนที่วิ่งไปมาระหว่างแดนสืบค้นได้ประสบเหตุต่างๆ มีเรือจำนวนมากถูกปล้นชิงจากยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เป็นโจร แต่ เรือนิรันดรไม่เพียงไม่เคยประสบเหตุใดๆ มาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยมีใครหาญกล้าคิดไม่ดีต่อเรือนิรันดร
แล้วผู้ที่สามารถควบคุมเรือนิรันดรที่เป็นเรือรบขนาดยักษ์เช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นเพียงผู้เฒ่าธรรมดาๆ คนหนึ่งกันเล่า?
“เหอะ เหอะ เหอะ…” หลังจากที่กัปตันเรือนิรันดรได้พบกับหลี่ชิเย่แล้ว เขาได้โค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่อย่างงาม และกล่าวด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งว่า “เรือของข้าซอมซ่อ ไม่ทราบว่าท่านเซียนอยู่แล้วคุ้นชินหรือไม่? หากต้อนรับขาดตกบกพร่อง หวังว่าท่านเซียนจะให้อภัย”
ผู้โดยสารของเรือนิรันดรมีจำนวนเป็นหมื่น ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน ก็เป็นไปไม่ได้ที่กัปตันเรือนิรันดรจะไปคารวะด้วยตนเอง กรณีของธิดาราชันฉีหลินก็ตัวอย่างที่ดีที่สุด ธิดาราชันฉีหลินซื้อตั๋วโดยสารเพื่อพักอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่เห็นกัปตันเรือนิรันดรจะมาคารวะ เวลานี้เขากลับมาคารวะด้วยตนเอง
“มีเรื่องอะไรรึ?” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย และมองหน้ากัปตันเรือนิรันดรทีหนึ่ง
“ไม่ ไม่ ไม่มีเรื่องอะไร” กัปตันเรือนิรันดรรีบหัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “แค่มาถามท่านเซียนว่ามีอะไรจะให้ข้าน้อยรับใช้หรือไม่? หากมีพวกนักย่องเบามารบกวนท่านเซียน ข้าน้อยสามารถช่วยจัดการแทนท่านเซียนได้”
คำพูดของกัปตันเรือนิรันดรมีเป้าหมาย ความจริงแล้วสำหรับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นเขานั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรือนิรันดรย่อมไม่สามารถรอดจากดวงตาคู่นั้นของเขาไปได้อยู่แล้ว
“ลำพังแค่แท่นบูชาแท่นหนึ่งสร้างความแตกตื่นให้กับเจ้าไม่ได้หรอกนะ” เวลานี้ หลี่ชิเย่จ้องมองดูกัปตันเรือนิรันดร กล่าวเฉยเมยว่า “บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังเจ้าก็เป็นผู้ที่เคยผ่านโลกมาแล้ว แม้ว่าของวิเศษชิ้นนี้จะล้ำค่า แต่คงไม่ถึงขั้นทำให้พวกเขาแตกตื่น และส่งเจ้ามาสืบข่าวได้”
คำพูดที่เรียบเฉยถึงกับทำให้กัปตันเรือนิรันดรต้องตกใจ เขารีบกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ใครว่า ใครว่าหละ ท่านเซียนเข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้วหละ ข้าน้อยไม่ได้มีความคิดอื่นใด ไม่มีความคิดอื่นใด”
กัปตันเรือนิรันดรหาใช่เป็นคนธรรมดาทั่วไปไม่ พูดแบบไม่ค่อยน่าฟังนักก็คือ ต่อให้เป็นจอมเทพทั่วไปมาด้วยตนเอง ก็ไม่เห็นว่าเขาจะต้องให้เกียรติเช่นนี้ การที่เขาสามารถไปกลับระหว่างแดนแห่งการสืบค้นมาอย่างยาวนาน ย่อมเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังเรือนิรันดรมีจอมราชันเซียนหวังคอยให้การสนับสนุนอยู่ อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงองค์เดียว เรือนิรันดรเป็นหุ้นส่วนของจอมราชันเซียนหวังหลายองค์ด้วยกัน!
แต่ว่า เวลานี้เมื่อกัปตันเรือนิรันดรถูกถามโดยหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับรู้สึกกลัวด้วยความหวาดระแวงขึ้นมา จิตใจไม่ปรกติ เนื่องจากเขาได้รับคำเตือนมาก่อน เป็นจอมราชันเซียนหวัง ที่อยู่เบื้องหลังกล่าวเตือนสติเขา
“มีเรื่องอะไรก็รีบว่ามา มีลมรีบผาย ไม่ต้องทำเป็นข้ามหัวข้อสนทนากับข้า” หลี่ชิเย่มองหน้าเขาด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวเฉยเมยขึ้นมา
กัปตันเรือนิรันดรถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ถูมือสองข้างไปมา ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่งว่าจะเรียบเรียงคำพูดอย่างไรดี จากนั้นกล่าวด้วยท่าทีเคารพยิ่งว่า “ข้าน้อยไม่มีอะไรเป็นอื่น ข้าน้อย ข้าน้อยแค่ต้องการถามนิดหนึ่ง กระบี่กระดูกขาวนั่น นั่น ใช่อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคหรือไม่?”
“เป็นเจ้าอยากจะถาม หรือว่าจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าต้องการรู้หละ?” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คำพูดของหลี่ชิเย่สร้างความผะอืดผะอมให้กับกัปตันเรือนิรันดรยิ่ง เขาหัวเราะเจื่อนๆ แต่เรื่องอย่างนี้เขาก็ไม่กล้าแจงให้ชัดเจน
“กลับไปบอกกล่าวต่อบรรดานายของเจ้า ถูกต้อง นี่คืออาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเล่มหนึ่ง แต่ว่า นั่นมันแค่ของลอกเลียนแบบขึ้นมาเท่านั้นเอง ข้าเพียงนึกสนุกขึ้นมาแล้วเล่นสนุกไปเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอากัปตันเรือนิรันดรถึงกับหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวง แค่นึกสนุกเล่นๆ ก็ทำให้จอมราชันเซียนหวังต้องตกใจแล้ว จึงได้มีการสอบถามถึงเรื่องนี้
“ที่แท้เป็นดังนี้เอง เป็นดังนี้เอง” กัปตันเรือนิรันดรรีบกล่าวต่อว่า “ท่านเซียนปราศจากผู้เทียบเทียม สุดยอดวิชาในหล้าเมื่ออยู่ในมือของท่านเซียนแล้วก็แค่ของเด็กเล่นเท่านั้นเอง”
หลี่ชิเย่มองดูกัปตันเรือนิรันดรด้วยสายตาที่เย็นชาทีหนึ่ง กล่าวว่า “เอาหละ เรื่องประจบสอพลอไม่จำเป็นแล้ว หากไม่มีเรื่องอะไรก็หลบไป”
“ดีมาก ดีมาก งั้นข้าน้อยจะไม่รบกวนการฝึกของท่านเซียนแล้ว” กัปตันเรือนิรันดรรีบกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับด้วยท่าทีเคารพยิ่ง อย่าว่าแต่ผู้ยิ่งใหญ่เลย ต่อให้เป็นจอมเทพระดับทั่วไปก็ไม่กล้าทำตะโกนเสียงดังต่อหน้าเขาตามอารมณ์ แต่ว่า เมื่อเขาต้องอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ในเวลานี้ เขากลับไม่กล้าทำเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาเองก็ไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ และไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นใครกันแน่ แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังเรือนิรันดรของพวกเขาได้กล่าวเตือนเขาแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้เตือนเพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าทำชักช้าแม้แต่น้อย
“ภายในเรือของเจ้ามีสิ่งชั่วร้าย” ขณะที่กัปตันเรือนิรันดรกำลังจะล่าถอยกลับไป หลี่ชิเย่ได้กล่าวขึ้นเรียบๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...