ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล นิยาย บท 1939

ในเวลานี้ ทั่วฟ้าดินเงียบสงัด ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวกับภาพตรงหน้า ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน

จอมราชันคนหนึ่งถูกฟาดจนปลิวออกไปอย่างง่ายดาย แค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการส่งตัวเขาลึกลงไปใต้พื้นดิน เป็นการโจมตีที่ออกจะพาลเกินไปแล้วกระมัง

การที่อาศัยกระบวนท่าเดียวฟาดจนราชันสวรรค์ขวางเส้ากระเด็นออกไป ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดเป็นภาพลวงตาขึ้นมา เหมือนว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่ใช่จอมราชันอีกแล้ว เขาเปรียบเหมือนแมลงวันตัวหนึ่งมากกว่า ขณะที่ศิลาจารึกขนาดยักษ์ก็คือไม้ตบแมลงวันขนาดยักษ์อันหนึ่ง ภายใต้ไม้ตบแมลงวันขนาดยักษ์อันนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า เจ้าแมลงวันตัวนี้เปราะบางเพียงใด

ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนที่ไม่สามารถหุบปากจนกว้างลง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วนี่คือเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้ นี่คือระดับจอมราชันนะเนี่ย ต่อให้เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงสายเดียวก็ยังคงมีความแข็งแกร่งมากเหมือนกัน

แต่ทว่า จอมราชันลักษณะเช่นนี้กลับคล้ายดั่งเป็นแมลงวันตัวหนึ่งที่ถูกตบจนกระเด็น ช่างเปราะบางเหลือเกิน

ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้หวั่นไหวจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ กระทั่งเกรงว่าเสียงหายใจของตนจะไปล่วงเกินต่อหลี่ชิเย่เข้าให้

“แค่ไปคว้าเอาชะตาโลหิตมาได้ก็หลงเข้าใจว่าตัวเองมีชะตาฟ้าอีกหนึ่งแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูหลุมลึกที่อยู่บนพื้นด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “ของอัปมงคลนี้เป็นเพียงสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดใช้เลือดเป็นตัวล่อ แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วนลงในยุคสมัยของตนเท่านั้น เพื่อเก็บเกี่ยวเลือดแก่นของสรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน และเลียนแบบชะตาฟ้าเท่านั้น”

เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ ป้ายบูชาลอยล่อง และกล่าวว่า “ก็แค่ชะตาโลหิตเท่านั้น หากว่ากันถึงเรื่องความโหดร้ายทารุณเทียบกับแผ่นป้ายบูชาฟ้าบูชาดิน บูชาสรรพสิ่งมีชีวิตได้รึ? เมื่อเปรียบเทียบกับมันแล้ว ชะตาโลหิตก็แค่ของเด็กเล่นเท่านั้นเอง”

เลือดหยดนั้นที่อยู่เหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้ามีชื่อว่าชะตาโลหิต เจ้าสิ่งนี้เกิดจากผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดในยุคสมัยของไกลกันดาร แอบหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้บนตัวของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา และผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างลับๆ เมื่อได้โอกาสสุกงอมก็จะเก็บเกี่ยวเอาเลือดแก่นของทุกๆ คน จากนั้นนำมากลั่นให้กลายเป็นชะตาโลหิต จุดประสงค์ต้องการเลียนแบบชะตาฟ้า

การที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้เลือดหยดนี้มา ก็เพื่ออาศัยมันมาชดเชยชะตาฟ้าของตน

บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับสั่นเทาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ต่อให้พวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงความลึกลับพิสดารที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ก็รู้ว่าได้เคยเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นมาบ้าง

ลองคิดดู อาศัยเลือดแก่นจำนวนนับไม่ถ้วนมาหลอมกลั่นเป็นชะตาโลหิตเลียนแบบให้เหมือนชะตาฟ้า ช่างเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองยิ่งนัก และเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณ เกรงว่าผู้คนจำนวนมากในยุคนั้นล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าตนเองนั้นได้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของผู้อื่นเสียแล้ว

“ช่าาา” เศษดินปลิวว่อน นาทีนี้เองหลุมลึกขนาดยักษ์ปรากฎร่างเงาสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือราชันสวรรค์ขวางเส้านั่นเอง

ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ปรากฏตัวขึ้นยืนอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง ท่าทางดูกระเซอะกระเซิงอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะมีรอยเลือดเปรอะไปทั่วร่าง แต่ยังคงกระฉับกระเฉงเหมือนเดิม มองออกว่าการโจมตีครั้งนี้แม้จะทำให้เขาต้องกระเด็นกระดอนไป แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายนัก

“เจ้าหนูน้อยตระกูลหลี่ อย่าได้อาศัยความร้ายกาจจากของวิเศษ!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าร้องตวาดน่าเกรงขามออกมา และกล่าวว่า “เจ้าที่มีทักษะยุทธอ่อนด้อย ต่อให้ของวิเศษทรงพลังเช่นใดก็ไม่มีประโยชน์ คิดจะสังหารข้าหน่ะ ฝันไปเถอะ!”

ป้ายบูชาที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่นั้นได้มาจากแหลมเฮ่าว่าง เรียกได้ว่าเป็นอาวุธอาถรรพ์ร้ายกาจมากอย่างหนึ่ง แต่ว่า เป็นเหมือนดั่งราชันสวรรค์ขวางเส้าว่าเอาไว้ว่า ตัวของหลี่ชิเย่เองไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งอย่างเพียงพอไปขับเคลื่อนป้ายบูชาดังกล่าว แม้ว่าตัวป้ายบูชาเองจะทรงพลังอำนาจยิ่งนัก แต่หากคิดจะสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้าเกรงว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

เป็นความจริงที่ป้ายบูชานี้มีความฝืนลิขิตสวรรค์โดยแท้ แต่หากต้องการอาศัยมันเพื่อสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้า จำเป็นต้องอาศัยพลังที่แข็งแกร่งมากมาขับเคลื่อนมัน มีเพียงเช่นนี้จึงสามารถปะทุอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของมันออกมาได้

แม้ว่าจะถูกหลี่ชิเย่ฟาดจนกระเด็นไปในกระบวนท่าเดียว แต่เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่สามารถสำแดงพลังอำนาจที่แท้จริงของป้ายบูชานี้ออกมาได้ ทำให้ราชันสวรรค์ขวางเส้าวางใจอย่างเต็มที่ เพราะลำพังอาศัยพลังที่ปะทุออกมาจากแผ่นป้ายบูชาเองไม่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้อยู่แล้ว

“เจ้าสำคัญตัวเองมากเหลือเกิน” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “จะฆ่าเจ้าใยต้องอาศัยพลังชั่วร้ายของอาวุธร้ายเช่นนี้เล่า”

“ดี ดี ดี นับว่าข้าได้เจอผู้ที่โอหังมากกว่าข้าแล้ว” ราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจัดจนหัวเราะออกมา ร้องตวาดน่าเกรงขามออกมาว่า “หนูน้อยตระกูลหลี่ วันนี้ข้านี่แหละจะถลกหนังเลาะกระดูกของเจ้า! ดูสิว่าเจ้ายังจะทำกำแหงได้หรือไม่!”

ครั้นราชันสวรรค์ขวางเส้ากล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว นัยน์ตาทั้งสองของเขาแดงก่ำ พวยพุ่งเป็นประกายโลหิตออกมา ตัวของเขาเผยให้เห็นถึงท่าทีที่กระหายเลือดขึ้นมา

สำหรับท่าทีของราชันสวรรค์ขวางเส้านั้น หลี่ชิเย่เลิกหนังตาทีหนึ่ง กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “เจ้าเศษสวะโง่เขลา ตัวเองธาตุไฟเข้าแทรกแล้วยังไม่รู้ตัว เอาเถอะ วันนี้ให้ข้าส่งเจ้าไปนรกก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องมีแมลงวันเช่นเจ้าส่งเสียงน่ารังคาญทั้งวัน เสียชื่อจอมราชันเซียนหวัง”

“เจ้า…” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจัดจนแทบกระอักเลือดออกมา ตัวเขาเองเดิมทีเป็นผู้โอหังอยู่แล้ว ภายใต้ผลกระทบจากชะตาโลหิตทำให้กลับกลายเป็นโหดร้ายทารุณ หน้าตาของเขาในเวลานี้ดูบิดเบี้ยว กัดฟันกรอดและพูดขึ้นมาว่า “เจ้าหนูน้อยตระกูลหลี่ วันนี้ข้านี่แหละจะดื่มเลือดกินเนื้อของเจ้า!”

“เอาหละ ไม่ต้องทำเสียงหึ่ง หึ่ง หึ่งอยู่ตรงนั้น งัดเอาสุดยอดวิชาของเจ้าออกมา ข้าจะได้เด็ดหัว เลาะกระดูกของเจ้าออกมาได้ไวหน่อย ส่งเจ้าไปลงนรก” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไม่มองดูราชันสวรรค์ขวางเส้าอีกสักครั้ง โบกมือไปมาท่าทางเหมือนกำลังไล่แมลงวันที่กำลังส่งเสียงหึ่ง หึ่งไปให้พ้น

“เจ้าเดรัจฉานน้อย รนหาที่ตาย!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจนถึงขีดสุด พ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธออกมาจากดวงตาทั้งสอง แต่ว่า นาทีนี้เขาไม่ได้ลุยเข้าไปบุ่มบ่าม

ในขณะนี้ ดวงตาข้างหนึ่งของเขาได้กลายเป็นวงล้อเลือด ยามที่ดวงตาข้างนี้ลืมตาขึ้นมาจะแลดูสยองขวัญเป็นพิเศษ

ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำ เมื่อมองเห็นราชันสวรรค์ขวางเส้าที่แปรเปลี่ยนไป จากจอมราชันผู้ที่สูงส่งด้วยความเป็นกษัตริย์ที่ล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสอง กลายเป็นคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิง ซึ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากรู้สึกยากที่จะยอมรับได้

ในอดีต ต่อให้ราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่เป็นที่สบอารมณ์ และรู้สึกไม่สบายใจอย่างไรก็ตาม เขาก็คือจอมราชันผู้หนึ่ง สูงส่งและอันธพาล ส่วนเรื่องของโอหังอวดดีนั้น ก็แค่อุปนิสัยส่วนตัวของเขาเท่านั้น

เวลานี้ จอมราชันดีๆ คนหนึ่งกลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนเช่นนี้ ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่รู้สึกเสียดาย ในฐานะจอมราชันองค์หนึ่งกลับถูกธาตุไฟเข้าแทรกเช่นนี้ไปได้

“เจ้าเดรัจฉานน้อย มารับความตายเสียเถอะ!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าคำรามเสียงดังด้วยความโกรธ

“ผู้ที่มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรไม่มั่นคง จุดจบก็จะเป็นเช่นนี้” หลี่ชิเย่มองดูราชันสวรรค์ขวางเส้าอย่างเย็นชา และกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องรอให้ความมืดมาถึง ตัวเองก็ทำตัวตกต่ำลงเสียแล้ว เอาเถอะ ให้ข้าจัดการกับเจ้า ให้บรรดาสวะบางส่วนได้รับรู้ว่าจุดจบเป็นอย่างไร! ให้เสียงร้องตะโกนของเจ้าดังก้องฟ้าดิน ให้พวกสวะบางส่วนได้รู้ถึงผลของการทำตัวตกต่ำ!”

กล่าวขาดคำ นิ้วทั้งห้าของหลี่ชิเย่หุบเข้าหากัน เก็บคืนแผ่นป้ายบูชานั่น

“ปุ” เสียงหนึ่งที่ดังขึ้น นาทีนี้หลี่ชิเย่ได้เปิดลัคนาขึ้น ปรากฏเทพและมารสองตนก้าวเดินออกมาจากลัคนา หนึ่งนั้นได้ลอกคราบกลายเป็นเซียนเหิน อีกตนเพลิงมารลุกไหม้รุนแรง

เทพมารทั้งสองตนคือสองในสิบสองเทพมาร เทพเซียนเหิน และมารสยบอเวจี

“จี๊ด…” เทพเซียนเหิน และมารสยบอเวจีพลันหลอมรวมร่างเข้าด้วยกัน จากนั้นได้ยินเสียงดัง “จี๊ด” อีกครั้ง หลังจากที่เทพมารทั้งสองหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันแล้ว ฉับพลันได้หลอมรวมเข้ากับกายเนื้อของหลี่ชิเย่ในทันที

นาทีนี้ ทั่วทั้งร่างของหลี่ชิเย่ปรากฏเสียง “แว้งค์” ดังขึ้น ปรากฏวงแหวนมารแต่ละวงขึ้นมา ขณะเดียวกันบนตัวของเขากลับเปล่งรัศมีเซียนจากการลอกคราบ เทพมารรวมร่าง รู้สึกได้ถึงความสุดยอดที่ยากจะหาใดเทียมอย่างหนึ่ง

“นี่มันคืออะไร?” ผู้คนจำนวนมากรู้สึกตกใจ เมื่อได้เห็นการรวมร่างเทพมารของหลี่ชิเย่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล