“ควรเป็นไปตามนัดนะเนี่ย” เมื่อหลี่ชิเย่ได้ยินคำพูดของจินเก๋อเพียงยิ้มจางๆ และกล่าวว่า “แล้วเจ้าจะเลือกแบบไหนหละ?”
“ไม่ เป็นท่านปรมาจารย์ที่เป็นผู้เลือก” จินเก๋อส่ายหน้าและยิ้มกล่าวว่า “อยู่ต่อหน้าท่านปรมาจารย์ ยังมีให้ข้าจินเก๋อได้เลือกอีกรึ? หากท่านปรมาจารย์จะลงมือสั่งสอนจินเก๋อ จินเก๋อขอสู้ก็แล้วกัน ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม นัดหมายย่อมเป็นนัดหมาย ข้าจินเก๋อยังไม่ถึงขั้นยอมรับผิดและไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน”
ครั้นเอ่ยถึงตรงนี้แล้วเขาเองยังต้องหัวเราะออกมา แม้เขาจะรู้ว่าสิ่งที่ตนเผชิญอยู่นั้นน่ากลัวมาก เคยเข่นฆ่าจอมราชันเซียนหวังมาก่อน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จินเก๋อก็เลือกที่จะไปเผชิญหน้า เขาจะไม่เป็นเพราะหลี่ชิเย่นั้นน่ากลัวเกินไปแล้วเลือกที่จะหลบเลี่ยง
ดังนั้น วันนี้จินเก๋อจึงได้มาตามนัด ไม่ว่าผลจะลงเอยอย่างไรเขาก็ต้องไปเผชิญหน้ากับมัน สิ่งนี้ไม่เพียงเพราะเป็นนัดหมายของเขากับหลี่ชิเย่ก่อนบรรลุเป็นจอมราชัน ขณะเดียวกันเป็นการทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของตนมีความมั่นคง
ถ้าหากกระทั่งการนัดหมายเช่นนี้เขายังไม่กล้าไปเผชิญ และหลบเลี่ยงยังไม่ทันได้สู้รบล่ะก็ มันจะทำให้เกิดเป็นเงามืดที่ไม่สามารถลบเลือนภายในใจไปตลอดกาล ต่อให้เขาสามารถกลายเป็นจอมราชันที่มีชะตาฟ้าแปดสายได้จริงๆ เกรงว่าเขาคงไม่สามารถหลุดพ้นจากเงาสายนี้ที่อยู่ในใจได้ตลอดกาล
หลี่ชิเย่เพียงยิ้มจางๆ สำหรับคำกล่าวลักษณะเช่นนี้ของจินเก๋อ ค่อยๆ จิบชาคำหนึ่ง และเอ่ยขึ้นมาช้าๆ ว่า “สัจธรรมแลหมื่นวิชา สุดท้ายย่อมสามารถวิวัฒนาการได้ โชควาสนาฟ้าดิน ท้ายสุดแล้วก็สามารถบรรลุได้ มีเพียงจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ต้องใช้เวลาก้าวทีละก้าว ในโลกนี้สิ่งของจำนวนมากสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรนี้กลับสามารถแข็งแกร่งจนไม่มีสิ่งใดสามารถทำลายได้ สามารถก้าวข้ามกาลเวลา สามารถอยู่กับยุคสมัยในอดีตอันยาวนานที่ห่างไกลออกไปจากปัจจุบัน”
หลี่ชิเย่พูดต่อเนื่องออกมาช้าๆ ขณะที่จินเก๋อตั้งใจรับฟัง แม้ว่าวันนี้เขาได้เป็นระดับจอมราชันเซียนหวังแล้ว แม้ว่าวันนี้เขาได้สืบทอดชะตาฟ้าแล้วก็ตาม แต่ทว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ยิ่งใหญ่ดึกดำบรรพ์แล้ว เขายังคงเป็นเพียงผู้เยาว์คนหนึ่งเท่านั้นเอง
“บ่อยครั้งที่มองมิติกาลเวลาไกลๆ หวนนึกถึงอดีตที่ผ่านมา มองไปข้างหน้าและถามตัวเองว่า สิ่งที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ในโลกนี้คืออะไร?” หลี่ชิเย่กล่าวอย่างช้าๆ ว่า “สุดท้ายแล้วสิ่งที่สามารถทำให้เจ้าเป็นอมตะได้จริงๆ คืออะไร?”
จินเก๋อที่ฟังคำลักษณะเช่นนี้ของหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับนิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานาน หลังจากผ่านไปนานมากเขาจึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านปรมาจารย์ โลกนี้มีสิ่งที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้จริงรึ?”
“ไม่มีใครที่เกิดมาพร้อมกับใจแข็งดั่งหินเหล็ก และไม่ใครที่เกิดมาพร้อมกับจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ไม่สามารถสั่นคลอนได้ นี่เป็นการเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนที่ไร้สาระ สิ่งนี้จำเป็นต้องอาศัยเวลาที่ค่อยๆ ผ่านไป จำเป็นต้องอาศัยการผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ของเรื่องราวต่างๆ บนโลก บนโลกนี้ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยหวั่นไหว ทุกคนล้วนแล้วแต่เคยมีท่าทีที่เกิดความสงสัยไม่มั่นใจ แต่ว่า เมื่อเจ้ากำลังสิ้นหวัง เมื่อเจ้ารู้สึกยากที่จะยืนหยัดต่อไป เจ้าลองถามใจตัวเองสิว่า ความตั้งใจเดิมของเจ้าคืออะไร? ขอเพียงเจ้าไม่ลืมความตั้งใจเดิม ขอเพียงเจ้าคอยเตือนหมั่นฝึกตนครั้งแล้วครั้งเล่า จึงสามารถทำให้จิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเจ้ามีความแข็งแกร่งมั่นคงขึ้นมาได้” เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว จ้องมองไปที่จินเก๋อ
หลังจากที่จินเก๋อได้ฟังคำเช่นนี้แล้ว เขาได้ทำการพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียด และจดจำมั่นในใจ
“พรสวรรค์ของเจ้าสูงมาก มีความสามารถในการเป็นจอมราชัน” หลี่ชิเย่กล่าวว่า “เจ้าก็มีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงดวงหนึ่ง แต่อย่างไรเสียยังหนุ่มแน่น ท่ามกลางวิถีทางอันยาวไกล ควรค่าแก่เจ้าไปเสาะแสวงหาด้วยความยากลำบาก หาใช่จำนวนมากหรือน้อยของชะตาฟ้า ไม่ใช่ทักษะยุทธที่สูงหรือต่ำ แต่เป็นจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่ทำให้เจ้าไม่หวั่นไหวดวงหนึ่ง”
“ความจริงเป็นเช่นนี้จริงหรือ?” จินเก๋อรู้สึกตะลึงนิดหนึ่ง
“หรือเจ้าคิดว่าอย่างไรหละ? ถ้าหากไม่ใช่ งั้นมันคืออะไร? ชะตาฟ้ามากหรือน้อย หรือว่าสิ่งอื่นๆ?” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เหมือนดั่งเจ้า วันนี้เจ้ารู้ตัวดีมาก เจ้ารู้ว่าสิ่งที่เจ้าปรารถนาคืออะไร แต่หากสักวันหนึ่ง โลกของเจ้ากำลังจะแตกสลาย และเจ้าต้องเผชิญกับการจะต้องเลือก ถ้าหากว่าเจ้าทำเพื่อตัวเอง ยอมศิโรราบต่ออิทธิพลมืด เงื้อมีดขึ้นมาแล้วทำการเข่นฆ่าคนในเผ่าของเจ้า กระทั่งคนในครอบครัวของเจ้า แม้กระทั่งภรรยาที่เจ้ารักมากที่สุด สังหารพวกเขาไปทีละคนๆ ในเวลานี้ ฉวยโอกาสที่เจ้ายังมีสติ เจ้าลองถามใจตัวเองสักครั้ง…”
“…วินาทีที่เจ้าเงื้อมีดขึ้นมานั้น เจ้าคิดว่าเจ้าได้ครอบครองชะตาฟ้าจำนวนเท่าไร เจ้ามีทักษะยุทธเพียงใด เรื่องนี้สำคัญนักหรือ? ต่อให้เจ้ามีชะตาฟ้าสิบสองสายในครอบครอง แต่ว่านาทีนี้เจ้าไม่ใช่ตัวเจ้าอีกแล้ว เจ้าคิดว่านี่คือความปรารถนาบนเส้นทางการเป็นจอมราชันของเจ้ารึ? คือความตั้งใจเดิมของการเป็นจอมราชันของเจ้ารึ?”
ครั้นหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้วได้ทอดถอนใจออกมาเบาๆ และกล่าวว่า “ขณะที่เจ้าเงื้อมีดขึ้นมาวินาทีนั้น บางทีหากสามารถย้อนเวลากลับไป บางทีเจ้าอาจคาดหวังอย่างยิ่งว่าตัวเองจะมีจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรที่มั่นคงไม่หวั่นไหวดวงหนึ่ง ปฏิเสธความสับสน ต่อต้านอำนาจมืด ให้ความตั้งใจเดิมไม่หวั่นไหว ยืนหยัดในวิถีสัจธรรมของตน เดินไปข้างหน้าอย่างทระนง ต่อให้สิ้นหวัง หรือต้องล้มลง ก็จะก้าวเดินจนถึงที่สุด”
คำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่ทำให้จินเก๋อที่เพิ่งได้เป็นจอมราชันหมาดๆ ตกอยู่ในความนิ่งเงียบเป็นเวลานาน ยิ่งในขณะที่ยังไม่ได้บรรลุเป็นจอมราชันด้วยแล้ว เขาต้องการสืบเสาะค้นหาหนทางการเป็นจอมราชัน เมื่อได้เป็นจอมราชันแล้ว สิ่งที่สืบเสาะก็เปลี่ยนไป ภาพที่อยู่ตรงหน้าได้แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง มีวิสัยทัศน์ที่กว้างขวางมากกว่านั้นอีก
“ดังนั้น ถือโอกาสที่เจ้าเพิ่งบรรลุเป็นจอมราชันใหม่ๆ ขณะที่ภายในใจยังตื่นรู้ เจ้าสมควรถามตัวเองให้ดีว่า สิ่งที่เจ้าต้องการคืออะไร? ถามใจตัวเอง และเตือนตัวเองให้ดี” ในเวลานี้ หลี่ชิเย่ จ้องมองไปที่จินเก๋อ กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “คือจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรดวงหนึ่งที่ไม่ลืมความตั้งใจเดิม หรือเป็นพลังที่สูงสุด หรือเป็นสิ่งอื่นๆ?” คำพูดของหลี่ชิเย่ได้เปิดหน้าต่างให้กับจินเก๋อบานหนึ่ง ในอดีตสิ่งที่เขาสนทนากับผู้อาวุโส หรือสหายร่วมอุดมการณ์ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความลึกซึ้งพิสดารของสัจธรรม สถานการณ์ในหล้า แต่ มาวันนี้หลี่ชิเย่เพียงถามหาจิตแห่งการบำเพ็ญเพียรของเขาเท่านั้นเอง
หลังจากที่จินเก๋อได้พินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดแล้ว ลุกขึ้นยืนและคำนับต่อหลี่ชิเย่ด้วยความเคารพ และกล่าวว่า “วันนี้จินเก๋อได้รับการชี้แนะจากท่านปรมาจารย์ ทำให้เห็นทางสว่าง ท่านปรมาจารย์ละทิ้งความอคติชี้แนะต่อจินเก๋อ จินเก๋อขอบคุณอย่างยิ่ง”
หลี่ชิเย่ถึงกับหัวเราะขึ้นมาและกล่าวว่า “นี่มันคนละเรื่องกัน ข้าเป็นศัตรูกับเผ่าเทพ เผ่ามาร และเผ่าสวรรค์พวกเจ้า นั่นเป็นเพราะข้าคือเผ่ามนุษย์ ซึ่งเป็นการเลือกที่ง่ายดายมาก ส่วนเรื่องที่ข้าชี้แนะต่อเจ้า นั่นเป็นเพราะเจ้าคือผู้มีความสามารถที่ขัดเกลาได้ นี่ก็เป็นการเลือกที่ง่ายดายเช่นกัน”
“ความใจกว้างของท่านปรมาจารย์ ใช่รุ่นพวกเราสามารถคาดเดาได้” จินเก๋อกล่าวทอดถอนใจออกมา
หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “เจ้าเองก็ได้เป็นจอมราชันแล้ว เรื่องที่ผ่านมาล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเล็กน้อย ให้มันล่องลอยไปตามสายลมก็แล้วกัน สิ่งที่ข้าสามารถมอบให้กับเจ้าก็มีเพียงเท่านี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
น่าอ่าน...