ในเวลานี้ ทั่วฟ้าดินเงียบสงัด ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้สะเทือนหวั่นไหวกับภาพตรงหน้า ไม่รู้ว่ามีผู้คนจำนวนเท่าไรที่อ้าปากกว้างค้างอยู่อย่างนั้น ไม่สามารถพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน
จอมราชันคนหนึ่งถูกฟาดจนปลิวออกไปอย่างง่ายดาย แค่กระบวนท่าเดียวก็จัดการส่งตัวเขาลึกลงไปใต้พื้นดิน เป็นการโจมตีที่ออกจะพาลเกินไปแล้วกระมัง
การที่อาศัยกระบวนท่าเดียวฟาดจนราชันสวรรค์ขวางเส้ากระเด็นออกไป ทำให้ผู้คนจำนวนมากเกิดเป็นภาพลวงตาขึ้นมา เหมือนว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่ใช่จอมราชันอีกแล้ว เขาเปรียบเหมือนแมลงวันตัวหนึ่งมากกว่า ขณะที่ศิลาจารึกขนาดยักษ์ก็คือไม้ตบแมลงวันขนาดยักษ์อันหนึ่ง ภายใต้ไม้ตบแมลงวันขนาดยักษ์อันนี้ ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า เจ้าแมลงวันตัวนี้เปราะบางเพียงใด
ในเวลานี้ไม่รู้ว่ามีผู้คนที่ไม่สามารถหุบปากจนกว้างลง กล่าวสำหรับพวกเขาแล้วนี่คือเรื่องที่สุดจะจินตนาการได้ นี่คือระดับจอมราชันนะเนี่ย ต่อให้เป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าเพียงสายเดียวก็ยังคงมีความแข็งแกร่งมากเหมือนกัน
แต่ทว่า จอมราชันลักษณะเช่นนี้กลับคล้ายดั่งเป็นแมลงวันตัวหนึ่งที่ถูกตบจนกระเด็น ช่างเปราะบางเหลือเกิน
ทุกคนล้วนแล้วแต่ถูกทำให้หวั่นไหวจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ กระทั่งเกรงว่าเสียงหายใจของตนจะไปล่วงเกินต่อหลี่ชิเย่เข้าให้
“แค่ไปคว้าเอาชะตาโลหิตมาได้ก็หลงเข้าใจว่าตัวเองมีชะตาฟ้าอีกหนึ่งแล้ว” หลี่ชิเย่มองดูหลุมลึกที่อยู่บนพื้นด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “ของอัปมงคลนี้เป็นเพียงสิ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดใช้เลือดเป็นตัวล่อ แล้วหว่านเมล็ดพันธุ์จำนวนนับไม่ถ้วนลงในยุคสมัยของตนเท่านั้น เพื่อเก็บเกี่ยวเลือดแก่นของสรรพชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน และเลียนแบบชะตาฟ้าเท่านั้น”
เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้ ป้ายบูชาลอยล่อง และกล่าวว่า “ก็แค่ชะตาโลหิตเท่านั้น หากว่ากันถึงเรื่องความโหดร้ายทารุณเทียบกับแผ่นป้ายบูชาฟ้าบูชาดิน บูชาสรรพสิ่งมีชีวิตได้รึ? เมื่อเปรียบเทียบกับมันแล้ว ชะตาโลหิตก็แค่ของเด็กเล่นเท่านั้นเอง”
เลือดหยดนั้นที่อยู่เหนือศีรษะของราชันสวรรค์ขวางเส้ามีชื่อว่าชะตาโลหิต เจ้าสิ่งนี้เกิดจากผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในความมืดในยุคสมัยของไกลกันดาร แอบหว่านเมล็ดพันธุ์ไว้บนตัวของมนุษย์ปุถุชนธรรมดา และผู้บำเพ็ญตนจำนวนนับไม่ถ้วนอย่างลับๆ เมื่อได้โอกาสสุกงอมก็จะเก็บเกี่ยวเอาเลือดแก่นของทุกๆ คน จากนั้นนำมากลั่นให้กลายเป็นชะตาโลหิต จุดประสงค์ต้องการเลียนแบบชะตาฟ้า
การที่ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้เลือดหยดนี้มา ก็เพื่ออาศัยมันมาชดเชยชะตาฟ้าของตน
บรรดายอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับสั่นเทาเมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ชิเย่ ต่อให้พวกเขาไม่ได้รับรู้ถึงความลึกลับพิสดารที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ก็รู้ว่าได้เคยเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นมาบ้าง
ลองคิดดู อาศัยเลือดแก่นจำนวนนับไม่ถ้วนมาหลอมกลั่นเป็นชะตาโลหิตเลียนแบบให้เหมือนชะตาฟ้า ช่างเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองยิ่งนัก และเป็นเรื่องที่โหดร้ายทารุณ เกรงว่าผู้คนจำนวนมากในยุคนั้นล้วนแล้วแต่ไม่รู้ว่าตนเองนั้นได้กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ของผู้อื่นเสียแล้ว
“ช่าาา” เศษดินปลิวว่อน นาทีนี้เองหลุมลึกขนาดยักษ์ปรากฎร่างเงาสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็คือราชันสวรรค์ขวางเส้านั่นเอง
ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ปรากฏตัวขึ้นยืนอยู่บนท้องฟ้าอีกครั้ง ท่าทางดูกระเซอะกระเซิงอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะมีรอยเลือดเปรอะไปทั่วร่าง แต่ยังคงกระฉับกระเฉงเหมือนเดิม มองออกว่าการโจมตีครั้งนี้แม้จะทำให้เขาต้องกระเด็นกระดอนไป แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมายนัก
“เจ้าหนูน้อยตระกูลหลี่ อย่าได้อาศัยความร้ายกาจจากของวิเศษ!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าร้องตวาดน่าเกรงขามออกมา และกล่าวว่า “เจ้าที่มีทักษะยุทธอ่อนด้อย ต่อให้ของวิเศษทรงพลังเช่นใดก็ไม่มีประโยชน์ คิดจะสังหารข้าหน่ะ ฝันไปเถอะ!”
ป้ายบูชาที่อยู่ในมือของหลี่ชิเย่นั้นได้มาจากแหลมเฮ่าว่าง เรียกได้ว่าเป็นอาวุธอาถรรพ์ร้ายกาจมากอย่างหนึ่ง แต่ว่า เป็นเหมือนดั่งราชันสวรรค์ขวางเส้าว่าเอาไว้ว่า ตัวของหลี่ชิเย่เองไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งอย่างเพียงพอไปขับเคลื่อนป้ายบูชาดังกล่าว แม้ว่าตัวป้ายบูชาเองจะทรงพลังอำนาจยิ่งนัก แต่หากคิดจะสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้าเกรงว่าคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
เป็นความจริงที่ป้ายบูชานี้มีความฝืนลิขิตสวรรค์โดยแท้ แต่หากต้องการอาศัยมันเพื่อสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้า จำเป็นต้องอาศัยพลังที่แข็งแกร่งมากมาขับเคลื่อนมัน มีเพียงเช่นนี้จึงสามารถปะทุอานุภาพที่แข็งแกร่งที่สุดของมันออกมาได้
แม้ว่าจะถูกหลี่ชิเย่ฟาดจนกระเด็นไปในกระบวนท่าเดียว แต่เมื่อเห็นว่าหลี่ชิเย่ไม่สามารถสำแดงพลังอำนาจที่แท้จริงของป้ายบูชานี้ออกมาได้ ทำให้ราชันสวรรค์ขวางเส้าวางใจอย่างเต็มที่ เพราะลำพังอาศัยพลังที่ปะทุออกมาจากแผ่นป้ายบูชาเองไม่สามารถฆ่าเขาให้ตายได้อยู่แล้ว
“เจ้าสำคัญตัวเองมากเหลือเกิน” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “จะฆ่าเจ้าใยต้องอาศัยพลังชั่วร้ายของอาวุธร้ายเช่นนี้เล่า”
“ดี ดี ดี นับว่าข้าได้เจอผู้ที่โอหังมากกว่าข้าแล้ว” ราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจัดจนหัวเราะออกมา ร้องตวาดน่าเกรงขามออกมาว่า “หนูน้อยตระกูลหลี่ วันนี้ข้านี่แหละจะถลกหนังเลาะกระดูกของเจ้า! ดูสิว่าเจ้ายังจะทำกำแหงได้หรือไม่!”
ครั้นราชันสวรรค์ขวางเส้ากล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว นัยน์ตาทั้งสองของเขาแดงก่ำ พวยพุ่งเป็นประกายโลหิตออกมา ตัวของเขาเผยให้เห็นถึงท่าทีที่กระหายเลือดขึ้นมา
สำหรับท่าทีของราชันสวรรค์ขวางเส้านั้น หลี่ชิเย่เลิกหนังตาทีหนึ่ง กล่าวเรียบๆ ขึ้นมาว่า “เจ้าเศษสวะโง่เขลา ตัวเองธาตุไฟเข้าแทรกแล้วยังไม่รู้ตัว เอาเถอะ วันนี้ให้ข้าส่งเจ้าไปนรกก็แล้วกัน จะได้ไม่ต้องมีแมลงวันเช่นเจ้าส่งเสียงน่ารังคาญทั้งวัน เสียชื่อจอมราชันเซียนหวัง”
“เจ้า…” คำพูดของหลี่ชิเย่ทำเอาราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจัดจนแทบกระอักเลือดออกมา ตัวเขาเองเดิมทีเป็นผู้โอหังอยู่แล้ว ภายใต้ผลกระทบจากชะตาโลหิตทำให้กลับกลายเป็นโหดร้ายทารุณ หน้าตาของเขาในเวลานี้ดูบิดเบี้ยว กัดฟันกรอดและพูดขึ้นมาว่า “เจ้าหนูน้อยตระกูลหลี่ วันนี้ข้านี่แหละจะดื่มเลือดกินเนื้อของเจ้า!”
“เอาหละ ไม่ต้องทำเสียงหึ่ง หึ่ง หึ่งอยู่ตรงนั้น งัดเอาสุดยอดวิชาของเจ้าออกมา ข้าจะได้เด็ดหัว เลาะกระดูกของเจ้าออกมาได้ไวหน่อย ส่งเจ้าไปลงนรก” หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไม่มองดูราชันสวรรค์ขวางเส้าอีกสักครั้ง โบกมือไปมาท่าทางเหมือนกำลังไล่แมลงวันที่กำลังส่งเสียงหึ่ง หึ่งไปให้พ้น
“เจ้าเดรัจฉานน้อย รนหาที่ตาย!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจนถึงขีดสุด พ่นเป็นเพลิงแห่งความโกรธออกมาจากดวงตาทั้งสอง แต่ว่า นาทีนี้เขาไม่ได้ลุยเข้าไปบุ่มบ่าม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...