ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1891

ครั้นธิดาราชันฉีหลินได้ฟังการอธิบายความเกี่ยวกับแม่น้ำเหิงเหอแล้วถึงกับต้องจินตนาการไปไกลมาก คิดไกลไปถึงยุคสมัยที่อาศัยพุทธศาสนาเป็นหลัก มันช่างเป็นยุคสมัยที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก

“พวกเราจะข้ามทะเลไปรึ?” เมื่อธิดาราชันฉีหลินได้สติกลับมาแล้วจึงเอ่ยถามขึ้น

หลี่ชิเย่พยักหน้าเบาๆ และกล่าวว่า “ถูกต้อง ข้าจะมอบวาสนาให้กับเจ้า ในฝอเหย่ไม่มีวาสนาใดดีไปกว่าการข้ามแม่น้ำเหิงเหอนี้ไปอีกแล้ว เมื่อไปถึงแล้ว สามารถได้รับวาสนาเช่นใด ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเองแล้ว”

“สามารถข้ามไปได้รึ?” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับพูดขึ้นมาว่า “เล่าลือกันว่าเคยมีจอมราชันเซียนหวังหลงอยู่ท่ามกลางแม่น้ำเหิงเหอแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย”

“ถูกต้อง” หลี่ชิเย่พยักหน้าและกล่าวว่า “จำนวนผู้คนที่หลงอยู่ในแม่น้ำเหิงเหอมีมากมายเหลือเกิน จอมราชันเซียนหวัง จอมเทพระดับสูงล้วนเคยหลงทางมาก่อน และไม่ได้กลับออกมาอีกเลย ถ้าหากหมายก้าวข้ามโดยอาศัยกำลังล่ะก็ ยาก ยากมาก ยากมากๆ มันต้องก้าวข้ามสายน้ำแห่งกาลเวลาที่ยาว ยาวมากๆ ยังไม่ทันก้าวไปถึงจุดเริ่มต้นของมันก็จะแก่ชราและเสียชีวิตลงเสียก่อน ในขณะนี้หากคิดจะข้ามไปต้องอาศัยเรือเท่านั้น”

“จอมราชันเซียนหวัง มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงมาก ทำไมถึงหลงทางได้หละ?” ธิดาราชันฉีหลินรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ ตัดเรื่องทักษะยุทธแข็งแกร่งและอ่อนด้อยไม่ต้องไปพูดถึง อย่างน้อยที่สุดการที่บุคคลผู้นั้นสามารถเป็นถึงระดับจอมราชันเซียนหวังได้นั้น พวกเขาล้วนแล้วแต่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงมาก แล้วจะหลงอยู่ท่ามกลางแม่น้ำเหิงเหอได้อย่างไรกัน

“เจ้าทดลองดูแล้วก็จะเข้าใจเอง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย

“เรื่องนี้…” สีหน้าของธิดาราชันฉีหลินพลันแปรเปลี่ยนไป สิ่งนี้หาใช่เป็นเพราะนางเป็นคนใจเสาะ เพียงแต่กระทั่งจอมราชันเซียนหวังยังหลงทางได้ นางเองก็ไม่มีความมั่นใจเช่นกัน ตัวของนางในเวลานี้ยังไม่สามารถเทียบได้กับจอมราชันเซียนหวัง

“วางใจเถอะ มีข้าคอยคุ้มครองเจ้าอยู่ ไม่เกิดเรื่องขึ้นแน่นอน” หลี่ชิเย่ยิ้มเรียบเฉย และกล่าวว่า “ลองดูสักครั้งก็ดี ไม่แน่นักอาจจะเป็นผลดีต่อวาสนาของเจ้า ทดลองลิ้มลองสักหน่อยก็พอ ถึงเวลานั้นข้าจะดึงตัวเจ้ากลับมาทันการอยู่แล้ว”

เมื่อธิดาราชันฉีหลินได้ยินคำพูดคำนี้ของหลี่ชิเย่แล้วถึงกับโล่งอก นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ยืนอยู่ริมแม่น้ำเหิงเหอและตัดสินใจเด็ดขาด กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นว่า “ข้าพร้อมแล้ว”

“ไปเถอะ…” ในเวลานี้เอง ด้านหลังของธิดาราชันฉีหลินปรากฏเสียงของหลี่ชิเย่ที่ดังขึ้นมา ผลักตัวนางเบาๆ นางก็ก้าวเท้าเข้าไปอยู่ท่ามกลางแม่น้ำเหิงเหอเลย เมื่อธิดาราชันฉีหลินก้าวสู่แม่น้ำเหิงเหอแล้ว ร่างของนางพลันหายตัวไปทันที

ในเวลานี้ ด้านหน้าของธิดาราชันฉีหลินเปลี่ยนไป มันมีแม่น้ำเหิงเหอเสียที่ไหนกัน ในขณะนี้นางเหมือนอยู่ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย เห็นเพียงเมืองโบราณที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมาก สถานที่แห่งนี้มีกลิ่นอายที่บอกไม่ถูกตลบอบอวลอยู่ กลิ่นอายนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบ ทำให้จิตใจสงบลง เมื่อธิดาราชันฉีหลินยืนอยู่ท่ามกลางเมืองโบราณแห่งนี้ รับรู้กลิ่นอายที่สงบเช่นนี้แล้ว ทำให้นางไม่รู้สึกตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย จิตใจสงบลง แต่ว่า ในขณะนี้นางยังคงมีสติที่ดีมากอยู่

ขณะที่ธิดาราชันฉีหลินปรากฏตัวท่ามกลางเมืองโบราณแห่งนี้นั้น บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ดูคึกคักและมีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งนัก แต่ว่า ท่ามกลางความเจริญลักษณะเช่นนี้ยังคงมีความเอ้อระเหยสบายๆ และสงบอย่างบอกไม่ถูก

ธิดาราชันฉีหลินถึงกับพินิจพิเคราะห์ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตรงหน้า รูปแบบของเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่บนตัวของพวกเขาเหล่านั้นนางไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งพวกเขายังประกอบด้วยชาติพันธุ์ที่หลากหลาย และเป็นชาติพันธุ์ที่นางไม่เคยพบเห็นมาก่อนเช่นกัน อีกทั้งภาษาที่พวกเขาใช้พูดกันนั้นนางก็ฟังไม่รู้เรื่อง

ขณะที่ธิดาราชันฉีหลินปรากฏตัวอยู่ในเมืองโบราณที่ไม่รู้จักชื่อ ผู้คนที่เดินเฉียดนางผ่านไปมาถึงกับจ้องมองนางหลายครั้ง ธิดาราชันฉีหลินมองว่าผู้คนโลกนี้แปลกประหลาดน่าตื่นเต้น ขณะเดียวกัน ไหนเลยที่ผู้คนบนโลกนี้จะไม่มองว่าธิดาราชันฉีหลินนั้นประหลาดยิ่งนักกันเล่า

แม้ว่าการปรากฏตัวของธิดาราชันฉีหลินบนโลกใบนี้ดูจะเข้ากันไม่ได้กับโลกนี้เลย แต่ว่า บรรดาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมากลับไม่ได้มีการมุงดูนาง ตรงกันข้าม ผู้คนเหล่านี้ต่างเผยรอยยิ้มที่สงบสุขและยิ้มพยักหน้าให้กับธิดาราชันฉีหลิน ดูเป็นมิตรยิ่งนัก

ธิดาราชันฉีหลินรู้สึกว่านี่อาจเป็นเพียงภาพลวงตา ดังนั้น นางจึงทักทายกับคนที่อยู่ข้างกาย จับมือกับเขา นางรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและเป็นจริงยิ่ง นี่คือการดำรงอยู่ที่แท้จริง นางได้มาอยู่ในโลกที่ไม่เคยมีมาก่อน

ในขณะนี้ ธิดาราชันฉีหลินมีสติเต็มร้อย นางสามารถตัดสินได้ว่านี่หาใช่เป็นมโนภาพ ดังนั้น เวลานี้นางมั่นใจว่าตนเองจะต้องมาอยู่ ณ โลกที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน

ธิดาราชันฉีหลินก้าวเดินอยู่ท่ามกลางเมืองโบราณแห่งนี้ ทำความเข้าใจกับขนบธรรมเนียมประเพณีของเมืองโบราณแห่งนี้ จากการที่นางก้าวเดินไปเรื่อยๆ นางพบว่าที่นี่เป็นโลกที่มีพุทธศาสนาเป็นใหญ่ การได้บวชเป็นพระเป็นสิ่งแสวงหาของมนุษย์ปุถุชนธรรมดาจำนวนมาก

ธิดาราชันฉีหลินเดินอยู่ในเมืองโบราณแห่งนี้ เดินไปหยุดไป เริ่มรู้จักโลกนี้มากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ก้าวเดินอยู่ท่ามกลางโลกใบนี้ นางได้ผ่านเมืองโบราณเมืองแล้วเมืองเล่า ไปถึงสถานที่แต่ละแห่ง ได้รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีของโลกใบนี้เป็นอันมาก

ธิดาราชันฉีหลินเริ่มรู้สึกชอบโลกนี้ขึ้นมาเสียแล้ว ขณะที่นางก้าวเดินอยู่บนโลกใบนี้ นางรู้สึกถึงความสงบสุข ธิดาราชันฉีหลินรู้สึกได้ว่าตนเองนั้นได้หลอมรวมเข้าไปอยู่ในโลกใบนี้แล้วอย่างไม่รู้ตัว

แรกเริ่มเดิมทีนางยังคงมีสติที่เต็มร้อย แต่จากการที่นางก้าวเดินบนโลกใบนี้นานเข้าๆ นางได้หลอมรวมเข้ากับโลกใบนี้อย่างช้าๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้เข้าแล้ว ในเวลานี้นางไม่สนใจว่าตัวเองนั้นมาจากไหน ต่อให้รู้ว่านางไม่ใช่คนในโลกใบนี้ แต่นางก็ไม่สนใจอีกต่อไป ได้แต่ก้าวเดินบนโลกนี้ต่อไปเรื่อยๆ ต้องการกลายเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้

“ใช่จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายรึ?” ธิดาราชันฉีหลินหลุดปากพูดออกมา เนื่องจากเรื่องราวของราชันเทพชิงมู่เต็มไปได้ความอัศจรรย์

แต่ ธิดาราชันฉีหลินได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว มองดูท่าที่และรอยยิ้มที่เฉยเมยของหลี่ชิเย่แล้ว และมองเห็นสายตาของหลี่ชิเย่ที่จ้องมองไปยังน้ำในแม่น้ำเหิงเหอ นางถึงกับตัวสั่นเทาทีหนึ่ง และร้องเสียงหลงว่า “เป็นคุณชายท่าน!”

หลี่ชิเย่เพียงอมยิ้มไม่ตอบคำถาม สำหรับการคาดเดาของธิดาราชันฉีหลิน

ธิดาราชันฉีหลินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง ภายในใจรู้สึกหวั่นไหวยิ่งนัก นางรู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเท่านั้น นาทีนี้นางจึงได้เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าลึกล้ำยากจะหยั่งถึง นางรั้งอยู่ในยุคสมัยนั้นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาที่สั้นมากยังคงหลงอยู่ในนั้นเสียแล้ว

ขณะที่หลี่ชิเย่ก้าวข้ามยุคสมัยทั้งยุค ก้าวข้ามทุกช่วงเวลาของสายน้ำแห่งกาลเวลาของยุคนั้น ทุกซอกทุกมุม ช่างเป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะน่าสยดสยองเพียงใด เป็นผู้ที่สามารถก้าวข้ามการดำรงอยู่ของสายน้ำแห่งกาลเวลาอย่างสิ้นเชิง นั่นเท่ากับได้หลุดพ้นจากความเป็นความตายไปแล้ว

การดำรงอยู่ในลักษณะเช่นนี้ เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าจอมราชันเซียนหวังใดๆ ที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายไว้ในครอบครอง!

“เรือข้ามฟากมาแล้ว พวกเราไปกันเถอะ ไปยังแดนนิพพานสักหน่อย ดูว่ายังคงเป็นแดนนิพพานในวันนั้นหรือไม่ แต่ หากมีวาสนาก็จะได้รับโชค” หลี่ชิเย่เงยหน้ามองดูแม่น้ำเหิงเหอและพูดเฉยเมยขึ้นมา

ธิดาราชันฉีหลินเงยหน้ามองเห็นแม่น้ำเหิงเหอปรากฎเรือลำหนึ่งที่ค่อยๆ แล่นเข้ามา ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป

เมื่อมองดูเรือลำนี้ให้ละเอียดจะพบว่าเรือลำนี้ไม่ใหญ่และเล็กเกินไป สามารถจุคนได้เพียงสามถึงห้าคนเท่านั้นเอง ตัวเรือเป็นสีดำทั้งลำ ไม่ทราบชนิดของไม้ที่ใช้สร้าง ผู้ที่พายเรือลำนี้เป็นภิกษุสงฆ์ผู้หนึ่ง

เมื่อเรือมาจอดเทียบที่ท่าเรือแล้วนั้น ทุกคนจึงได้เห็นภิกษุสงฆ์ที่พายเรือนั้นเป็นคนตายคนหนึ่ง แม้ว่าภิกษุสงฆ์คนนี้จะเป็นคนที่ตายไปแล้ว ใบหน้าออกเป็นสีเหลืองอ่อนๆ นัยน์ตาปราศจากประกาย แต่เขายังคงมีการเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่ว เหมือนไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล